Tag: บิทคอยน์ ลงทุน

10 เรื่องราวของ “บิทคอยน์” ที่หลายคนอาจไม่รู้

ในช่วงนี้ กระแสของบิทคอยน์ กำลังมาแรงและเป็นที่กล่าวถึงกันในหลายวงการด้วยกันไม่ว่า จะเป็นวงการทางเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร รวมทั้งการลงทุน ซึ่งต่างก็ให้ความสนใจใน บิทคอยน์ แต่ก็ยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริง ตลอดจนเรื่องราวต่างๆ ของบิทคอยน์ ดีนัก

ดังนั้นในวันนี้ เราจึงขอนำเสนอ เรื่องราวข้อเท็จจริงของ เงินดิจิตอลที่เรียกว่า “บิทคอยน์” กัน

 

เรื่องจริงข้อที่ 1: ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์

ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์

Satoshi Nakamoto คือ ชื่อบุคคล (หรืออาจเป็นของกลุ่มคน) ผู้ที่ก่อตั้งบิทคอยน์เป็นคนแรกของโลก ในปี 2009 เชื่อกันว่า Nakamoto อาจจะมีบิทคอยน์อยู่ประมาณ 1 ล้านบิทคอยน์ หรือมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามนั้น ไม่มีใครรู้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของ Satoshi Nakamoto นั้นเป็นใครกัน บางทีอาจจะเป็นแค่ชื่อสมมติก็อาจเป็นได้ มีทฤษฎีอื่นอีกว่าบริษัทอิเลคทรอนิคส์ คือ โตชิบา ซัมซุง นากามิชิ และโมโตโลร่า คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการสร้างบิทคอยน์ (หรืออาจจะเป็นแค่เรื่องโจ๊ก พูดเล่นกันเท่านั้น ) ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้แน่นอน จนกลายมาเป็นปริศนาถึงวันนี้

 

เรื่องจริงข้อที่ 2: WikiLeaks

-บริษัท WikiLeaks ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เอาข่าวฉ้อฉลภายในของรัฐบาลอเมริกา ออกมาตีแผ่ผ่านเว็บไซต์ พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการรับเงินบริจาคเท่านั้น  WikiLeaks นั้นพึ่งพาบิทคอยน์เป็นอย่างมากในการดำเนินงาน โดยมีการรับบริจาคเงินผ่านบิทคอยน์ เนื่องจากสถาบันการเงินที่อื่นๆ ปฏิเสธที่จะร่วมทำธุรกรรมกับ WikiLeaks

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้ง WikiLeaks  ได้ขอบคุณรัฐบาลอเมริกาที่มาบล็อกบัญชีธนาคารของพวกเขา รวมถึงโพสภาพกราฟของราคา Bitcoin ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2010 และ 14 ตุลาคม 2017 โดยทางผู้ก่อตั้ง WikiLeaks กล่าวว่าทางพวกเขาได้หันมาพึ่งพิง Cryptocurrency หลังจากที่ถูกรัฐบาลเล่นไม่ซื่อกับพวกเขา ทำให้พวกเขามีกำไรไปประมาณ 50,000%

 

เรื่องจริงข้อที่ 3: การแบนการใช้บิทคอยน์

– เดือน ก.ค. ปี 2013 ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในโลกที่มีการสั่งแบนและสั่งห้ามการใช้เงินบิทคอยน์ แต่หลังจากนั้นก็ได้มีการอนุญาตให้มีการใช้กันได้ในเวลาต่อมา

– รัฐบาลจีนสั่งห้ามธนาคารทำการค้าขายหรือแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ ในปี 2013 แต่ยังอนุญาตให้เอกชนนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับบิทคอยน์ได้
– กระทรวงการคลังของอเมริกาสั่งปิดบริษัทที่ผลิตเครื่องมือที่เกี่ยวกับเงินบิทคอยน์ไปจำนวนหนึ่ง

เรื่องจริงข้อที่ 4: เงินบิทคอยน์ และ Silk Road 


– ในเว็บไซต์ของขาย Silk Road ใช้เงินบิทคอยน์เป็นตัวกลางในการซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมายต่างๆ  เช่น ยาเสพติด และสารตั้งต้นชนิดต่างๆ ดังนั้นเมื่อเจ้าของเว็บไซต์ Silk Road ได้ถูกจับกุมและยึดทรัพย์ จึงเชื่อได้ว่า ยังมีเงินบิทคอยน์อีกมากกว่าครึ่งถูกซ่อนไว้

 

เรื่องจริงข้อที่ 5: มูลค่ารวมของบิทคอยน์

– เดือน พ.ย. ปี 2011 บิทคอยน์ มีมูลค่าประมาณ 60 บาท แต่หลังจากนั้น 2 ปี คือ ปี 2013 บิทคอยน์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นคือ มากกว่า 30,000 บาท ปัจจุบัน ปี 2017  1 บิทคอยน์ ราคา พุ่งสูงสุดที่ 255,000 บาท

– ในช่วงนี้ บิทคอยน์มีมูลค่ามากกว่าทองคำ หลายเท่า

– ตู้เอทีเอ็มที่สามารถถอนเงินได้จริงจากบิทคอยน์เครื่องแรกของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

 

 

เรื่องจริงข้อที่ 6: เงินบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด


– เงินบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด 21 ล้านบิทคอยน์

– จำนวนบิทคอยน์ที่ขุดได้จะลดลงครึ่งหนึ่ง ทุก 4 ปี และ ค่าความยากในการขุด (Difficulties) เพิ่มมากขึ้นด้วย

– ในปี 2140 คาดว่า จะไม่สามารถขุดบิทคอยน์ได้อีกต่อไป แต่จะยังได้รับการค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมของบิทคอยน์ที่มีอยู่ต่อไป

– ทุกวันนี้ประมาณ 64% ของบิทคอยน์ที่อยู่ในระบบนั้นไม่ได้ถูกนำมาใช้

 

เรื่องจริงข้อที่ 7: ข้อมูลของบิทคอยน์

– เป็นเงินดิจิตอล ผู้ถือเงินไม่มีโอกาสได้สัมผัสรูปร่างหน้าตาว่า บิทคอยน์ เป็นยังไง นอกจากเป็นกระแสของอิเล็กทรอนิคส์ ในคอมพิวเตอร์และเครื่องมืออิเลคทรอนิคส์เท่านั้น
– ยังไม่มีสถาบันทางการเงินใดๆ เข้ามาควบคุมได้ ดังนั้นมูลค่าของบิทคอยน์จึงขึ้นอยู่กับปริมาณดีมานด์และซัพพลายล้วนๆ

 

เรื่องจริงข้อที่ 8: ซื้อสินค้าด้วยบิทคอยน์


– Virgin Galactic ของเซอร์ริชาร์ด แบรนด์สัน รับเงินบิทคอยน์ ในการจองเที่ยวบินไปยังอวกาศ ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
– รถยนต์ยี่ห้อแลมโบกินี่ เป็นยี่ห้อแรก ที่รับเงินบิทคอยน์

 

เรื่องจริงข้อที่ 9: ปริมาณของบิทคอยน์


– เงินบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันนั้น ได้มาจากกระบวนการขุดบิทคอยน์ โดยผ่านการประมวลผลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้น
– พลังของการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่ขุดบิทคอยน์ทั้งหมดรวมกันมีมากกว่า ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์รวมกัน 500 เครื่อง

 

เรื่องจริงข้อที่ 10: เงินบิทคอยน์และการล้มลาย


– ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 Mt Gox โบรกเกอร์ชื่อดังของบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้นถูกโจรกรรมข้อมูลไป และขาดทุนไปเกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จนทำให้ต้องประกาศล้มละลายลงในที่สุด
ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องราวข้อเท็จจริงของบิทคอยน์ที่คุณควรจะทราบ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มลงทุนในสิ่งใด รวมทั้งบิทคอยน์ก็ตาม ควรคำนึงถึงประโยคนี้เป็นอันดับแรก “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” แล้วสุดท้าย การลงทุนในบิทคอยน์ก็จะเป็นไปได้ด้วยดี




10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!

เว็บเทรด Bitcoin เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้ ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!

ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin  เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้  ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า (เราสามารถเช็คปริมาณการซื้อขายต่อวันได้ที่ Coinmarketcap.com)

 

ดังนั้น  ผู้เขียนอยาก จะขอนำเสนอ 10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณสามารถทำกำไรได้!! เว็บเทรดบิทคอยน์เหล่านี้ คุณสามารถเลือกนำมาเป็นต้นแบบ เพื่อฝึกเทรดจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยต่อยอดไปใช้บริการเว็บเทรดเจ้าอื่นๆได้

 

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง

อ่านต่อได้ที่นี่

 

1. Bitfinex.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่ใหญ่ที่สุด สัญชาติไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 เว็บนี้ยังมีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 64 คู่ อนุญาติให้เทรดแบบ margin ด้วย ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $1,765,985,568 นับว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.20 เปอร์เซ็นต์  เหรียญที่ได้รับความนิยมที่เว็บนี้ได้แก่  IOTA , BTC , ETH

 

2. Bittrex.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย สัญชาติอเมริกัน  มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 268 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $840,352,881 เป็นอีกหนึ่งเว็บที่คนไทย มาซื้อ ขายแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิตอล ทำกำไร กันที่เว็บนี้ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์

 

3. Poloniex.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอเมริกัน  เคยเป็นเว็บเทรดที่มีการซื้อขายจำนวนมาก แต่มีปัญหาด้านเทคนิคและการบริการลูกค้าทำให้ ลูกค้าหลายรายหันไปเทรดที่อื่น มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 102 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $648,763,251 เป็นอีกหนึ่งเว็บที่คนไทย มาซื้อ ขายแลกเปลี่ยนที่นี้ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์

 

4. Hitbtc.com

เป็นกระดานเทรดเจ้าใหญ่ของยุโรป ปัจจุบันมี Market Cap อยู่ที่ $401,226,170 มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 300 คู่ ได้รับการร้องเรียนจากนักเทรดหลายราย เรื่อง ราคาและVolume บางเหรียญมีราคาสูงผิดปกติเมื่อเทียบกับเว็บเทรดที่อื่นๆๆ ดังนั้นนักเทรดต้องสังเกตและระวังไว้ด้วย ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์

 

5. GDAX.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอเมริกัน สำนักงานใหญ่อยู่ที่ ซานฟรานซิสโก เป็นเว็บในเครือของ Coinbase ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซื้อขายบิทคอยน์และเหรียญดิจิตอล ที่มีความน่าเชื่อถือในอเมริกา  มีเหรียญดิจิตอลหลักให้ซื้อขายพียง Bitcoin, Litecoin, Etheruim   แต่ปริมาณการซื้อขายต่อวันจำนวนมากอยู่ที่ $376,763,600  ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์ แต่เว็บนี้ยังไม่อนุญาติให้นักเทรดต่างชาติ เทรดที่นี่

 

6. Binance.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติ ฮ่องกง มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆในกระแสให้เทรดจำนวนมากกว่า 130 คู่ ที่มีเหรียญชื่อดังที่อยู่ในกระแสมากมาย เพิ่มเข้ามาตลอด ได้แก่ IOTA, Power Ledger, HshareOmise Go, Kyber network และอื่นๆ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $278,822,343 เป็นเว็บที่มีการตลาดที่ดี จูงใจนักเทรด เช่น ร่วม Vote เหรียญ,แจกเหรียญฟรี หรือ ให้รางวัลในการเทรดเหรียญ และผู้ถือเหรียญ NEO สามารถ นำมาฝากไว้ที่นี่ เพื่อจะได้ปันผลเป็นเหรียญ Gas ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์ 

Note: นักเทรดไทยหลายคนนำเหรียญ OMG และ เหรียญ Zcoin (เหรียญดังในไทย) มาเทรดทำกำไรที่เว็บเทรดนี้ รวมถึง Binance มีการจัดแข่งขันเทรดเหรียญเพื่อชิงรถและเหรียญฟรี ตลอดทั้งเดือนอีกด้วย ลองเข้าไปดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Binance.com

>>>รีวิว Binance (BNB) เว็บเทรด bitcoin ดาวรุ่ง มุ่งสู่ Top 5<<<

 

7. CEX.IO

เป็นเว็บซื้อขายเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอังกฤษ  ที่มีความน่าเชื่อถือ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013  มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวน 15 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $45,186,810 ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.20 เปอร์เซ็นต์

 

8. Yobit.net

เป็นเว็บเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติรัฐเซีย ที่รองรับ 3 ภาษาคือ อังกฤษ รัซเซีย และจีน ก่อตั้งในปี 2015 มีลูกเล่นในเว็บมากมาย มีเหรียญแจกฟรี และมีให้ร่วมเล่นเกมส์เพื่อรับเหรียญ มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 600 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $29,234,118  ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.20 เปอร์เซ็นต์

 

9. BX.in.th

เว็บไซต์นี้เป็น เว็บ ชื้อขาย บิทคอยน์ และเหรียญดิจิตอล อันดับ 1 ของไทย  เปิดซื้อขายในรูปแบบของกระดานหุ้น มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 23 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่  $11,727,678 ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่มือใหม่หัดเทรดในไทยจะเริ่มต้นที่เว็บ BX นี้

>>>รีวิว และ ขั้นตอนการสมัคร BX เว็บซื้อ ขาย บิทคอยน์ แห่งแรกของไทย<<<

 

10. Kucoin.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอลน้องใหม่  สัญชาติฮ่องกง ที่มีเหรียญชื่อดังที่อยู่ในกระแสมากมาย ถูกเพิ่มเข้ามาตลอด ได้แก่ NEO, Omise Go, Kyber network ,CIVIC , MTH , Red Pulse เป็นต้น ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $5,502,249 ความพิเศษของเว็บไซต์ Kucoin นี้คือ นโยบายการจ่ายปันผลให้กับผู้ที่ถือเหรียญ Kucoin บนเว็บ ซึ่งรายได้ที่นำมาจ่ายปันผลจะมาจากเงินค่าธรรมเนียม  ของการซื้อขายเหรียญทุกเหรียญในเว็บไซต์ ดังนั้นผู้ถือเหรียญจะมีรายได้แบบ Passive income ด้วย ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์

>>>รีวิว 2 เหรียญมีปันผล Neo และ Kucoin รายได้แบบ Passive income<<<

การที่เราจะเลือกเว็บเทรด Bitcoin ต้องดูจากหลายองค์ประกอบ เช่น

  1. เป็นเว็บเทรดที่มีมาตรฐาน และมีปริมาณการซื้อขายสูง
  2. มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย
  3. การโอนหรือถอนเหรียญทำได้รวดเร็ว
  4. ความหลากหลายของบริการ และมีเหรียญให้เทรดหลายเหรียญ
  5. มีระบบ Support ทีม คอยบริการตลอด 24 ชั่วโมง
  6. ค่าธรรมเนียมไม่สูงมาก



ตารางเปรียบเทียบ 10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง เหมาะสำหรับทำกำไร หรือ ลงทุน

เว็บเทรด
บิทคอยน์
ข้อมูลเว็บไซต์
ข้อดี – ข้อเสีย
ปริมาณการ
ซื้อขาย
(Volume)
ค่า
ธรรมเนียม

    Bitfinex.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่ใหญ่ที่สุด สัญชาติไต้หวัน ข้อดี

*มีปริมาณซื้อขายสูงมากที่สุด

*มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในระดับสูง

ข้อเสีย

*ไม่อนุญาติ US Citizen

$1,765,985,568

0.20%

Bittrex.com

 

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล ที่มีความน่าเชื่อถือ สัญชาติอเมริกัน

ข้อดี

*จดทะเบียนบริษัทในอเมริกา

*มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในระดับสูง

* ไม่มีประวัติการ Hack

*มีเหรียญให้เทรดจำนวนมาก

ข้อเสีย

*ค่าธรรมเนียมสูง

$840,352,881 0.25%

Poloniex.com

กระดานเทรดเหรียญดิจิตอล เคยเป็นที่ 1  สัญชาติอเมริกัน ข้อดี

*จดทะเบียนบริษัทในอเมริกา

*มีเหรียญเก่าให้เทรดจำนวนมาก

ข้อเสีย

*Support ทำงานล่าช้า

*ไม่มีเหรียญใหม่เพิ่มในระบบมากนัก

*ค่าธรรมเนียมสูง

$648,763,251 0.25%

Hitbtc.com

เว็บกระดานเทรดเจ้าใหญ่ของยุโรป ข้อดี

*มีเหรียญให้เทรดจำนวนมาก

*ค่าธรรมเนียมถูก

ข้อเสีย

*เคยถูก Hack เมื่อปี 2016

*ข้อมูลบริษัทมีน้อย ความน่าเชื่อถือน้อย

*บางเหรียญ มีราคาและ Volume ผิดปกติ

$401,226,170 0.10%

GDAX.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอเมริกัน ข้อดี

*จดทะเบียนบริษัทในอเมริกา

*อยู่ในเครือ Coinbase น่าเชื่อถือ

ข้อเสีย

*มีเหรียญให้เทรดน้อย

*ค่าธรรมเนียมสูง

*ไม่อนุญาติ Thai Citizen

$376,763,600 0.25%

Binance.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอลเจ้าใหญ่  สัญชาติ ฮ่องกง ข้อดี

*ถือ NEO ในเว็บ ได้ปันผล GAS

*รองรับภาษาจีน เกาหลี อังกฤษ

*มีเหรียญที่เป็นกระแสจำนวนมาก

*มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียมถูก

ข้อเสีย

*ไม่อนุญาติ คนจีน เทรดที่เว็บนี้

$278,822,343 0.10%

CEX.IO

เป็นเว็บซื้อขายเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอังกฤษ ข้อดี

*รองรับ Credit Card และโอนผ่านทางธนาคารได้

ข้อเสีย

*ดีไซน์ และ ชาร์ท ดูล้าสมัย

*มีเหรียญให้เทรดน้อย

$45,186,810 0.20%

Yobit.net

เว็บเทรดเหรียญฟังชั่นเยอะ สัญชาติรัฐเซีย ข้อดี

*มีเหรียญใหม่แจกฟรี

*Function เยอะ

*ลงทุนในเหรียญอื่นๆได้

ข้อเสีย

*มีระบบเดิมพันเหรียญ

$29,234,118 0.20%

BX.in.th

เว็บชื้อขายเหรียญแบบกระดานเทรด No. 1 ของไทย ข้อดี

*มีความน่าเชื่อถือสูง

*มีปริมาณซื้อขายสูงสุดในไทย

*ซื้อขายไม่จำกัด

ข้อเสีย

*ดีไซน์ที่ดูค่อนข้างล้าสมัย

$11,727,678

0.25%

Kucoin.com

กระดานเทรดเหรียญดิจิตอล น้องใหม่  สัญชาติฮ่องกง ข้อดี

*ถือเหรียญ Kucoin และ NEO ได้รับปันผล  จ่ายให้ทุกวัน

*มีเหรียญชื่อดังมีกระแสมากมาย

*อัตราการเติบโตสูงมาก

ข้อเสีย

* มีปริมาณการซื้อขายยังน้อย

$5,502,249

0.10%

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่




 

5 เรื่องน่ารู้ สำหรับมือใหม่ ก่อนคิดลงทุน Bitcoin

ณ เวลานี้คงไม่มีสินทรัพย์ไหนร้อนแรงเท่ากับ Bitcoin เงินสกุลดิจิทัลที่โด่งดังที่สุดแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่กี่ปีมานี้ หลายคนคิดว่า  Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่, bitcoin ผิดกฎหมาย หรือ Bitcoin เป็น “สินทรัพย์” ที่หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องตลก หลอกลวง

มาตอนนี้บิทคอยน์ ได้พิสูจน์ ตัวเองแล้วว่า เป็นตัวจริง ไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวง

จากต้นปี 2017 ถึงวันที่ ตุลาคม 2017 นี้ ลงทุน Bitcoin ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยแล้วมากกว่า 200% ในขณะที่ S&P500 ให้ผลตอบแทน 7% หรือเทียบกับ SET ตลาดหุ้นไทย ที่แทบไม่โต  ภายในแค่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin หนึ่งเหรียญพุ่งขึ้นถึง 4000 ดอลลาร์ ถ้าคิดผลตอบแทนตั้งแต่ตอนเงินสกุลนี้เพิ่งคลอดใหม่ๆ หากคุณลงทุน $100 กับมันตอนต้นปี 2011 ตอนนี้ Bitcoin ก้อนนั้นจะมีมูลค่าเกิน $4,000,000 แล้ว

ที่มา : Coindesk

 

จึงพอจะเข้าใจได้ว่าทำไมนักลงทุนหลายคนที่ไม่เคยเหลียวแล Bitcoin ถึงเริ่มหันมาให้ความสนใจกับมันกันมากขึ้น เพราะนอกจากราคาที่พุ่งขึ้นจนทำให้หลายคนสงสัยแล้ว ยังเป็นเพราะว่ามันก็น่าทึ่งเหมือนกันที่เงินสกุลนี้ที่ไม่มีใครดูแล ไม่จำเป็นต้องเชื่อในบุคคลหรือองค์กรใด ยังสามารถอยู่รอดมาได้หลังเหตุการณ์ปล้น hack เงินครั้งใหญ่ที่ตลาด Mt. Gox เมื่อ 3 ปีก่อน และล่าสุดก็มีข่าวดีจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่ประกาศรับว่า Bitcoin เป็นเงินถูกกฎหมายไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี้

>>> 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่มือใหม่ควรศึกษา<<<

 

ในบทความนี้เราไปลองดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่ควรคำนึงก่อนคิดลงทุน Bitcoin กันบ้าง

 

1. Bitcoin ความเสี่ยงและความผันผวนยังคงสูงอยู่
เราอาจจะรู้สึกอิจฉาบางคนที่ลงทุนกับ Bitcoin ในระยะแรกจนได้รับรางวัลมหาศาลตอนนี้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าพวกเขาก็ต้องขึ้นโรลเลอร์โคสเตอร์แห่งความผันผวนของราคาอันมหาโหดนานถึง 6 ปีเหมือนกัน


ตั้งแต่ปี 2011 ความผันผวนของอัตราผลตอบแทนรายวันของ Bitcoin สูงกว่าค่าเงินทั่วไป 5 เท่าถึง 10 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกันความผันผวนรายวันของดัชนี SET อยู่ที่แค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แม้ว่าทุกวันนี้ความผันผวนจะลดลงมามากแล้วก็ตาม ราคาของ Bitcoin ยังถูกกระทบได้อย่างรุนแรงด้วยหลายปัจจัย

ปัจจัยที่ว่านี้มีตั้งแต่ในมิติของความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในแต่ละประเทศว่าจะควบคุมมันอย่างไร ประเทศรัสเซียที่หลายคนเคยมองว่าต่อต้านเงินสกุลนี้ เริ่มเปิดแขนอ้ารับมันขึ้นเนื่องจากเขามองเห็นว่ามันเป็นช่องทางที่อาจทำให้เขารวบแก๊งฟอกเงินได้ ไปจนถึงมิติของนโยบายภาษีว่ารัฐบาลไหนจะพยายามบังคับให้บริษัท start up หรือตลาดซื้อขาย Bitcoin ในประเทศยอมแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานเพื่อเป็นการช่วยให้รัฐเก็บภาษีให้มากขึ้น

และที่สำคัญที่สุด เราต้องไม่ลืมมิติของความปลอดภัยในการดูแลรักษา wallet ดิจิทัลที่อาจถูกคุกคามจากเหตุการณ์การปล้น hack ครั้งใหญ่ๆ ได้ในอนาคต Bitcoin ต่างกับเงินธรรมดาๆ ทุกวันนี้ตรงที่ว่า เมื่อถูกปล้นแล้วจะถูกปล้นเลย เอาคืนมาไม่ได้ พิมพ์ใหม่มาชดเชยไม่ได้ แม้ว่าในอนาคตจะมีบริษัทรับรักษาความปลอดภัยของ wallet หรือมีการร่วมมือระหว่างบริษัทประกันกับธุรกิจเกี่ยวกับการเก็บรักษา Bitcoin มากขึ้น มันก็ยังเป็น “ของใหม่” ที่ยังทำให้หลายคนหวาดเสียวได้อยู่ดี

 

2. Bitcoin ปริมาณจำกัด ไม่ได้แปลว่าไร้อนาคตเสียทีเดียว

หลายคนคงเคยได้ยินกันแล้วว่าการจำกัดปริมาณเงินเป็นหนึ่งในจุดเด่นของกลุ่มสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin เองก็จะมีการจำกัดปริมาณอยู่ที่ไม่เกิน 21 ล้าน BTC เท่านั้น ขณะนี้มีการ “ขุด” ไปได้แล้วประมาณ 16.4 ล้าน BTC คาดว่าเหรียญสุดท้ายจะถูกขุดในปี 2140

ด้วยเหตุนี้บางครั้งลงทุน Bitcoin จึงถูกวิจารณ์ว่าไม่ค่อยมีประโยชน์นักเนื่องจากปริมาณมันจำกัดเหลือเกินจะเอาไปหมุนเศรษฐกิจระดับเมืองที่มีคนเป็นล้านคนได้อย่างไร อันนี้เป็นคำวิจารณ์ที่คาดเคลื่อนเนื่องจาก Bitcoin สามารถถูกแบ่งเล็กลงไปได้ถึงจุดทศนิยม 8 ตำแหน่ง และถึงแม้ในวันนี้ตัวเลข 0.00000001 จะดูระคายตา ในอนาคตถ้ามีการใช้ Bitcoin กันอย่างแพร่หลายจริงๆ เราก็คงคุ้นกับการเรียกมันแบบย่อๆ ว่า “1 ซาโตชิ” (ชื่อผู้คิดค้น) นั่นแปลว่าคุณไม่จำเป็นต้องซื้อ Bitcoin 1 BTC เป็นหน่วยเต็มๆ ในกรณีที่ในอนาคตมันราคาขึ้นไปมากกว่านี้ จะซื้อแค่ 0.00001 BTC ก็ได้ไม่มีใครว่า

 

3. Bitcoin มี ความสัมพันธ์กับราคาสินทรัพย์อื่นค่อนข้างต่ำ

จุดหนึ่งที่นักลงทุนเริ่มสนใจ Bitcoin กันมากขึ้นคือเพราะว่าราคาของมันไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นนัก (ยกเว้นกับสกุลดิจิทัลด้วยกันเอง) และเริ่มมีหลักฐานจากงานวิจัยแล้วว่ามันไม่ค่อยเคลื่อนไหวตาม fundamentals อื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ  แต่จะขึ้นอยู่กับตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์และอุปทานของตัวมันเองมากกว่า (มีคนสนใจมากขึ้นไหม ปริมาณการเทรดต่อวัน ฯลฯ) หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมันจะเป็น “จุดขาย” สำหรับนักลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงใน portfolio ของตน

 

4. อย่าลืมมอง cryptocurrency สกุลอื่น หรือที่เรียกว่า Altcoin


ตั้งแต่ Bitcoin คลอดออกมาก็มีสกุลเงินดิจิทัลแบบ อื่นๆ ที่เรียกว่า Altcoin ออกมาให้ซื้อขายกันมากมาย (เท่าที่นับได้จากเว็บไซต์ coinmarketcap.com ก็ประมาณ 1142 กว่าสกุลด้วยกัน) โดยสกุลที่ market capitalization สูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ตอนนี้มีแค่ 10 สกุลด้วยกัน (รวม Omisego เหรียญสัญชาติไทย ญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมมาก) เพราะเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าคุณค่าของ Bitcoin จะเสื่อมลงหากในอนาคตเราอาจพบว่าการดีไซน์ Blockchain ของ Bitcoin ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่น่าดึงดูดเท่าสกุลดิจิทัลอื่นๆ

สกุลดิจิทัลเหล่านี้มีทั้งที่เป็นโคลนของ Bitcoin ที่มีความแตกต่างในเรื่องของกฎของการขุดเงินหรือในการลงประชามติเพื่อเปลี่ยนแปลงการควบคุมระบบ ไปจนถึงความแตกต่างทางอุดมการณ์โดยสิ้นเชิง แต่สำหรับสกุลหลักๆ แล้วจะต่างกันมากที่สุดในมิติของความเป็นไปได้ในการเอาไปต่อยอด

ยกตัวอย่างเช่น ระหว่าง Bitcoin กับ Ethereum แม้จะมีพื้นฐานเป็น Blockchain เหมือนกัน แต่เทคโนโลยีของ Ethereum ไม่ใช่แค่เพื่อเช็คความถูกต้องของธุรกรรมโดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางที่น่าเชื่อถือ (เช่นธนาคารหรือแบงก์ชาติ) อย่างเดียว เทคโนโลยี smart contract (สัญญาอัฉริยะ) ของ Ethereum นั้นอำนวยให้เช็คสิ่งอื่นๆ ที่คอมพิวเตอร์โปรแกรมทำได้ด้วย สาวก Ethereum จึงเชื่อว่ามันน่าจะมาเปลี่ยนชีวิตคนในอนาคตได้มากกว่า Bitcoin เสียอีก

อีกความเคลื่อนไหวที่น่าติดตามที่สุดในขณะนี้คือสิ่งที่เรียกว่า “stablecoin” ซึ่งเป็นการสร้างเงินดิจิทัลที่มีเป้าหมายขจัดความผันผวนของราคาที่เป็นจุดอ่อนของเงินดิจิทัลแทบทุกสกุลโดยพยายามกระจายหน้าที่ของธนาคารกลางแบบ peer-to-peer

ใครจะชนะการแข่งขันระหว่างสกุลเงินดิจิทัลยังเป็นอะไรที่ยากที่จะพยากรณ์ได้ ในมุมหนึ่งหาก Bitcoin ยังคงครอง market share ที่สูงถึงครึ่งหนึ่งของตลาดเงินดิจิทัลและมีสภาพคล่องดีที่สุดอย่างนี้ได้ต่อไป ในอนาคตอาจได้รับสถานะเดียวกับการที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เป็น “สกุลเสาหลัก” ของโลกออฟไลน์ก็เป็นได้ แต่ในอีกมุมราคามันก็มีโอกาสตกเหลือศูนย์ได้เมื่อเกิดตัวเลือกที่ดีกว่ามากๆ ขึ้นมา

 

5. การลงทุนทุกอย่างมีความเสียง

อะไรก็เกิดขึ้นได้ในการลงทุนในโลก Cryptocurrency การศึกษาหาข้อมูล และการกระจายความเสี่ยง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ตลอดทั้งเรียนรู้จากความผิดพลาด และหาแนวทางปรับปรุงเพื่อทำให้การลงทุนครั้งใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม  เชื่อว่าหากเราหมั่นทบทวนตัวเอง และทบทวนการลงทุนของเราอย่างสม่ำเสมอ เราจะประสบความสำเร็จจากการลงทุนอย่างแน่นอน

ขอให้ทุกคนโชคดี ร่ำรวย มั่งคั่ง มีความสุขกับการลงทุนใน Cryptocurrency นี้ ด้วยกันทุกคน

>>>8 วิธีเล่น บิทคอยน์ Bitcoin ให้ได้กําไร 100 % ใช้ได้จริง<<<




 

Credit: http://money.sanook.com/