Tag: บิทคอยน์ ราคา

เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

ถ้าจะพูดถึงเรื่องราว ข่าวบิทคอยน์ หลายๆคนคงนึกถึงจุดเริ่มต้นของบิทคอยน์ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนสร้าง แต่ในวงการนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่มีทั้งคนรู้และไม่รู้มาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่เกิดความฮือฮามาแล้วตั้งแต่เมื่อครั้งบิทคอยน์เริ่มเป็นกระแสสังคมมาเรื่อยๆ ดังนั้น เราจะมาทำความรู้จักกับเรื่องราวในแวดวงบิทคอยน์กันสักหน่อย กับ เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

มาเริ่มกันที่ เรื่องแรก…… ซาโตชิ บิดาแห่งบิทคอยน์

เรื่องนี้ในวงการบิทคอยน์คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินใช่ไหม แต่เราอยากจะตอกย้ำให้จดจำกันอีกสักครั้ง กับจุดเริ่มต้นของคนที่ทำให้มีบิทคอยน์ขึ้นมา เขาคือ Satoshi Nakamoto (นามแฝง) หรือบิดาแห่ง บิทคอยน์ ซึ่งเขาได้เป็นคนบุกเบิกสกุลเงินดิจิตอลสู่ชาวโลกครั้งแรก ผ่านเว็บไซต์ bitcoin.org และ metzdowd โดยยึดหลักการที่ว่า ไม่ต้องการให้ค่าเงินถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือสถาบันการเงินใดๆ

Satoshi เริ่มเขียนโค๊ดพัฒนาบิทคอยน์ตั้งแต่ปี 2007, นำเสนอ whitepaper ปี 2008 และคลอด Bitcoin version 0.1 ในปี 2009 และยังคงพัฒนาซอฟแวร์อย่างต่อเนื่องมาจนถึงช่วงปี 2010 จนระบบถูกวางเสร็จสมบูรณ์ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากวงการบิทคอยน์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนที่จะส่งต่อข้อมูลทั้งหมดให้ Gavin Andresen (ซึ่งดำรงตำแหน่ง Bitcoin core development lead และ Bitcoin foundation จนถึงปี 2016) บัญชีของ Satoshi ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีบิทคอยน์ครอบครองมากที่สุดในโลกถึง 1ล้าน BTC กระจายอยู่พันกว่าบัญชี รวมมูลค่าทรัพย์สินของเขาใน cryptocurrency ถึง 36,181 ล้านเหรียญสหรัฐ (ว้าว!!) (อ้างอิงตามราคา ฺBitcoin ที่ https://coinmarketcap.com/  1 BTC = 36,181 USD )    เรียกได้ว่า เขานี่แหละ คือเจ้าพ่อที่ทำให้บิทคอยน์ มีชื่อเรียกเป็นหน่วยซาโตชินั่นเอง

มาต่อกันกับเรื่องที่ 2 ฮือฮาสุด ซื้อพิซซ่า 2 ถาดได้ด้วย บิทคอยน์

เรื่องนี้ไม่พูดไม่ได้แล้ว เพราะเสมือนเป็นเรื่องหลักๆ ที่วงการบิทคอยน์จดจำ และกลายเป็นตำนาน ถึงขนาดปัจจุบัน มีวัน “Bitcoin Pizza Day” ซึ่งเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2010 เมื่อผู้ใช้งาน Bitcoin รายหนึ่ง ชื่อว่า Laszlo Hanyecz ได้ใช้บิทคอยน์จำนวน 10,000 BTC ไปแลกกับพิซซ่าจำนวน 2 ถาด จนกลายเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ครั้งแรกของโลก ที่ไม่ต้องใช้เงินสดซื้อพิซซ่า โดยตอนนั้น Bitcoin มีราคาอยู่เพียง 0.004 ดอลลาร์ ทำให้พิซซ่ามีมูลค่าที่ 41 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าเทียบกับมูลค่า BTC ในปัจจุบัน จะทำให้พิซซ่าสองถาดนี้ กลายเป็นพิซซ่าที่แพงที่สุดในโลก เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  ได้ขอซื้อพิซซ่าผ่านการโพสต์ลงเว็บบอร์ด Bitcointalk  โดยแจ้งในบอร์ดว่า “คุณจะทำพิซซ่ามาและนำมาส่งที่บ้านผมเองก็ได้นะ หรือจะสั่งให้ผมแล้วผมไปรับก็ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมต้องการจะใช้ คือ Bitcoin แลกกับอาหารโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องทำเอง คล้าย ๆ การสั่งอาหาร Delivery ที่โรงแรม ที่เขามาอาหารมาเสริฟ์ในห้อง และคุณกินมันอย่างมีความสุข” หลังจากนั้นสองวัน เขาก็โพสต์ภาพพิซซ่าสองถาด ที่ได้รับพิซซ่าจากร้าน Papa John โดยมีคนสั่งซื้อมาส่งให้เขาถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว

ครอบครัว Laszlo Hanyecz ผู้ใช้ บิทคอยน์ 10,000 BTC แลกกับ พิซซ่า 2 ถาด

          แถมจุดประสงค์ของเค้าที่ต้องการซื้อ 2 ถาด เพราะเขาอยากเหลือไว้กินในวันถัดไปอีกด้วย เรียกได้ว่าเรื่องนี้แหละ คือ เรื่องที่ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ดูมีมูลค่าขึ้นมาทันที จนมีคนสนใจที่จะหามันมาครอบครองเพื่อซื้อขายออนไลน์กันโดยเฉพาะ

เรื่องที่ 3 : วิกฤติ MtGox และ Coincheck เว็บเทรดเจ้าใหญ่ ถูกแฮก สะเทือนวงการ “เงินดิจิตอล”

ช่วงปี 2014 เกิดเหตุการณ์สะเทือนวงการผู้ใช้สกุลเงินดิจิตอล “บิทคอยน์” เมื่อเว็บเทรด “MtGox” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขาย บิทคอยน์ รายใหญ่ที่สุดของโลกได้ยื่นเอกสารต่อศาลในกรุงโตเกียวเพื่อขอล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์ หลังจากถูกแฮคเกอร์โจรกรรม บิทคอยน์ จำนวน 750,000 เหรียญ พร้อมกับ บิทคอยน์ ของบริษัทราว 100,000 เหรียญ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 477 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.56 หมื่นล้านบาท) โดย คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน CoinDesk ในวันดังกล่าว วิกฤติการณ์ครั้งนั้นถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ผู้ถือครองสกุลเงิน บิทคอยน์ หวั่นวิตกกับอนาคตของสกุลเงินดังกล่าว หลังจากที่ บิทคอยน์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

มูลค่าความเสียหาย ของเว็บเทรดที่ถูกแฮก

Mt Gox เว็บเทรดเจ้าใหญ่ในตำนานสัญชาติญี่ปุ่นที่ถูกแฮกไปในปี 2014 ทำให้ตลาดคริปโตกลายร่างเป็นขาลงยาวนานถึงสองปี โดยมีแผนจะชดเชยบิทคอยน์จำนวน 140,000 BTC ให้แก่นักลงทุนในวันที่ 15 ตุลาคม 2020 หลังถูกเลื่อนมาแล้วถึงสี่รอบ หลังจากนั้น ปี 2018 บริษัท Coincheck ซึ่งเป็นบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ถูกแฮกเกอร์มือดีเข้ามาเจาะระบบคอมพิวเตอร์ โจรกรรมเงินดิจิทัลไปได้มหาศาลถึง 5,800 ล้านเยน หรือราว 534 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 16,700 ล้านบาท) จนถือเป็นการขโมยเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ทำลายสถิติของ บริษัท MtGOX

เรื่องที่ 4 : ปล้นบิทคอยน์ โดยไวรัส Wannacry

อะไรที่เป็นกระแส และได้เงินจริง มักจะมีผู้ไม่หวังดี ทำตัวเป็นโจรคอมพิวเตอร์ หาเรื่องเรียกค่าไถ่ คุกคามผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทันที อย่าง ไวรัส Wannacry  ที่เคยระบาดหนักอยู่ช่วงปี 2017 โดยไวรัสตัวนี้ จะเป็น หนึ่งใน ransomware ที่ทำการเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์เหยื่อ โดยทำการล็อคข้อมูลทั้งหมด และเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin เป็นจำนวนเงินไทยกว่า 100,000 บาท เพื่อแลกกับการปลดล็อคคอมพิวเตอร์ โอ้วโหว ที่มันเป็นการเรียกค่าไถ่รูปแบบใหม่ชัดๆ ซึ่งเท่ากับว่า เงินจำนวนกว่า 4 ล้านบาท สูญไปกับกลุ่ม Hacker ไปเลย

เมื่อคอมพิวเตอร์ติดไวรัส WannaCry จะมีหน้าตาตามรูปนี้

          บริษัทและผู้คนบนโลกกว่า 150 ประเทศ ต้องปั่นป่วน เพราะคอมพิวเตอร์จำนวนกว่า 230,000 เครื่องถูกไวรัสนี้เข้าควบคุม แม้แต่โรงพยาบาลยังถูกล็อคข้อมูลเข้าถึงผู้ป่วย หรือบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคม อย่าง FedEx ในสเปนยังได้รับผลกระทบไปด้วย ผลกระทบของการโจรกรรมในครั้งนั้น ได้ถูกเชื่อมโยงไปยังกลุ่ม Hacker ในเกาหลีเหนือ  นามว่า The Lazarus Group โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยต่างระบุว่า Wannacry เป็นไวรัสที่โจมตีบริษัทดัง และธนาคารในประเทศต่างๆ จนเกิดความเสียหายอีกด้วย อีกทั้งบิทคอยน์ที่ถูกโจรกรรมไป บางส่วนก็ถูกนำไปซื้อของในตลาดมืดอีกด้วย   นับว่าเป็นการกระทำที่ทำให้นักลงทุนบิทคอนย์เฟลไปตามๆกัน แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน เว็บไซต์สำหรับใช้งานบิทคอยน์ต่างๆ มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก

เรื่องที่ 5 : โปรแกรมเมอร์ บุญมี แต่กรรมบัง!!!

เจมส์ โฮเวลส์ ทิ้งฮาร์ดไดร์ฟที่เขาลืมไปว่ามีบิทคอยน์ จำนวน 7,500 เหรียญ บันทึกอยู่ ลงถังขยะเมื่อ 8 ปีที่แล้ว นายโฮเวลส์ ซื้อบิทคอยน์มาในราคาถูกมากเมื่อปี 2009 แต่เขาถอดฮาร์ดไดร์ฟที่ใช้บันทึกบิทคอยน์เหล่านั้นออก หลังจากทำเครื่องดื่มหกใส่คอมพิวเตอร์ และเก็บฮาร์ดไดร์ฟไว้ในลิ้นชักจนกระทั่งลืมว่ามีบิทคอยน์บันทึกไว้อยู่ ต่อมาเขาได้โยนฮาร์ทไดร์ฟทิ้งไปในปี 2013 ขณะนี้เขากำลังร้องขอให้เทศบาลเมืองนิวพอร์ต ทางตอนใต้ของเวลส์ ช่วยขุดฮาร์ดไดร์ฟดังกล่าวที่เชื่อว่าอยู่ในที่ฝังกลบขยะของเทศบาล โดยสัญญาว่าจะบริจาคส่วนแบ่ง 25% ตามมูลค่าของบิทคอยน์ให้กับเทศบาลเพื่อเป็นกองทุนต่อสู้กับโรคโควิด-19 ส่วนคนที่ สอง คือ สเตฟาน โทมัส โปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมนีที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เพราะว่า เขาได้ทำรหัสผ่านที่จะล็อกอินเข้าบัญชีบิทคอยน์ของตัวเองหายไป” ซึ่งภายในบัญชีของเขานั้นมีบิทคอยน์อยู่ มากถึงกว่า 7,002 เหรียญ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น กลายเป็นบทเรียนราคาแพง ไม่เฉพาะของ “สเตฟาน โทมัส” คนเดียวเท่านั้น แต่เหมือนว่าจะเป็นปัญหาของคนที่ชอบลืมรหัสผ่านกำลังเกิดขึ้นกันหลายๆคน เพราะยังมีผู้ถือบัญชีบิทคอยน์ทั่วโลกที่ถือบิทคอยน์จำนวนมากไว้ในมือ แต่ไม่สามารถขายได้เพราะลืมรหัสผ่านที่ตัวเองตั้งไว้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับ Satoshi ซาโตชิ หน่วยย่อยของ บิทคอยน์ blockchain คือ อะไร? ทำไมถึงเป็นเทคโนโลยีมาแรงสำหรับยุคนี้ 6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง! คนรวยด้วยบิทคอยน์ มีสักกี่คน? มือใหม่อยากรวย ตามมาดูกัน

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่

Bitcoin มาจากไหนกัน? ทำไมมันถึงมีมูลค่า

Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิตอลสกุลแรกของโลก เป็นสกุลเงินที่ไม่มีธนาคารหรือองค์กรใดควบคุม ค่าเงินของบิทคอยน์มีการเพิ่มขึ้น และการเข้าถึงเงินสกุลนี้ก็ทำได้ง่ายมากขึ้น เพียงแต่ว่าต้องเข้าใจระบบและศึกษาให้ดีเท่านั้นเอง

ถ้าเราลองย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 บิทคอยน์นั้นยังมูลค่าไม่สูงมาก คือ ไม่ถึง  $0.01 ~ หรือ 34 สตางค์ เท่านั้นเอง เพราะว่ายังไม่มีคนให้ความสนใจ และไม่ค่อยเข้าใจในระบบของเงินสกุลนี้มากนัก แต่พอตอนนี้ลองมาเทียบกันดู ในวันนี้ 18 กุมภาพันธ์ 2018 มูลค่าของบิทคอยน์นั้นมากกว่า 300,000 บาทแล้ว

อ้างอิงจาก Coinmarketcap.com

 

 

มูลค่าของบิทคอยน์นั้นเจริญเติบโตอย่างมาก ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับมูลค่าของบิทคอยน์ โดยปกติแล้ว สกุลเงินต่างๆ นั้นจะมีการใช้ทองคำ เงินสกุลอื่น เครดิตของประเทศ หรือพันธบัตรรัฐบาล ค้ำประกันมูลค่า แต่ในเมื่อบิทคอย์ไม่มีสิ่งเหล่านี้ค้ำประกันอยู่ แล้วจะมีค่าได้อย่างไร ?  แล้วบิทคอยน์คือสกุลเงินดิจิตอล แล้วเราจะได้มายังไงล่ะ

 

บิทคอยน์ได้มายังไง?

ขอยกตัวอย่างเลยแล้วกัน

สมมติว่า นาย ก ซื้อจอบขุดดินอันหนึ่ง เพื่อมาขุดดินหลังบ้าน แต่ไปเจอหินชนิดหนึ่ง แล้วก็นำหินนี้ไปขายในตลาด แลกกับค่าแรงที่เขาขุด แต่ว่าตอนแรกไม่ค่อยมีคนเห็นประโยชน์เท่าไร คิดว่าน่าจะไปตกแต่งบ้านมากกว่า ราคาของหินชนิดนี้จึงถูกมาก  แต่ต่อมาวันหนึ่ง คนพึ่งรู้ว่าหินนี้คือทองคำ ซึ่งในตัวหินนั้นอาจไม่มีมูลค่าเลย (no intrinsic value) แต่พอเริ่มมีการใช้ทองคำเป็นตัวกลางแทนมูลค่า (store of value) เช่นแรงงานและมูลค่าสินค้าต่างๆ ก็ทำให้ทองนั้นมีมูลค่าขึ้นมา

บิทคอย์ก็ไม่ต่างกันเลย แค่เราเปลี่ยนจากจอบขุด มาเป็น คอมพิวเตอร์

จากแรงงานมาเป็น การประมวลผลและตรวจสอบ transaction ของบิทคอยน์  และ ค่าอาหาร คือ ค่าไฟ

เรามาดูตัวอย่าง อธิบายการขุดบิทคอยน์ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

สรุปว่า ถ้าไม่ขุดก็จะไม่ได้บิทคอยน์ ซึ่งต่างกับเงินในเกมหรือแอปที่เจ้าของเพิ่มเองได้



 

การใช้งานทำให้บิทคอยน์เกิดมีมูลค่า

ในช่วงแรกที่ผ่านมา ยังไม่มีใครรู้ว่าจะนำบิทคอยน์ไปใช้ได้อย่างไร ทำให้มีมูลค่าต่ำ ไม่ต่างอะไรกับคนที่มองทองคำเป็นก้อนหินหรอก แต่ปัจจุบันนี้เรานำบิทคอยน์มาใช้ได้หลายงานมาก เช่น

  • เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระสินค้าได้ เช่น ประเทศญี่ปุน
  • เป็นตัวกลางการโอนเงินต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องผ่านหรือใช้เรทธนาคาร
  • ใช้เป็น store of value เสมือนทองคำ
  • มีไว้เพื่อซื้อขายหรือเก็งกำไร

แถมยังเป็นทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัดด้วย สามารถขุดได้ไม่เกิน 21 ล้านบิทคอยน์

*แต่อย่าเข้าใจผิดว่าบิทคอยน์มีมูลค่า เพราะมันมีจำนวนจำกัด

และการที่บิทคอยน์นั้นเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ทำให้บิทคอยน์เป็น store of value ที่เชื่อถือได้ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่มีคนใช้งานบิทคอยน์แล้ว ยังไงก็กลายเป็นสิ่งไม่มีค่าอยู่ดี  อย่างเช่น น้ำมันบนโลกนั้นมีจำกัดแต่ถ้าวันหนึ่งเราหันไปใช้พลังงานทดแทนอย่างอื่นหมด ก็คงไม่มีคนต้องการน้ำมันอีก

 

Bitcoin เป็นเหรียญที่สามารถใช้ซื้อ เหรียญทางเลือกอื่นๆ (Altcoin) ได้

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ Bitcoin ได้ถูกใช้เสมือนประตูไปสู่ Altcoin  พูดง่ายๆว่า ตอนนี้เรามีเหรียญใหม่ๆที่เรียกได้ว่าแทบจะล้นตลาด มีมากถึง 1545 เหรียญ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก  https://coinmarketcap.com/ แต่เราก็สามารถไปซื้อเหรียญต่างๆ ตามสถานที่แลกเปลี่ยน พวก Binance หรือ Bittrex  เหมือนว่า เราซื้อบิทคอยน์เพื่อไปแลกเป็นเหรียญอื่นๆ หรือถ้าเหรียญ altcoin ทั้งหลายร่วง คนส่วนใหญ่มักจะแลกกลับมาถือเป็นบิทคอยน์ จึงทำให้บิทคอยน์นั้นมีมูลค่าขึ้นมา

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่


3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่

 

มูลค่าและความต้องการของตลาด

เราอาจจะพูดถึงธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยน้อย อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ทุนสูง เป็นหนี้ระยะยาว  หุ้นถึงจุดอิ่มตัว แล้วเราจะนำเงินไปลงทุนที่ไหนดี ทำให้หลายคนหันมาลงทุนบิทคอยน์ เพราะว่ามีสถิตที่ให้ผลตอบแทนมาก และไม่เหมือนที่มีในท้องตลาด ตราบใดที่ยังมี Demand มี“คนเชื่อว่ามันมีมูลค่า”และพร้อมที่จะซื้อ ไม่ว่าจะไปใช้จ่าย หรือใช้ลงทุนก็จะยังมีคนที่แย่งกันลงทุนขุดบิทคอยน์

ผลลัพธ์คือ บิทคอยน์ก็จะมีมูลค่าต่อไป



 

Credit: https://coinman.co/2017/06/28/bitcoin-value/

 

คนรวยด้วยบิทคอยน์ มีสักกี่คน? มือใหม่อยากรวย ตามมาดูกัน

เดี๋ยวนี้หันหน้าไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง บิทคอยน์ บิทคอยน์ แล้วก็บิทคอยน์ อ้าว…บิทคอยน์ คือ อะไรล่ะ? กลายเป็นคำถามที่มีแต่คนอยากรู้? เพราะมีข่าวว่าบางคนสามารถทำรายได้จากบิทคอยน์วันละหลายพัน หลายหมื่น ถือว่าไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย  แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า บิทคอยน์ คือ อะไร ผู้เขียนแนะนำให้หาข้อมูลในเว็บ GoalBitcoin นี้ก่อน หรือ หาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตที่มีอยู่มากมายได้เช่นกัน

ราคาบิทคอยน์วันนี้ ทะลุ New high ไปอยู่ที่ $10,327.50  หรือ เท่ากับ 340,000 บาท (อ้างอิงตาม Coinmarketcap)สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนหรือนักเทรด หรือหน้าใหม่ในวงการบิทคอยน์  ผู้เขียนก็ยังแนะนำให้ทะยอยซื้อบิทคอยน์เก็บสะสมไว้  ตามกำลังทรัพย์ที่มี  แล้วอีกหน้าปีค่อยมาเช็คราคากันอีกที

 

วันนี้ผู้เขียนอยากจะมาคลายข้อสงสัย ว่า ราคาบิทคอยน์ วิ่งทะลุไป $10,000 ยังเข้าทันมั้ย? คนที่ถือ Bitcoin ในโลกนี้มีมากน้อยแค่ไหน? และมีคน รวยจาก Bitcoin สักกี่คน ?? 

 

คนที่ถือบิทคอยน์ Bitcoin ในโลกนี้มีมากน้อยแค่ไหน?

จากสถิติบัญชี Bitcoin ทุกบัญชีทั่วโลกมาเปิดให้ดูกันเลย

อ้างอิง https://bitinfocharts.com/

จากสถิติบัญชี Bitcoin ในภาพทำให้เห็นว่า

  • ทั่วโลกมีบัญชี Bitcoin 23.15 ล้านบัญชี  บัญชีบิทคอยน์ มีการใช้งานไม่ต่างกับเลขบัญชีธนาคาร และหนึ่งคนสามารถมีได้หลายบัญชี แสดงว่า น่าจะมีคนที่มีบัญชี Bitcoin ประมาณ 15-20 ล้านคนทั่วโลก
  • เมื่อนำทุกบัญชีทั่วโลกมาหาค่าเฉลี่ย ยอดบิทคอยน์เฉลี่ย คือ 0.72 BTC 
  • แต่บัญชีบิทคอยน์ส่วนใหญ่คือ 13.22 ล้านบัญชี  มี Bitcoin อยู่ในบัญชีไม่เกิน 0.001 BTC  เหมือนเปิดบัญชีไว้ลองเล่นเฉยๆ
  • บัญชีที่มี Bitcoin ตั้งแต่ 10,000 BTC  ซึ่งอาจจะเรียกกลุ่มนี้ว่าเป็นมหาเศรษฐี Bitcoin มีจำนวน 111 บัญชีทั่วโลก
  • บัญชี Bitcoin ที่มียอดคงเหลือมากกว่า 100,000 BTC มี 2 บัญชีในโลกเท่านั้น มี Bitcoin รวมกัน 252,798 BTC
  • บัญชี Bitcoin ที่มียอดคงเหลือมากที่สุดในโลก ถือ Bitcoin อยู่ 130,215 BTC  ซึ่งมีการเปิดเผยว่าเป็นบัญชีของ Bitfinex ที่เป็นเว็บเทรดซื้อขายเหรียญดิจิตอลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก



เห็นตัวเลขเหล่านี้ พอจะสรุปได้ว่า

  • Bitcoin มีการกระจุกตัวอยู่ในมือคนจำนวนไม่มาก Bitcoin 96.29% อยู่ในมือคนแค่ 2.93%
  • แม้เราจะได้ยินเรื่อง Bitcoin กันคุ้นหู มีคนกล่าวถึงตลอด แต่จำนวนคนที่มี Bitcoin อยู่ในมือจริง ๆ อย่างมากก็ไม่เกิน 23 ล้านคนทั่วโลก ถ้าเทียบกับประชากรโลกที่ี 7,600 ล้านคน ก็แค่ 0.3% ….. แปลว่า ทุก ๆ 1,000 คนในโลก จะมีแค่ 3 คนเท่านั้นที่มีบัญชี Bitcoin จึงนับว่ายังเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับยุคนี้มาก (แม้จะถือกำเนิดมา 8 ปีแล้วก็ตาม) ซึ่งก็แปลว่า ถ้า Bitcoin ไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงคนอีกหลายร้อยหลายพันล้านคนทั่วโลก
  • นอกจากนั้น ถ้าเทียบปริมาณ Bitcoin ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ารวมกัน 1.67 แสนล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับปริมาณเงิน USD ทั้งหมดที่มี 13.74 ล้านล้านเหรียญ Bitcoin ก็แค่ 1.2% เท่านั้น .. Bitcoin ยังถือว่าน้อยมากๆๆ (ข้อมูล US Money Supply M2 )
  • ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ขยับขึ้นมาแล้ว 12.60 เท่าตัว จาก $737 มาเป็น $10,327 .. แต่ถ้าคิดว่า 12.60 เท่าเยอะแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับเหรียญ Ethereum ที่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นมา 53.22 เท่าตัว จาก $8.81 มาเป็น $473 และถ้าเทียบกับเงินสกุล Dash ที่พุ่งขึ้นมา 67.28 เท่าตัว จาก $9.12 มาเป็น $622 ราคา Bitcoin ที่พุ่งขึ้นมา ก็แค่ธรรมดา ๆ ไปเลย

มาดูหน้าตา 5  คนรวยระดับมหาเศรษฐีจาก Bitcoin กันหน่อย

1. Cameron and Tyler Winklevossสองศรีพี่น้อง Winklevoss ผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของไอเดียสร้าง Facebook ฟ้อง Mark Zuckerberg  ผู้ก่อตั้ง Facebook สองพี่น้อง Winklevoss มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  400 ล้านดอลลาร์

2. Tony Gallippi  :เป็นผู้ก่อตั้งและเป็น CEO ของบริษัท Bitpay มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  100 ล้านดอลลาร์

3. Roger Ver :เป็นนักลงทุน ในบริษัท Start Up ที่เกี่ยวกับ Bitcoin  มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  52 ล้านดอลลาร์

4. Charlie Shrem  :เป็นนักลงทุนและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Start Up ชื่อ BitInstant,มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  45 ล้านดอลลาร์

5. Jared Kenna : เป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท Tradehill and Money & Tech  มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง 30 ล้านดอลลาร์




การคาดการณ์ราคาบิทคอยน์ในปี 2020-2030

Bitcoin ถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับยุคนี้ (แม้จะถือกำเนิดมา 8 ปีแล้วก็ตาม) ซึ่งก็แปลว่า ถ้า Bitcoin ไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงคนอีกหลายร้อยหลายพันล้านคนทั่วโลก

Note : การคาดการณ์อาจจะไม่เป็นตามในรูปก็เป็นได้  ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของแต่ละคน โปรดใช้วิจารณญาณ!!

 

แล้วตอนนี้บิทคอยน์ ซื้ออะไรได้บ้าง?

รวมแหล่งร้านค้า รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

เทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเห็นจะเป็นเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน โดยในปัจจุบันนั้น เราต่างก็เห็นการใช้จ่ายเงินผ่านมือถือ โดยที่เราไม่ต้องพกเงินสดกันอีกต่อไปแล้ว เราจะพาคุณไปดู แหล่งร้านค้า ที่รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

ต้องบอกว่าปัจจุบันบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเราอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากชีวิตประจำวันของทุกคนต้องข้องเกี่ยวกับระบบอินเทอร์เน็ตแน่นอน และบิทคอยน์คงจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ กับระบบการเงินของโลกในอนาคต ซึ่งผู้เขียนอยากให้ทุกท่านศึกษา เรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องนี้เอาไว้ซักหน่อยก็ไม่เสียหาย เพราะใครจะไปรู้อนาคตข้างหน้า “บิทคอยน์” อาจกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายก็ได้

การลงทุนมีความเสียง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้นั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนใน Bitcoin, Altcoin หรือ ICO ตัวไหน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง



10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่เหมาะสำหรับนักเทรด!!

ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้ มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

Credit: Coinmarketcap.com, thailandinvestmentforum.com/

เศรษฐกิจขาลง แล้ว บิทคอยน์ ทำไมถึงอยู่ในช่วงขาขึ้น

บิทคอยน์

เศรษฐกิจขาลง แล้ว บิทคอยน์ ทำไมถึงอยู่ในช่วงขาขึ้น

พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจในตอนนี้ ใครๆก็นึกถึงเงินมาก่อนเป็นอันดับแรก เงินเท่านั้นที่จะช่วยบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้เกิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกได้ งานนี้บอกเลยว่า สกุลเงินอย่าง Bitcoin กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ

บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าสกุลเงินบิทคอยน์นี้มาก่อน เพราะจะรู้จักกันแค่สาวกที่ชอบนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น เป็นเงินสำหรับการใช้จ่ายสำหรับกลุ่มที่ซื้อขายอะไรผ่านทางคอมพิวเตอร์ หรือผ่านแอพพลิเคชั่นกันบ่อยๆ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นแค่ของเล่นในหน้าจอเท่านั้น ไม่อาจจะที่เอาออกมาทำให้กลายเป็นจริงๆ ใช้จริงๆได้เลย

เพราะอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ สกลุเงิน “บิทคอยน์” ที่โลดแล่นอยู่ตามหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ถูกดูแลด้วยรัฐบาล ไม่ได้ถูกดูแลด้วยธนาคารกลาง หรือมีความเป็นทางการตามกฎหมายใดใดเลย แต่ใครจะรู้ถึงอนาคตได้ว่าในเวลาต่อมา เงิน “บิทคอยน์” นั้นจะมีค่าพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง

          ราคาบิทคอยน์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 อยู่ที่ 7,436 ดอลล่าร์  หรือ 1 บิทคอยน์ เท่ากับ 245,000 บาท

            และเมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่โปรแกรมเมอร์ชาวอเมริกัน ได้ทดลองซื้อพิซซ่า 2 ถาด ด้วยเงินบิทคอยน์ ในตอนนั้นด้วยราคาถูกจำนวน 10,000 บิทคอยน์ แต่ปรากฏว่าในตอนนี้ มันมีมูลค่ามากกว่า 74 ล้าน ดอลล่าร์ไปแล้ว ซึ่งการซื้อขายไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋ว ซื้อสินค้า ซื้ออาหาร ผ่านเว็บไซต์ ทางธุรกิจใหญ่ๆของแต่ละองค์กรที่ทำการซื้อขายในตอนนี้ ตัวอย่างเช่นร้านอาหาร เว็บไซต์สำหรับจองตั๋วในการเดินทาง หรือการซื้อขาย Microsoft หรืออาจจะเป็น App อะไรต่างๆนานาที่จำเป็นต้องใช้และมันสะดวกที่จะใช้กระเป๋าเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin หันมาให้การยอมรับ “บิทคอยน์” กันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสกุลเงินที่ดูไม่มั่นคงมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนบางกลุ่มที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลงได้ดีทีเดียว และกำลังสร้างความมั่นคงให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้น

 

มองและให้คุณค่า กับ “บิทคอยน์”

เชื่อหรือไม่ว่าในสมัยก่อนนั้น เจ้าเงินตรานี่ก็คือเหล่าใบไม้และเปลือกหอย รวมไปถึงแร่ธาตุต่างๆที่เราให้คุณค่ามันเพียงเพราะว่ามันมีคุณสมบัติที่เด่น เงินบิทคอยน์ก็เช่นเดียวกัน แม้มันอาจจะเป็นเงินดิจิตอลที่ไม่สามารถจับต้องเป็นตัวเงินได้ แต่การมองว่าบิทคอยน์เป็นเงินก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และด้วยความที่มันคือเงินที่อยู่ในระบบดิจิตอล ผู้คนจึงมักกังวลในเรื่องของการ Hack ข้อมูลกันมาก

เพราะนั่นหมายความว่ากระเป๋าเงินแบบดิจิตอลของคุณก็อาจจะถูกขโมยออกไปได้ง่ายๆด้วย อีกทั้งความผันผวนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้บิทคอยน์ยังคงต้องพัฒนามากขึ้นอีกเยอะ ยังไงก็ยังคงไม่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วแน่นอน ยังต้องแพ้สกุลเงินหลักๆอยู่ดี แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่ เพราะเมื่อมันมีการพัฒนา ก็อาจจะทำให้บิทคอยน์กลายเป็นตัวเลือกที่ดีได้ไม่ยากเลย แล้วเงินดิจิตอลอย่างบิทคอยน์ จะมีการเปลี่ยนแปลง ได้รับผลกระทบมากขึ้นอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง ซึ่งผลกระทบเหล่านั้นแม้จะเป็นความพังของเศรษฐกิจ แต่เจ้าตัวบิทคอยน์ เองกลับถูกให้ค่ามากยิ่งขึ้น


ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์ (Bitcoin)

ประเทศเวเนซุเอลา จากคำบอกกล่าวของคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเวเนซุเอลาที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ดูเหมือนว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่บ้านเมืองหมดหนทางไป เหมือนกำลังจะพังพินาศลงอย่างไม่เป็นท่า ผู้คนออกหาอาหารรับประทานแต่อาหารก็มีไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต การออกจากบ้านในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและน่ากลัว เงินเฟ้อสูงมากแบบที่ไม่น่าเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อัตราและเปลี่ยนสกุลเงินในตอนนั้นก็คือ 1 ดอลล่าร์สหรัฐต่อ 6000 โบลิวาร์ของเวเนซุเอลาไปในทันที ดูจำนวนการแลกเปลี่ยนก็โหดอยู่พอสมควร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับชาวเวเนซุเอลามากขึ้นเมื่อผู้คนหันมาใช้บิทคอยน์กันมากขึ้น จากผู้ใช้ที่อยู่ในหลักร้อยเท่านั้น เพียงในเวลาไม่นานที่เกิดความพังพินาศของเงินเฟ้อ ยอดผู้ใช้บิทคอยน์ ก็พุ่งสูงขึ้นในหลักแสน นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาก็เริ่มหมดความน่าเชื่อถือสกุลเงินของพวกเขาเสียแล้ว

ไม่ว่าภาวะเงินเฟ้อของเวเนซุเอลานี้จะเกิดขึ้นด้วยเหตุใด แต่ผลของมันกลายเป็นความพังพินาศของใครหลายคนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินใดใดก็ตามที่มีอยู่ ก็แทบไม่มีค่าจนต้องถอนออกจากสกุลเงินโบลิวาร์เวเนซุเอลา และถึงแม้ว่าจะสามารถแลกเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐได้ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเลยกับการที่ต้องซ่อนเอาไว้กับตัวหรือที่อยู่อาศัย เพราะใครๆต่างก็ต้องการมากขึ้น สำหรับคนที่มีความสามารถในการใช้เงินบิทคอยน์มากหน่อยก็เพียงแค่แลกเป็นเงินบิทคอยน์เพื่อสั่งซื้อของใช้มากขึ้นด้วย แต่ถ้ามีเพื่อนบ้าน มีญาติ ก็ยังสามารถฝากโอนบิทคอยน์เพื่อให้ญาติสั่งซื้อทั้งสินค้าและอาหารส่งมาให้ได้ แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ความสามารถทางดิจิตอลมากนัก ก็คงต้องทนทุกข์อยู่ไม่น้อยเมื่อพบเจอกับภาวะลุกเป็นไฟขนาดนี้

เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ระหว่างที่รอรัฐกำลังแก้ไขปัญหา พวกเขาประชาชนคนธรรมดาก็ยังต้องดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากไฟที่กำลังสุมเวเนซุเอลาอยู่ บิทคอยน์ ก็เลยเป็นตัวดึงดูดให้คนหันเข้ามาให้ความสนใจและใช้กันมากขึ้น ในขณะที่บิทคอยน์ชนะสกุลเงินหลักของประเทศ การจับจ่ายใช้สอยก็ยากขึ้น การเก็บทรัพย์สินในรูปแบบที่เคยเป็นก็เปลี่ยนไป เพราะอย่างไรการเอาตัวรอดของประชาชนก็คงต้องแลกเงินที่มีอยู่ให้เป็นบิทคอยน์เสียยังดีกว่าเก็บแผ่นกระดาษที่ไม่มีค่าเอาไว้ในมือ มันทำให้บิทคอยน์ เป็นเหมือนฮีโร่ของเวเนซุเอลาไปแล้วในขณะนั้น และภายในอนาคต เราไม่อาจรู้ได้ว่าสกุลเงินอย่างบิทคอยน์ นั้นจะสามารถขึ้นมาเป็นสกุลเงินที่มีผู้ใช้มากที่สุดในเวเนซุเอลาหรือไม่ แต่ในตอนนั้นก็คงได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น และอาจจะนำหน้าสกุลเงินปกติของเวเนซุเอลาได้ด้วย

ประเทศซิมบับเว  วิกฤตของประเทศซิมบับเวที่กำลังพบเจออยู่ในขณะนี้ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อประเทศนั้นขาดอาหาร ขาดน้ำมัน ขาดยารักษาโรค ซึ่งมันก็คือปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิต การสะสมเงินอาจจะไม่ใช่ทางออกสำหรับพวกเขาแล้วในประเทศซิมบับเว เพราะเงินสกุลหลักก็สูญเสียค่าของตัวเองไปแล้ว ใครๆต่างก็เริ่มหันมาสะสมข้าวของ อาหาร กักตุนน้ำมันกันมากยิ่งขึ้น และเจ้าทรัพย์สินดิจิตอลอย่าง บิทคอยน์ (Bitcoin) ก็กลายเป็นของสะสมหนึ่งของชาวซิมบับเวในช่วงที่ขาดอาหารขาดสินค้าแบบนี้ เพราะอย่างไรมันก็มีประโยชน์ในการสั่งซื้อสินค้าอย่างอาหารและสินค้าที่มีความจำเป็นอื่นๆมากักตุนไว้ได้

ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของซิมบับเวก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงข้อดีของบิทคอยน์ ซึ่งนั่นก็คือมันเป็นเงินที่ไม่สามารถย่อยสลายไปตามกาลเวลาได้ ไม่เหมือนเงินที่อยู่ในรูปของธนบัตร ที่สามารถเสื่อมสภาพและย่อยสลายได้ไปตามกาลเวลา เมื่อเงินมาอยู่ในรูปของบิทคอยน์แล้ว การซื้อขายหรือว่าทำธุรกรรมใดใดก็จะง่ายแสนง่ายมากขึ้น อีกทั้งผู้ให้บริการอย่าง Bitmari นั้นก็เป็นบริการที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนใช้บิทคอยน์ แถมยังมีค่าบริการที่ถูกมากอีกด้วย คุณสมบัติทั้งความถูกของค่าบริการและความรวดเร็วของ Bitcoin ทำให้มันพัฒนาและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย คราวนี้ก็จะมีคนหันมาใช้งานกันมากขึ้นอย่างแน่นอน

ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศซิมบับเวยังคงต้องใช้ระยะเวลานานในการแก้ไขปัญหา และในช่วงระหว่างการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลนี้ ประชาชนที่กำลังประสบปัญหาด้วยตัวเองก็ยังต้องดิ้นรนด้วยตัวเองกันต่อไป ซึ่งบางวิธีนั้นก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาไปได้บ้าง อย่างเช่นการแลกเงินเป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐเพื่อให้สามารถใช้ได้จริง การซื้อพันธบัตรของรัฐบาลที่จำเป็นจะต้องซื้อเพื่อความอยู่รอด แต่ดูเหมือนว่าประชาชนที่กำลังประสบปัญหาส่วนหนึ่งนั้นก็หันมาใช้ บิทคอยน์ (Bitcoin) กันมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะเมื่อดูจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว “บิทคอยน์” ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากเช่นเดียวกันในภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงสุดๆแบบนี้

5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย มือใหม่ห้ามพลาด!

ถูกถามกันมาเยอะมาก ว่า ซื้อบิทคอยน์ ได้ที่ไหน และเว็บไหนน่าเชื่อถือ ? วันนี้เราจะพาคุณ ไปรีวิวกับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้เลย ทันที ฟรีค่ะ!! ถ้าคุณกำลังมองหาแหล่งซื้อขายเงินบิทคอยน์ วันนี้เรามีบทความที่จะพาคุณไปทำความรู้จัก กับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้ทันทีค่ะ!

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร ขุดยังไง เล่นแล้ว ได้กำไรจริงมั้ย ?

บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร ใครเป็นผู้คิดค้น มีที่มาที่ไปอย่างไร เล่นบิทคอยน์แล้วได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ และทำให้รวยจริงมั้ย?

ทำไมคนถึงหันมาสนใจกันมาก เรามาเริ่มทำความรู้จักกับบิทคอยน์ ไปพร้อม ๆ กัน

 

“บิทคอยน์ (Bitcoin)” เป็นกระแสที่คนไทยและทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมากในตอนนี้  เพราะมีการพูดถึง กันเป็นวงกว้างว่า บิทคอยน์อาจจะเปลี่ยนระบบการเงินของโลกไปอย่างสิ้นเชิง ผู้เขียนต้องบอกก่อนว่าบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะถูกคิดค้นมาตั้งแต่เกือบ 8 ปีมาแล้ว แต่พึ่งจะมาได้รับความนิยมในปีนี้ 

ในช่วง 2 ปีที่แล้ว การพูดถึงเรื่องของบิทคอยน์ bitcoin เป็นเรื่องการ หลอกลวง แชร์ลูกโซ่ เป็นตลาดมืด บิทคอยน์เชื่อถือไม่ได้ หลายฝ่ายโจมตีนักลงทุนในบิทคอยน์ แต่กลับกัน ในปัจจุบันบิทคอยน์ bitcoin ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นเหรียญดิจิตัล (Crypto Currency) ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง และตอนนี้ มีมูลค่าแพงที่สุดในโลก!

ในเมืองไทย บิทคอยน์เป็นกระแสดังมาก เนื่องจากมี Hacker ได้ปล่อย Virus เรียกค่าไถ่ที่ชื่อว่า  “WannaCry” ซึ่งได้เรียกเก็บเงินกับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ติด Virus เป็น บิทคอยน์ Bitcoin นั่นเอง ทำให้บิทคอยน์นี้เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก จนเมื่อเดือนสิงหาคม 2017  นี้ มูลค่าบิทคอยน์พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยราคา 3400 USD

(1 BTC = 3300 USD ข้อมูลจาก https://www.coindesk.com/ 9 สิงหาคม 2017 )

(1 BTC = 571 USD ข้อมูลจาก https://www.coindesk.com/ 9 สิงหาคม 2016 )
 หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า บิทคอยน์ คืออะไร มาจากไหน? ใครเป็นผู้คิดค้น?  มีความสำคัญยังไง? ขุดยังไง? เล่นแล้ว ได้กำไรจริงมั้ย? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันเลย

 

บิทคอยน์ (Bitcoin) มาจากไหน? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?

บิทคอยน์ คือสกุลเงินดิจิตอลที่คิดค้นขึ้นมาโดยทีมงานของโปรแกรมเมอร์ที่มีนามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ ที่ต้องการสร้างสกุลเงินที่เป็นสกุลกลางของโลก ไม่ต้องผ่านธนาคารกลาง ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจสอบบัญชี หรือโดนอายัดเงิน ถูกใจบรรดาธุรกิจใต้ดิน ทั้งหลาย ที่ไม่ต้องระบุตัวตน เวลาโอน และที่สำคัญค่าธรรมเนียมการโอนถูกกว่าระบบธนาคาร  มีความรวดเร็ว สามารถโอนข้ามทวีปภายในไม่เกิน 30 นาที

ผู้เขียนเคยโอนเบิทคอยน์ จากไทยไปอเมริกาใช้เวลาประมาณ 15 นาที รวดเร็วมาก และให้เพื่อนโอนบิทคอยน์ จากอเมริกามาไทย ก็ใช้เวลารวดเร็วมากเช่นกัน

ดังนั้น บิทคอยน์จึงถือเงินสกุลเงินใหม่ที่ไม่ผ่านระบบธนาคารกลาง และเป็นที่ยอมรับใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั่วโลก ในระบบบิทคอยน์ จะมีการสร้างระบบที่เรียกว่า “Blockchain” เป็นเหมือนแหล่งเก็บข้อมูลการโอนทั่วทั้งระบบบิทคอยน์ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ที่สำคัญ “Blockchain”  เป็นระบบที่สามารถป้องกันการเกิดภาวะเงินเฟ้อและเสื่อมค่าลงของเงินได้ เราจะเห็นได้จากปัญหารัฐบาลอเมริกาหรือหลายๆประเทศปั๊มเงินออกมาเรื่อย ๆ ได้ตามใจชอบ เกิดภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้นระบบบิทคอยน์ จึงสามารถตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้

 

บิทคอยน์ (Bitcoin) มีจำนวนเท่าไหร่?

บิทคอยน์มีจำนวนจำกัด คือ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่สามารถสร้างขึ้นมาอีกได้ ลดการเกิดภาวะเงินเฟ้อและเสื่อมค่าลงของเงินได้อย่างดี

 

 บิทคอยน์ (Bitcoin) ขุดยังไง เล่นแล้ว ได้กำไรจริงมั้ย ?

หลังจากที่บิทคอยน์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งไทยและทั่วโลก จึงมีหลายคนเริ่มเห็นโอกาสในการทำกำไร ซึ่งก็มีคนที่ประสบความสำเร็จ ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากการลงทุนในบิทคอยน์
การได้มาของ bitcoin นั้นสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 3 แบบดังนี้คือ 1.ได้มาโดยการขุด 2.ได้มาโดยการซื้อ 3.ได้มาโดยรูปแบบอื่นๆเช่น เล่นเกมส์ ใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งทั้ง 3 วิธีนั้นมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้

 

  1. การขุด (Mining) Bitcoin

การได้มาซึ่งการขุด bitcoin ถือเป็นวิธีที่ ง่ายที่สุด และ ปลอดภัยที่สุดหากเทียบกับการได้มาซึ่ง bitcoin แบบอื่นๆ
บิทคอยน์จะมีระบบ Blockchain ที่ทำงานโดยอัลกอริทึม ”การขุดบิทคอยน์” อธิบายง่าย ๆ คล้าย ๆ กับการที่เราเข้าไปขุดทองในเหมือง แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบมาทำในระบบคอมพิวเตอร์แทน โดยจะต้องนำคอมพิวเตอร์ของเราไปเป็นเซิร์ฟเวอร์ให้ระบบบิทคอยน์ใช้ในการเก็บธุรกรรมต่าง ๆ  จึงจะได้รับค่าตอบแทนคือเงินบิทคอยน์ แต่การจะได้ค่าตอบแทนนั้นจะต้องแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้ ซึ่งต้องแข่งกับคนอื่น ถ้าทำสำเร็จเราก็จะเป็นเจ้าของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการขุดนั่นเอง

สำหรับความยากง่ายของการขุด หรือที่เรียก Difficulty, ค่า Diff  ขึ้นอยู่กับจำนวนบิทคอยน์ ที่เหลืออยู่ในระบบ ซึ่งถูกกำหนดสูงสุดไว้ที่ 21 ล้านเท่านั้น เพราะฉะนั้นยิ่งจำนวนบิทคอยน์เหลือน้อย การแก้สมการก็ยิ่งยากมากขึ้น รวมถึงความแรงของการประมวลผลคอมพิวเตอร์เราด้วยที่ต้องมากขึ้นตามความยากของการขุด หลายคนต้องซื้อการ์ดจอแรง ๆ เพื่อมาแข่งกันขุดบิทคอยน์ การ์ดจอของใครแรงกว่าก็จะมีโอกาสแก้สมการได้เร็วกว่า

 

เราไปดูวีดีโอ การขุด (Mining) นี้ได้เลย จะได้เข้าใจมากขึ้น

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=Mil2tFfp8H0[/embedyt]
ขณะที่ปัจจุบันจำนวนบิทคอยน์ที่เหลืออยู่ในระบบมีไม่ถึง 5 ล้าน แต่จำนวนคนที่เข้ามาขุดกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ค่าความยาก (ค่าDiff) เพิ่มสูงขึ้นตาม ดังนั้น ในตอนนี้ นักขุดหน้าใหม่ อาจจะไม่คุ้ม ถ้าคิดจะขุดหาบิทคอยน์ เนื่องจากต้องลงทุนซื้อการ์ดจอราคาแพง และจ่ายค่าไฟฟ้าที่ราคาสูงเช่นกัน  



  1. การเทรดบิทคอยน์ (Bitcoin)

แบบที่ 2 นี้คือการที่เราเอาเงินบาทไปซื้อเหรียญ bitcoin มาโดยตรงและเก็บเข้ากระเป๋าของเรา ลักษณะประมาณว่าเราไปซื้อทองออกมานั่นเอง เมื่อช่วงใดก็ตามที่ราคาของ bitcoin มีราคาสูงขึ้น คุณก็อาจสามารถขายออกมาทำกำไรได้ โดยคุณสามารถศึกษาเจาะลึกลงไปในเรื่องของการเทรดและการซื้อ ที่บทความด้านล่างนี้
มีหลายเว็บไซต์ที่ให้บริการ ซื้อขาย บิทคอยน์  เช่น BX, CoinBX, Bitcoin.co.th  ที่ทำหน้าที่เสมือนที่รับ ซื้อ ขายเหรียญบิทคอยน์  ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนจะขึ้นกับกลไกลการตลาดกำหนด คือ ช่วงเวลาไหนที่ได้รับความนิยมสูง มูลค่าของบิทคอยน์ก็จะสูงขึ้นตาม

 

1 บิทคอยน์ เท่ากับ กี่บาท ?

มูลค่าของบิทคอยน์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเหมือนสกุลเงินอื่น ๆ ตามกลไกตลาด หรือที่เราเรียกว่าหลัก Demand Supply คือช่วงไหนที่ความต้องการบิทคอยน์ มีมากกว่าปริมาณบิทคอยน์ที่มีในระบบ ก็จะส่งผลให้มูลค่าบิทคอยน์เพิ่มขึ้น แต่ช่วงไหน ที่มีข่าวไม่ดี เกิดขึ้น เช่น ในช่วงที่โจรเรียกค่าไถ่ด้วยเงินบิทคอยน์ หรือ เกิด Hard fork ทาให้ความเชื่อมั่นในบิทคอยน์ลดลง คนเทขายในระบบมีมากเกิน ความต้องก็จะทำให้มูลค่าลดลง

 

โดยเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2560 บิทคอยน์ได้สร้างสถิติสูงสุด คือ 1 BTC เท่ากับ 3400 USD หรือคิดเป็นประมาณ115,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนที่ทำให้มูลค่าพุ่งสูงมหาศาล

อย่างไรก็ดี บิทคอยน์ ถือเป็นสกุลเงินที่มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ดังนั้นนักเทรดหน้าใหม่ต้องศึกษา หาความรู้ให้มากก่อนเข้ามาในแวดวงการบิทคอยน์

เราจะพาคุณ ไปรีวิวกับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้เลย ทันที ฟรีค่ะ!!

 

  1. การเล่นเกมส์

แบบที่ 3 นี้ถือว่าง่ายที่สุดในการได้มาซึ่งเหรียญ bitcoin แต่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นวิธีการที่อาจจะต้องรู้จักเลือกเสียหน่อย เพราะมีหลายเว็บที่แจกบิทคอยน์ฟรี แต่ให้จำนวนที่น้อยมาก ไม่คุ้มค่า หรือ การลงทุนแบบอื่นๆๆ ก็มีความเสี่ยงถ้าไม่ศึกษาให้ดี

ยกตัวอย่าง เว็บไซต์ให้เหรียญฟรี ที่น่าเชื่อถือ สามารถถอนเหรียญออกมาได้ เมื่อครบจำนวนขั้นต่ำ มีดังนี้ 

  1. https://freebitco.in      เว็บไซต์นี้ให้ฟรี บิทคอยน์ ชั่วโมงละ ประมาณ 0.00000034 BTC อย่างต่ำ 
  2. http://freedoge.co.in   เว็บไซต์นี้ให้ฟรี ดอกคอยน์ ชั่วโมงละ ประมาณ 0.72 DOGE อย่างต่ำ 
  3. https://www.eobot.com   เว็บไซต์นี้ให้ขุดเหรียญฟรี และแจกเหรียญวันละครั้ง จากการเล่น Faucet 

**** เว็บไซต์เหล่านี้ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น และต้องการเก็บของฟรี แต่อย่างไรก็ตาม เราอาจจะได้เหรียญน้อยมาก ไม่คุ้มค่าแรง

 

บิทคอยน์ (Bitcoin) ผิดกฎหมายไหม ในไทย เป็นที่ยอมรับหรือยัง ?

หลายประเทศยอมรับบิทคอยน์อย่างถูกกฎหมาย อาทิ อเมริกา แคนาดา ยุโรป และญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่ยอมรับการชำระสินค้าเป็นเงินบิทคอยน์ เช่น ร้านอาหารในญี่ปุ่น และบริษัทดังในอเมริกา

    แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่ยอมรับสกุล Bitcoin และสกุลเงินดิจิตัลทุกชนิด โดยอ้างว่าระบบดังกล่าวไม่ใช่เงินที่แท้จริง และไม่สามารถใช้เงินบิทคอยน์ชำระหนี้ตามกฎหมายไทยได้     

 

สรุป บิทคอยน์ (Bitcoin) โอกาสหรือความเสี่ยง ?

ข้อดี บิทคอยน์ Bitcoin

ข้อเสีย บิทคอยน์ Bitcoin

  • มูลค่าของมันไม่ได้ตกอยู่ในการควบคุมของรัฐบาล ถือว่าเราเป็นเจ้าของเงินอย่างแท้จริง
  • มูลค่าสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการมากขึ้น ในขณะที่จำนวนบิทคอยน์เท่าเดิม
  • เราสามารถรับหรือส่งบิทคอยน์ให้กับใครก็ได้ในโลกนี้ได้อย่างรวดเร็วด้วยตัวของเราเอง
  • ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตโดยไม่ต้องตัวกลางเช่น bank, paypal, moneygram
  • เสียค่าธรรมเนียมน้อยมากๆ
  • ราคามีความผันผวนสูง
  • ยังไม่มีกฎหมายรองรับ จากธนาคารแห่งประเทศไทย
  • ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายในไทย และบางประเทศ
  • การซื้อ ขาย และการใช้งาน อาจจะดูยุ่งยาก สำหรับมือใหม่
  • มีหลายกลุ่มใช้ BitCoin เป็นช่องทางของธุรกิจด้านมืด
  • บิทคอยน์ (Bitcoin) และ บล็อกเชน (Blockchain) เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ผู้เขียนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และได้ทำการศึกษา ทดลอง  และทำกำไรจากการเทรด เป็นเวลาเกือบปี  รวมถึงใช้โอนเงินข้ามทวีปได้อย่างรวดเร็ว  ต้องบอกว่าปัจจุบันบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเราอีกต่อไปแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่า บิทคอยน์ คงจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ กับระบบการเงินของโลกในอนาคต ซึ่งการเรียนรู้ทำความเข้าใจในระบบ บิทคอยน์ (Bitcoin) และ บล็อกเชน (Blockchain) เหล่านี้ เอาไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะใครจะไปรู้อนาคตข้างหน้า “บิทคอยน์” อาจกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายก็ได้

    5 อันดับเว็บไซต์ ขุดบิทคอยน์ ที่นักขุดห้ามพลาด

    การขุดแบบ cloud mining จะทำให้การลงทุนขุดบิทคอยน์ เป็นเรื่องง่าย เพราะมีบริษัทที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการให้เรา และแบ่งผลประกอบการจากเงินที่เราลงทุนไป โดยให้ผลตอบแทนเป็นรายวัน อาจจะเรียกได้ว่า เป็น passive income โดยอัตราผลตอบแทนของการขุดแบบนี้จะอยู่ที่ประมาณ 8-30% ต่อเดือน โดยใช้เวลาคืนทุนประมาณ 3-12 เดือน ขึ้นอยู่กับบริษัทที่เลือกลงทุน จำนวนเงินลงทุน และราคาเหรียญ ณ ตอนนั้น ยิ่งเหรียญบิทคอยน์ มีราคาสูง จะยิ่งคืนทุนได้เร็ว

    >>>อ่านต่อ ที่นี่<<<