Tag: บิทคอยน์

ทำความรู้จักกับ Satoshi ซาโตชิ หน่วยย่อยของ บิทคอยน์

มือใหม่หลายท่าน อาจสงสัยว่า เหรียญบิทคอยน์หน่วยย่อยของมันเรียกว่ายังไง คำตอบคือ หน่วยของบิทคอยน์ เราจะเรียกว่า Satoshi ซาโตชิ (ชื่อแฝงของผู้คิดค้นนั้นเอง) โดยก่อนที่เราจะเรียก 1 บิทคอยน์ หรือ 1 BTC ที่มีค่าเท่ากับ 1,038,600 บาทในปัจจุบัน (20 มกราคม 2564 ข้อมูลจากเว็บ Bitkub.com ) นี้ เราต้องเข้าใจการอ่านค่าต่างๆ ของ Satoshi ซาโตชิ ซึ่งแบ่งเป็นหน่วยย่อยออกมาได้ ดังนี้

1 Satoshi                    =  0.00000001 BTC

10 Satoshi                  =  0.00000010 BTC

100 Satoshi                =  0.00000100 BTC

1,000 Satoshi             =  0.00001000 BTC

10,000 Satoshi           =  0.00010000 BTC

100,000 Satoshi         =  0.00100000 BTC

1,000,000 Satoshi       =  0.01000000 BTC

10,000,000 Satoshi     =  0.10000000 BTC

100,000,000 Satoshi    =  1.00000000 BTC

ถ้าเทียบ 1 บิทคอยน์ หรือ 1 BTC ที่มีค่าเท่ากับ 1,038,600 บาทในปัจจุบัน ขอบอกเลยว่า ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจนะ (แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป)

100,000,000 Satoshi                 =  1.00000000 BTC       จะเท่ากับ 1,038,600 บาท

 10,000,000 Satoshi                =  0.10000000 BTC       จะเท่ากับ 103,860 บาท

   1,000,000 Satoshi               =  0.01000000 BTC       จะเท่ากับ 10,386 บาท

       100,000 Satoshi                 =  0.00100000 BTC       จะเท่ากับ  1,038.60 บาท

         10,000 Satoshi               =  0.00010000 BTC       จะเท่ากับ  103.86 บาท

มองภาพกันง่ายๆ ถ้าคุณมีเหรียญบิทคอยน์จำนวนขนาดนี้ จะสามารถทำเงินได้มหาศาลแบบนี้

1 BTC   จะเท่ากับ 1,038,600 บาท

10 BTC   จะเท่ากับ 10,386,000 บาท

20 BTC   จะเท่ากับ 103,860,000 บาท

 (คิดตามอัตราเรทปัจจุบัน 20 มกราคม 2564 1 BTC = 1,038,600 บาท ข้อมูลจากเว็บ Bitkub.com )

เห็นแบบนี้แล้วรีบสะสม Satoshi ซาโตซิ ให้ได้ซัก  1 บิทคอยน์ ก็พอจะคุ้มค่าเกินบรรยายละ เผื่อจะได้มีเงินเก็บหลักล้านกับเค้าซะที มัน Wow!! ขนาดนี้ ต้องรีบศึกษาแล้วไปปั่นยอดบิทคอยน์กันเลยดีกว่า^^


คำถามที่พบบ่อย

ใครคือผู้สร้าง bitcoin

ผู้สร้าง bitcoin บิทคอยน์ ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ Satoshi Nakamoto ซึ่งเขาได้ร่วมมือกับนักพัฒนาเพื่อพัฒนาเครือข่าย Bitcoin ขึ้นมา ในปี 2009 อย่างไรก็ตาม ในปี 2011 Satoshi Nakamoto ก็หายตัวไป โดยทิ้งข้อความไว้ว่าเขาย้ายไปทำโปรเจกต์อื่นแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่า เขาเป็นใคร

ผู้ก่อตั้ง บิทคอยน์ bitcoin ซาโตชิ นากาโมโตะ สัญชาติอะไร

หากอ้างอิงจากข้อมูลในโปรไฟล์ของผู้ก่อตั้ง และนามแฝงที่ปรากฎออกมานั้น ทำให้เดากันว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ น่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น ถึงอย่างนั้นใน Whitepaper ของบิทคอยน์ มีหลายคนให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสัญชาติของ ซาโตชิ นากาโมโตะ ออกเป็นทั้งหมด 2 แนวคิดใหญ่ ก็คือ ซาโตชิ Satoshi เป็นคนสัญชาติญี่ปุ่น และอีกแนวคิดก็คือ สัญชาติอเมริกันหรือเป็นชาวยุโรป

ทำไม Satoshi Nakamoto จึงไม่เปิดเผยตัวตน

อาจเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย รวมถึงความเป็นส่วนตัว เนื่องจากว่า รัฐบาลและธนาคารแต่ละประเทศ อาจกดดันให้เขาออกข้อบังคับบางอย่างในการทำธุรกรรม และอาจจะถูกบังคับให้ทำตามเงื่อนไข ทำให้เป็นปัญหากับระบบ รวมถึงผู้ใช้ในเครือข่ายจะรู้สึกไม่ปลอดภัยหากกฏระเบียบออกโดยบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น


บทความที่เกี่ยวข้อง

เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

blockchain คือ อะไร? ทำไมถึงเป็นเทคโนโลยีมาแรงสำหรับยุคนี้

6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง!

คนรวยด้วยบิทคอยน์ มีสักกี่คน? มือใหม่อยากรวย ตามมาดูกัน

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่

เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

ถ้าจะพูดถึงเรื่องราว ข่าวบิทคอยน์ หลายๆคนคงนึกถึงจุดเริ่มต้นของบิทคอยน์ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนสร้าง แต่ในวงการนี้ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่มีทั้งคนรู้และไม่รู้มาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่เกิดความฮือฮามาแล้วตั้งแต่เมื่อครั้งบิทคอยน์เริ่มเป็นกระแสสังคมมาเรื่อยๆ ดังนั้น เราจะมาทำความรู้จักกับเรื่องราวในแวดวงบิทคอยน์กันสักหน่อย กับ เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

มาเริ่มกันที่ เรื่องแรก…… ซาโตชิ บิดาแห่งบิทคอยน์

เรื่องนี้ในวงการบิทคอยน์คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินใช่ไหม แต่เราอยากจะตอกย้ำให้จดจำกันอีกสักครั้ง กับจุดเริ่มต้นของคนที่ทำให้มีบิทคอยน์ขึ้นมา เขาคือ Satoshi Nakamoto (นามแฝง) หรือบิดาแห่ง บิทคอยน์ ซึ่งเขาได้เป็นคนบุกเบิกสกุลเงินดิจิตอลสู่ชาวโลกครั้งแรก ผ่านเว็บไซต์ bitcoin.org และ metzdowd โดยยึดหลักการที่ว่า ไม่ต้องการให้ค่าเงินถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือสถาบันการเงินใดๆ

Satoshi เริ่มเขียนโค๊ดพัฒนาบิทคอยน์ตั้งแต่ปี 2007, นำเสนอ whitepaper ปี 2008 และคลอด Bitcoin version 0.1 ในปี 2009 และยังคงพัฒนาซอฟแวร์อย่างต่อเนื่องมาจนถึงช่วงปี 2010 จนระบบถูกวางเสร็จสมบูรณ์ และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากวงการบิทคอยน์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนที่จะส่งต่อข้อมูลทั้งหมดให้ Gavin Andresen (ซึ่งดำรงตำแหน่ง Bitcoin core development lead และ Bitcoin foundation จนถึงปี 2016) บัญชีของ Satoshi ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีบิทคอยน์ครอบครองมากที่สุดในโลกถึง 1ล้าน BTC กระจายอยู่พันกว่าบัญชี รวมมูลค่าทรัพย์สินของเขาใน cryptocurrency ถึง 36,181 ล้านเหรียญสหรัฐ (ว้าว!!) (อ้างอิงตามราคา ฺBitcoin ที่ https://coinmarketcap.com/  1 BTC = 36,181 USD )    เรียกได้ว่า เขานี่แหละ คือเจ้าพ่อที่ทำให้บิทคอยน์ มีชื่อเรียกเป็นหน่วยซาโตชินั่นเอง

มาต่อกันกับเรื่องที่ 2 ฮือฮาสุด ซื้อพิซซ่า 2 ถาดได้ด้วย บิทคอยน์

เรื่องนี้ไม่พูดไม่ได้แล้ว เพราะเสมือนเป็นเรื่องหลักๆ ที่วงการบิทคอยน์จดจำ และกลายเป็นตำนาน ถึงขนาดปัจจุบัน มีวัน “Bitcoin Pizza Day” ซึ่งเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2010 เมื่อผู้ใช้งาน Bitcoin รายหนึ่ง ชื่อว่า Laszlo Hanyecz ได้ใช้บิทคอยน์จำนวน 10,000 BTC ไปแลกกับพิซซ่าจำนวน 2 ถาด จนกลายเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ครั้งแรกของโลก ที่ไม่ต้องใช้เงินสดซื้อพิซซ่า โดยตอนนั้น Bitcoin มีราคาอยู่เพียง 0.004 ดอลลาร์ ทำให้พิซซ่ามีมูลค่าที่ 41 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าเทียบกับมูลค่า BTC ในปัจจุบัน จะทำให้พิซซ่าสองถาดนี้ กลายเป็นพิซซ่าที่แพงที่สุดในโลก เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  ได้ขอซื้อพิซซ่าผ่านการโพสต์ลงเว็บบอร์ด Bitcointalk  โดยแจ้งในบอร์ดว่า “คุณจะทำพิซซ่ามาและนำมาส่งที่บ้านผมเองก็ได้นะ หรือจะสั่งให้ผมแล้วผมไปรับก็ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมต้องการจะใช้ คือ Bitcoin แลกกับอาหารโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องทำเอง คล้าย ๆ การสั่งอาหาร Delivery ที่โรงแรม ที่เขามาอาหารมาเสริฟ์ในห้อง และคุณกินมันอย่างมีความสุข” หลังจากนั้นสองวัน เขาก็โพสต์ภาพพิซซ่าสองถาด ที่ได้รับพิซซ่าจากร้าน Papa John โดยมีคนสั่งซื้อมาส่งให้เขาถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว

ครอบครัว Laszlo Hanyecz ผู้ใช้ บิทคอยน์ 10,000 BTC แลกกับ พิซซ่า 2 ถาด

          แถมจุดประสงค์ของเค้าที่ต้องการซื้อ 2 ถาด เพราะเขาอยากเหลือไว้กินในวันถัดไปอีกด้วย เรียกได้ว่าเรื่องนี้แหละ คือ เรื่องที่ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ดูมีมูลค่าขึ้นมาทันที จนมีคนสนใจที่จะหามันมาครอบครองเพื่อซื้อขายออนไลน์กันโดยเฉพาะ

เรื่องที่ 3 : วิกฤติ MtGox และ Coincheck เว็บเทรดเจ้าใหญ่ ถูกแฮก สะเทือนวงการ “เงินดิจิตอล”

ช่วงปี 2014 เกิดเหตุการณ์สะเทือนวงการผู้ใช้สกุลเงินดิจิตอล “บิทคอยน์” เมื่อเว็บเทรด “MtGox” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขาย บิทคอยน์ รายใหญ่ที่สุดของโลกได้ยื่นเอกสารต่อศาลในกรุงโตเกียวเพื่อขอล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์ หลังจากถูกแฮคเกอร์โจรกรรม บิทคอยน์ จำนวน 750,000 เหรียญ พร้อมกับ บิทคอยน์ ของบริษัทราว 100,000 เหรียญ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 477 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.56 หมื่นล้านบาท) โดย คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน CoinDesk ในวันดังกล่าว วิกฤติการณ์ครั้งนั้นถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ผู้ถือครองสกุลเงิน บิทคอยน์ หวั่นวิตกกับอนาคตของสกุลเงินดังกล่าว หลังจากที่ บิทคอยน์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

มูลค่าความเสียหาย ของเว็บเทรดที่ถูกแฮก

Mt Gox เว็บเทรดเจ้าใหญ่ในตำนานสัญชาติญี่ปุ่นที่ถูกแฮกไปในปี 2014 ทำให้ตลาดคริปโตกลายร่างเป็นขาลงยาวนานถึงสองปี โดยมีแผนจะชดเชยบิทคอยน์จำนวน 140,000 BTC ให้แก่นักลงทุนในวันที่ 15 ตุลาคม 2020 หลังถูกเลื่อนมาแล้วถึงสี่รอบ หลังจากนั้น ปี 2018 บริษัท Coincheck ซึ่งเป็นบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ถูกแฮกเกอร์มือดีเข้ามาเจาะระบบคอมพิวเตอร์ โจรกรรมเงินดิจิทัลไปได้มหาศาลถึง 5,800 ล้านเยน หรือราว 534 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 16,700 ล้านบาท) จนถือเป็นการขโมยเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ทำลายสถิติของ บริษัท MtGOX

เรื่องที่ 4 : ปล้นบิทคอยน์ โดยไวรัส Wannacry

อะไรที่เป็นกระแส และได้เงินจริง มักจะมีผู้ไม่หวังดี ทำตัวเป็นโจรคอมพิวเตอร์ หาเรื่องเรียกค่าไถ่ คุกคามผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทันที อย่าง ไวรัส Wannacry  ที่เคยระบาดหนักอยู่ช่วงปี 2017 โดยไวรัสตัวนี้ จะเป็น หนึ่งใน ransomware ที่ทำการเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์เหยื่อ โดยทำการล็อคข้อมูลทั้งหมด และเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin เป็นจำนวนเงินไทยกว่า 100,000 บาท เพื่อแลกกับการปลดล็อคคอมพิวเตอร์ โอ้วโหว ที่มันเป็นการเรียกค่าไถ่รูปแบบใหม่ชัดๆ ซึ่งเท่ากับว่า เงินจำนวนกว่า 4 ล้านบาท สูญไปกับกลุ่ม Hacker ไปเลย

เมื่อคอมพิวเตอร์ติดไวรัส WannaCry จะมีหน้าตาตามรูปนี้

          บริษัทและผู้คนบนโลกกว่า 150 ประเทศ ต้องปั่นป่วน เพราะคอมพิวเตอร์จำนวนกว่า 230,000 เครื่องถูกไวรัสนี้เข้าควบคุม แม้แต่โรงพยาบาลยังถูกล็อคข้อมูลเข้าถึงผู้ป่วย หรือบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคม อย่าง FedEx ในสเปนยังได้รับผลกระทบไปด้วย ผลกระทบของการโจรกรรมในครั้งนั้น ได้ถูกเชื่อมโยงไปยังกลุ่ม Hacker ในเกาหลีเหนือ  นามว่า The Lazarus Group โดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยต่างระบุว่า Wannacry เป็นไวรัสที่โจมตีบริษัทดัง และธนาคารในประเทศต่างๆ จนเกิดความเสียหายอีกด้วย อีกทั้งบิทคอยน์ที่ถูกโจรกรรมไป บางส่วนก็ถูกนำไปซื้อของในตลาดมืดอีกด้วย   นับว่าเป็นการกระทำที่ทำให้นักลงทุนบิทคอนย์เฟลไปตามๆกัน แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน เว็บไซต์สำหรับใช้งานบิทคอยน์ต่างๆ มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก

เรื่องที่ 5 : โปรแกรมเมอร์ บุญมี แต่กรรมบัง!!!

เจมส์ โฮเวลส์ ทิ้งฮาร์ดไดร์ฟที่เขาลืมไปว่ามีบิทคอยน์ จำนวน 7,500 เหรียญ บันทึกอยู่ ลงถังขยะเมื่อ 8 ปีที่แล้ว นายโฮเวลส์ ซื้อบิทคอยน์มาในราคาถูกมากเมื่อปี 2009 แต่เขาถอดฮาร์ดไดร์ฟที่ใช้บันทึกบิทคอยน์เหล่านั้นออก หลังจากทำเครื่องดื่มหกใส่คอมพิวเตอร์ และเก็บฮาร์ดไดร์ฟไว้ในลิ้นชักจนกระทั่งลืมว่ามีบิทคอยน์บันทึกไว้อยู่ ต่อมาเขาได้โยนฮาร์ทไดร์ฟทิ้งไปในปี 2013 ขณะนี้เขากำลังร้องขอให้เทศบาลเมืองนิวพอร์ต ทางตอนใต้ของเวลส์ ช่วยขุดฮาร์ดไดร์ฟดังกล่าวที่เชื่อว่าอยู่ในที่ฝังกลบขยะของเทศบาล โดยสัญญาว่าจะบริจาคส่วนแบ่ง 25% ตามมูลค่าของบิทคอยน์ให้กับเทศบาลเพื่อเป็นกองทุนต่อสู้กับโรคโควิด-19 ส่วนคนที่ สอง คือ สเตฟาน โทมัส โปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมนีที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ เพราะว่า เขาได้ทำรหัสผ่านที่จะล็อกอินเข้าบัญชีบิทคอยน์ของตัวเองหายไป” ซึ่งภายในบัญชีของเขานั้นมีบิทคอยน์อยู่ มากถึงกว่า 7,002 เหรียญ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น กลายเป็นบทเรียนราคาแพง ไม่เฉพาะของ “สเตฟาน โทมัส” คนเดียวเท่านั้น แต่เหมือนว่าจะเป็นปัญหาของคนที่ชอบลืมรหัสผ่านกำลังเกิดขึ้นกันหลายๆคน เพราะยังมีผู้ถือบัญชีบิทคอยน์ทั่วโลกที่ถือบิทคอยน์จำนวนมากไว้ในมือ แต่ไม่สามารถขายได้เพราะลืมรหัสผ่านที่ตัวเองตั้งไว้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จักกับ Satoshi ซาโตชิ หน่วยย่อยของ บิทคอยน์ blockchain คือ อะไร? ทำไมถึงเป็นเทคโนโลยีมาแรงสำหรับยุคนี้ 6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง! คนรวยด้วยบิทคอยน์ มีสักกี่คน? มือใหม่อยากรวย ตามมาดูกัน

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่

Bitcoin มาจากไหนกัน? ทำไมมันถึงมีมูลค่า

Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิตอลสกุลแรกของโลก เป็นสกุลเงินที่ไม่มีธนาคารหรือองค์กรใดควบคุม ค่าเงินของบิทคอยน์มีการเพิ่มขึ้น และการเข้าถึงเงินสกุลนี้ก็ทำได้ง่ายมากขึ้น เพียงแต่ว่าต้องเข้าใจระบบและศึกษาให้ดีเท่านั้นเอง

ถ้าเราลองย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 บิทคอยน์นั้นยังมูลค่าไม่สูงมาก คือ ไม่ถึง  $0.01 ~ หรือ 34 สตางค์ เท่านั้นเอง เพราะว่ายังไม่มีคนให้ความสนใจ และไม่ค่อยเข้าใจในระบบของเงินสกุลนี้มากนัก แต่พอตอนนี้ลองมาเทียบกันดู ในวันนี้ 18 กุมภาพันธ์ 2018 มูลค่าของบิทคอยน์นั้นมากกว่า 300,000 บาทแล้ว

อ้างอิงจาก Coinmarketcap.com

 

 

มูลค่าของบิทคอยน์นั้นเจริญเติบโตอย่างมาก ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับมูลค่าของบิทคอยน์ โดยปกติแล้ว สกุลเงินต่างๆ นั้นจะมีการใช้ทองคำ เงินสกุลอื่น เครดิตของประเทศ หรือพันธบัตรรัฐบาล ค้ำประกันมูลค่า แต่ในเมื่อบิทคอย์ไม่มีสิ่งเหล่านี้ค้ำประกันอยู่ แล้วจะมีค่าได้อย่างไร ?  แล้วบิทคอยน์คือสกุลเงินดิจิตอล แล้วเราจะได้มายังไงล่ะ

 

บิทคอยน์ได้มายังไง?

ขอยกตัวอย่างเลยแล้วกัน

สมมติว่า นาย ก ซื้อจอบขุดดินอันหนึ่ง เพื่อมาขุดดินหลังบ้าน แต่ไปเจอหินชนิดหนึ่ง แล้วก็นำหินนี้ไปขายในตลาด แลกกับค่าแรงที่เขาขุด แต่ว่าตอนแรกไม่ค่อยมีคนเห็นประโยชน์เท่าไร คิดว่าน่าจะไปตกแต่งบ้านมากกว่า ราคาของหินชนิดนี้จึงถูกมาก  แต่ต่อมาวันหนึ่ง คนพึ่งรู้ว่าหินนี้คือทองคำ ซึ่งในตัวหินนั้นอาจไม่มีมูลค่าเลย (no intrinsic value) แต่พอเริ่มมีการใช้ทองคำเป็นตัวกลางแทนมูลค่า (store of value) เช่นแรงงานและมูลค่าสินค้าต่างๆ ก็ทำให้ทองนั้นมีมูลค่าขึ้นมา

บิทคอย์ก็ไม่ต่างกันเลย แค่เราเปลี่ยนจากจอบขุด มาเป็น คอมพิวเตอร์

จากแรงงานมาเป็น การประมวลผลและตรวจสอบ transaction ของบิทคอยน์  และ ค่าอาหาร คือ ค่าไฟ

เรามาดูตัวอย่าง อธิบายการขุดบิทคอยน์ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

สรุปว่า ถ้าไม่ขุดก็จะไม่ได้บิทคอยน์ ซึ่งต่างกับเงินในเกมหรือแอปที่เจ้าของเพิ่มเองได้



 

การใช้งานทำให้บิทคอยน์เกิดมีมูลค่า

ในช่วงแรกที่ผ่านมา ยังไม่มีใครรู้ว่าจะนำบิทคอยน์ไปใช้ได้อย่างไร ทำให้มีมูลค่าต่ำ ไม่ต่างอะไรกับคนที่มองทองคำเป็นก้อนหินหรอก แต่ปัจจุบันนี้เรานำบิทคอยน์มาใช้ได้หลายงานมาก เช่น

  • เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระสินค้าได้ เช่น ประเทศญี่ปุน
  • เป็นตัวกลางการโอนเงินต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องผ่านหรือใช้เรทธนาคาร
  • ใช้เป็น store of value เสมือนทองคำ
  • มีไว้เพื่อซื้อขายหรือเก็งกำไร

แถมยังเป็นทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัดด้วย สามารถขุดได้ไม่เกิน 21 ล้านบิทคอยน์

*แต่อย่าเข้าใจผิดว่าบิทคอยน์มีมูลค่า เพราะมันมีจำนวนจำกัด

และการที่บิทคอยน์นั้นเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ทำให้บิทคอยน์เป็น store of value ที่เชื่อถือได้ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่มีคนใช้งานบิทคอยน์แล้ว ยังไงก็กลายเป็นสิ่งไม่มีค่าอยู่ดี  อย่างเช่น น้ำมันบนโลกนั้นมีจำกัดแต่ถ้าวันหนึ่งเราหันไปใช้พลังงานทดแทนอย่างอื่นหมด ก็คงไม่มีคนต้องการน้ำมันอีก

 

Bitcoin เป็นเหรียญที่สามารถใช้ซื้อ เหรียญทางเลือกอื่นๆ (Altcoin) ได้

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ Bitcoin ได้ถูกใช้เสมือนประตูไปสู่ Altcoin  พูดง่ายๆว่า ตอนนี้เรามีเหรียญใหม่ๆที่เรียกได้ว่าแทบจะล้นตลาด มีมากถึง 1545 เหรียญ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก  https://coinmarketcap.com/ แต่เราก็สามารถไปซื้อเหรียญต่างๆ ตามสถานที่แลกเปลี่ยน พวก Binance หรือ Bittrex  เหมือนว่า เราซื้อบิทคอยน์เพื่อไปแลกเป็นเหรียญอื่นๆ หรือถ้าเหรียญ altcoin ทั้งหลายร่วง คนส่วนใหญ่มักจะแลกกลับมาถือเป็นบิทคอยน์ จึงทำให้บิทคอยน์นั้นมีมูลค่าขึ้นมา

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่


3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่

 

มูลค่าและความต้องการของตลาด

เราอาจจะพูดถึงธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยน้อย อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ทุนสูง เป็นหนี้ระยะยาว  หุ้นถึงจุดอิ่มตัว แล้วเราจะนำเงินไปลงทุนที่ไหนดี ทำให้หลายคนหันมาลงทุนบิทคอยน์ เพราะว่ามีสถิตที่ให้ผลตอบแทนมาก และไม่เหมือนที่มีในท้องตลาด ตราบใดที่ยังมี Demand มี“คนเชื่อว่ามันมีมูลค่า”และพร้อมที่จะซื้อ ไม่ว่าจะไปใช้จ่าย หรือใช้ลงทุนก็จะยังมีคนที่แย่งกันลงทุนขุดบิทคอยน์

ผลลัพธ์คือ บิทคอยน์ก็จะมีมูลค่าต่อไป



 

Credit: https://coinman.co/2017/06/28/bitcoin-value/

 

คนรวยด้วยบิทคอยน์ มีสักกี่คน? มือใหม่อยากรวย ตามมาดูกัน

เดี๋ยวนี้หันหน้าไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง บิทคอยน์ บิทคอยน์ แล้วก็บิทคอยน์ อ้าว…บิทคอยน์ คือ อะไรล่ะ? กลายเป็นคำถามที่มีแต่คนอยากรู้? เพราะมีข่าวว่าบางคนสามารถทำรายได้จากบิทคอยน์วันละหลายพัน หลายหมื่น ถือว่าไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย  แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า บิทคอยน์ คือ อะไร ผู้เขียนแนะนำให้หาข้อมูลในเว็บ GoalBitcoin นี้ก่อน หรือ หาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตที่มีอยู่มากมายได้เช่นกัน

ราคาบิทคอยน์วันนี้ ทะลุ New high ไปอยู่ที่ $10,327.50  หรือ เท่ากับ 340,000 บาท (อ้างอิงตาม Coinmarketcap)สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนหรือนักเทรด หรือหน้าใหม่ในวงการบิทคอยน์  ผู้เขียนก็ยังแนะนำให้ทะยอยซื้อบิทคอยน์เก็บสะสมไว้  ตามกำลังทรัพย์ที่มี  แล้วอีกหน้าปีค่อยมาเช็คราคากันอีกที

 

วันนี้ผู้เขียนอยากจะมาคลายข้อสงสัย ว่า ราคาบิทคอยน์ วิ่งทะลุไป $10,000 ยังเข้าทันมั้ย? คนที่ถือ Bitcoin ในโลกนี้มีมากน้อยแค่ไหน? และมีคน รวยจาก Bitcoin สักกี่คน ?? 

 

คนที่ถือบิทคอยน์ Bitcoin ในโลกนี้มีมากน้อยแค่ไหน?

จากสถิติบัญชี Bitcoin ทุกบัญชีทั่วโลกมาเปิดให้ดูกันเลย

อ้างอิง https://bitinfocharts.com/

จากสถิติบัญชี Bitcoin ในภาพทำให้เห็นว่า

  • ทั่วโลกมีบัญชี Bitcoin 23.15 ล้านบัญชี  บัญชีบิทคอยน์ มีการใช้งานไม่ต่างกับเลขบัญชีธนาคาร และหนึ่งคนสามารถมีได้หลายบัญชี แสดงว่า น่าจะมีคนที่มีบัญชี Bitcoin ประมาณ 15-20 ล้านคนทั่วโลก
  • เมื่อนำทุกบัญชีทั่วโลกมาหาค่าเฉลี่ย ยอดบิทคอยน์เฉลี่ย คือ 0.72 BTC 
  • แต่บัญชีบิทคอยน์ส่วนใหญ่คือ 13.22 ล้านบัญชี  มี Bitcoin อยู่ในบัญชีไม่เกิน 0.001 BTC  เหมือนเปิดบัญชีไว้ลองเล่นเฉยๆ
  • บัญชีที่มี Bitcoin ตั้งแต่ 10,000 BTC  ซึ่งอาจจะเรียกกลุ่มนี้ว่าเป็นมหาเศรษฐี Bitcoin มีจำนวน 111 บัญชีทั่วโลก
  • บัญชี Bitcoin ที่มียอดคงเหลือมากกว่า 100,000 BTC มี 2 บัญชีในโลกเท่านั้น มี Bitcoin รวมกัน 252,798 BTC
  • บัญชี Bitcoin ที่มียอดคงเหลือมากที่สุดในโลก ถือ Bitcoin อยู่ 130,215 BTC  ซึ่งมีการเปิดเผยว่าเป็นบัญชีของ Bitfinex ที่เป็นเว็บเทรดซื้อขายเหรียญดิจิตอลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก



เห็นตัวเลขเหล่านี้ พอจะสรุปได้ว่า

  • Bitcoin มีการกระจุกตัวอยู่ในมือคนจำนวนไม่มาก Bitcoin 96.29% อยู่ในมือคนแค่ 2.93%
  • แม้เราจะได้ยินเรื่อง Bitcoin กันคุ้นหู มีคนกล่าวถึงตลอด แต่จำนวนคนที่มี Bitcoin อยู่ในมือจริง ๆ อย่างมากก็ไม่เกิน 23 ล้านคนทั่วโลก ถ้าเทียบกับประชากรโลกที่ี 7,600 ล้านคน ก็แค่ 0.3% ….. แปลว่า ทุก ๆ 1,000 คนในโลก จะมีแค่ 3 คนเท่านั้นที่มีบัญชี Bitcoin จึงนับว่ายังเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับยุคนี้มาก (แม้จะถือกำเนิดมา 8 ปีแล้วก็ตาม) ซึ่งก็แปลว่า ถ้า Bitcoin ไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงคนอีกหลายร้อยหลายพันล้านคนทั่วโลก
  • นอกจากนั้น ถ้าเทียบปริมาณ Bitcoin ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ารวมกัน 1.67 แสนล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับปริมาณเงิน USD ทั้งหมดที่มี 13.74 ล้านล้านเหรียญ Bitcoin ก็แค่ 1.2% เท่านั้น .. Bitcoin ยังถือว่าน้อยมากๆๆ (ข้อมูล US Money Supply M2 )
  • ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ขยับขึ้นมาแล้ว 12.60 เท่าตัว จาก $737 มาเป็น $10,327 .. แต่ถ้าคิดว่า 12.60 เท่าเยอะแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับเหรียญ Ethereum ที่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นมา 53.22 เท่าตัว จาก $8.81 มาเป็น $473 และถ้าเทียบกับเงินสกุล Dash ที่พุ่งขึ้นมา 67.28 เท่าตัว จาก $9.12 มาเป็น $622 ราคา Bitcoin ที่พุ่งขึ้นมา ก็แค่ธรรมดา ๆ ไปเลย

มาดูหน้าตา 5  คนรวยระดับมหาเศรษฐีจาก Bitcoin กันหน่อย

1. Cameron and Tyler Winklevossสองศรีพี่น้อง Winklevoss ผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของไอเดียสร้าง Facebook ฟ้อง Mark Zuckerberg  ผู้ก่อตั้ง Facebook สองพี่น้อง Winklevoss มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  400 ล้านดอลลาร์

2. Tony Gallippi  :เป็นผู้ก่อตั้งและเป็น CEO ของบริษัท Bitpay มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  100 ล้านดอลลาร์

3. Roger Ver :เป็นนักลงทุน ในบริษัท Start Up ที่เกี่ยวกับ Bitcoin  มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  52 ล้านดอลลาร์

4. Charlie Shrem  :เป็นนักลงทุนและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Start Up ชื่อ BitInstant,มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  45 ล้านดอลลาร์

5. Jared Kenna : เป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท Tradehill and Money & Tech  มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง 30 ล้านดอลลาร์




การคาดการณ์ราคาบิทคอยน์ในปี 2020-2030

Bitcoin ถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับยุคนี้ (แม้จะถือกำเนิดมา 8 ปีแล้วก็ตาม) ซึ่งก็แปลว่า ถ้า Bitcoin ไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงคนอีกหลายร้อยหลายพันล้านคนทั่วโลก

Note : การคาดการณ์อาจจะไม่เป็นตามในรูปก็เป็นได้  ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของแต่ละคน โปรดใช้วิจารณญาณ!!

 

แล้วตอนนี้บิทคอยน์ ซื้ออะไรได้บ้าง?

รวมแหล่งร้านค้า รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

เทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเห็นจะเป็นเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน โดยในปัจจุบันนั้น เราต่างก็เห็นการใช้จ่ายเงินผ่านมือถือ โดยที่เราไม่ต้องพกเงินสดกันอีกต่อไปแล้ว เราจะพาคุณไปดู แหล่งร้านค้า ที่รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

ต้องบอกว่าปัจจุบันบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเราอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากชีวิตประจำวันของทุกคนต้องข้องเกี่ยวกับระบบอินเทอร์เน็ตแน่นอน และบิทคอยน์คงจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ กับระบบการเงินของโลกในอนาคต ซึ่งผู้เขียนอยากให้ทุกท่านศึกษา เรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องนี้เอาไว้ซักหน่อยก็ไม่เสียหาย เพราะใครจะไปรู้อนาคตข้างหน้า “บิทคอยน์” อาจกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายก็ได้

การลงทุนมีความเสียง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้นั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนใน Bitcoin, Altcoin หรือ ICO ตัวไหน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง



10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่เหมาะสำหรับนักเทรด!!

ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้ มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

Credit: Coinmarketcap.com, thailandinvestmentforum.com/

10 เรื่องราวของ “บิทคอยน์” ที่หลายคนอาจไม่รู้

ในช่วงนี้ กระแสของบิทคอยน์ กำลังมาแรงและเป็นที่กล่าวถึงกันในหลายวงการด้วยกันไม่ว่า จะเป็นวงการทางเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร รวมทั้งการลงทุน ซึ่งต่างก็ให้ความสนใจใน บิทคอยน์ แต่ก็ยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริง ตลอดจนเรื่องราวต่างๆ ของบิทคอยน์ ดีนัก

ดังนั้นในวันนี้ เราจึงขอนำเสนอ เรื่องราวข้อเท็จจริงของ เงินดิจิตอลที่เรียกว่า “บิทคอยน์” กัน

 

เรื่องจริงข้อที่ 1: ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์

ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์

Satoshi Nakamoto คือ ชื่อบุคคล (หรืออาจเป็นของกลุ่มคน) ผู้ที่ก่อตั้งบิทคอยน์เป็นคนแรกของโลก ในปี 2009 เชื่อกันว่า Nakamoto อาจจะมีบิทคอยน์อยู่ประมาณ 1 ล้านบิทคอยน์ หรือมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามนั้น ไม่มีใครรู้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของ Satoshi Nakamoto นั้นเป็นใครกัน บางทีอาจจะเป็นแค่ชื่อสมมติก็อาจเป็นได้ มีทฤษฎีอื่นอีกว่าบริษัทอิเลคทรอนิคส์ คือ โตชิบา ซัมซุง นากามิชิ และโมโตโลร่า คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการสร้างบิทคอยน์ (หรืออาจจะเป็นแค่เรื่องโจ๊ก พูดเล่นกันเท่านั้น ) ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้แน่นอน จนกลายมาเป็นปริศนาถึงวันนี้

 

เรื่องจริงข้อที่ 2: WikiLeaks

-บริษัท WikiLeaks ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เอาข่าวฉ้อฉลภายในของรัฐบาลอเมริกา ออกมาตีแผ่ผ่านเว็บไซต์ พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการรับเงินบริจาคเท่านั้น  WikiLeaks นั้นพึ่งพาบิทคอยน์เป็นอย่างมากในการดำเนินงาน โดยมีการรับบริจาคเงินผ่านบิทคอยน์ เนื่องจากสถาบันการเงินที่อื่นๆ ปฏิเสธที่จะร่วมทำธุรกรรมกับ WikiLeaks

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้ง WikiLeaks  ได้ขอบคุณรัฐบาลอเมริกาที่มาบล็อกบัญชีธนาคารของพวกเขา รวมถึงโพสภาพกราฟของราคา Bitcoin ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2010 และ 14 ตุลาคม 2017 โดยทางผู้ก่อตั้ง WikiLeaks กล่าวว่าทางพวกเขาได้หันมาพึ่งพิง Cryptocurrency หลังจากที่ถูกรัฐบาลเล่นไม่ซื่อกับพวกเขา ทำให้พวกเขามีกำไรไปประมาณ 50,000%

 

เรื่องจริงข้อที่ 3: การแบนการใช้บิทคอยน์

– เดือน ก.ค. ปี 2013 ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในโลกที่มีการสั่งแบนและสั่งห้ามการใช้เงินบิทคอยน์ แต่หลังจากนั้นก็ได้มีการอนุญาตให้มีการใช้กันได้ในเวลาต่อมา

– รัฐบาลจีนสั่งห้ามธนาคารทำการค้าขายหรือแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ ในปี 2013 แต่ยังอนุญาตให้เอกชนนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับบิทคอยน์ได้
– กระทรวงการคลังของอเมริกาสั่งปิดบริษัทที่ผลิตเครื่องมือที่เกี่ยวกับเงินบิทคอยน์ไปจำนวนหนึ่ง

เรื่องจริงข้อที่ 4: เงินบิทคอยน์ และ Silk Road 


– ในเว็บไซต์ของขาย Silk Road ใช้เงินบิทคอยน์เป็นตัวกลางในการซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมายต่างๆ  เช่น ยาเสพติด และสารตั้งต้นชนิดต่างๆ ดังนั้นเมื่อเจ้าของเว็บไซต์ Silk Road ได้ถูกจับกุมและยึดทรัพย์ จึงเชื่อได้ว่า ยังมีเงินบิทคอยน์อีกมากกว่าครึ่งถูกซ่อนไว้

 

เรื่องจริงข้อที่ 5: มูลค่ารวมของบิทคอยน์

– เดือน พ.ย. ปี 2011 บิทคอยน์ มีมูลค่าประมาณ 60 บาท แต่หลังจากนั้น 2 ปี คือ ปี 2013 บิทคอยน์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นคือ มากกว่า 30,000 บาท ปัจจุบัน ปี 2017  1 บิทคอยน์ ราคา พุ่งสูงสุดที่ 255,000 บาท

– ในช่วงนี้ บิทคอยน์มีมูลค่ามากกว่าทองคำ หลายเท่า

– ตู้เอทีเอ็มที่สามารถถอนเงินได้จริงจากบิทคอยน์เครื่องแรกของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

 

 

เรื่องจริงข้อที่ 6: เงินบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด


– เงินบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด 21 ล้านบิทคอยน์

– จำนวนบิทคอยน์ที่ขุดได้จะลดลงครึ่งหนึ่ง ทุก 4 ปี และ ค่าความยากในการขุด (Difficulties) เพิ่มมากขึ้นด้วย

– ในปี 2140 คาดว่า จะไม่สามารถขุดบิทคอยน์ได้อีกต่อไป แต่จะยังได้รับการค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมของบิทคอยน์ที่มีอยู่ต่อไป

– ทุกวันนี้ประมาณ 64% ของบิทคอยน์ที่อยู่ในระบบนั้นไม่ได้ถูกนำมาใช้

 

เรื่องจริงข้อที่ 7: ข้อมูลของบิทคอยน์

– เป็นเงินดิจิตอล ผู้ถือเงินไม่มีโอกาสได้สัมผัสรูปร่างหน้าตาว่า บิทคอยน์ เป็นยังไง นอกจากเป็นกระแสของอิเล็กทรอนิคส์ ในคอมพิวเตอร์และเครื่องมืออิเลคทรอนิคส์เท่านั้น
– ยังไม่มีสถาบันทางการเงินใดๆ เข้ามาควบคุมได้ ดังนั้นมูลค่าของบิทคอยน์จึงขึ้นอยู่กับปริมาณดีมานด์และซัพพลายล้วนๆ

 

เรื่องจริงข้อที่ 8: ซื้อสินค้าด้วยบิทคอยน์


– Virgin Galactic ของเซอร์ริชาร์ด แบรนด์สัน รับเงินบิทคอยน์ ในการจองเที่ยวบินไปยังอวกาศ ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
– รถยนต์ยี่ห้อแลมโบกินี่ เป็นยี่ห้อแรก ที่รับเงินบิทคอยน์

 

เรื่องจริงข้อที่ 9: ปริมาณของบิทคอยน์


– เงินบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันนั้น ได้มาจากกระบวนการขุดบิทคอยน์ โดยผ่านการประมวลผลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้น
– พลังของการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่ขุดบิทคอยน์ทั้งหมดรวมกันมีมากกว่า ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์รวมกัน 500 เครื่อง

 

เรื่องจริงข้อที่ 10: เงินบิทคอยน์และการล้มลาย


– ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 Mt Gox โบรกเกอร์ชื่อดังของบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้นถูกโจรกรรมข้อมูลไป และขาดทุนไปเกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จนทำให้ต้องประกาศล้มละลายลงในที่สุด
ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องราวข้อเท็จจริงของบิทคอยน์ที่คุณควรจะทราบ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มลงทุนในสิ่งใด รวมทั้งบิทคอยน์ก็ตาม ควรคำนึงถึงประโยคนี้เป็นอันดับแรก “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” แล้วสุดท้าย การลงทุนในบิทคอยน์ก็จะเป็นไปได้ด้วยดี




10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!

เว็บเทรด Bitcoin เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้ ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




เศรษฐกิจขาลง แล้ว บิทคอยน์ ทำไมถึงอยู่ในช่วงขาขึ้น

บิทคอยน์

เศรษฐกิจขาลง แล้ว บิทคอยน์ ทำไมถึงอยู่ในช่วงขาขึ้น

พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจในตอนนี้ ใครๆก็นึกถึงเงินมาก่อนเป็นอันดับแรก เงินเท่านั้นที่จะช่วยบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้เกิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกได้ งานนี้บอกเลยว่า สกุลเงินอย่าง Bitcoin กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ

บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าสกุลเงินบิทคอยน์นี้มาก่อน เพราะจะรู้จักกันแค่สาวกที่ชอบนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น เป็นเงินสำหรับการใช้จ่ายสำหรับกลุ่มที่ซื้อขายอะไรผ่านทางคอมพิวเตอร์ หรือผ่านแอพพลิเคชั่นกันบ่อยๆ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นแค่ของเล่นในหน้าจอเท่านั้น ไม่อาจจะที่เอาออกมาทำให้กลายเป็นจริงๆ ใช้จริงๆได้เลย

เพราะอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ สกลุเงิน “บิทคอยน์” ที่โลดแล่นอยู่ตามหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ถูกดูแลด้วยรัฐบาล ไม่ได้ถูกดูแลด้วยธนาคารกลาง หรือมีความเป็นทางการตามกฎหมายใดใดเลย แต่ใครจะรู้ถึงอนาคตได้ว่าในเวลาต่อมา เงิน “บิทคอยน์” นั้นจะมีค่าพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง

          ราคาบิทคอยน์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 อยู่ที่ 7,436 ดอลล่าร์  หรือ 1 บิทคอยน์ เท่ากับ 245,000 บาท

            และเมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่โปรแกรมเมอร์ชาวอเมริกัน ได้ทดลองซื้อพิซซ่า 2 ถาด ด้วยเงินบิทคอยน์ ในตอนนั้นด้วยราคาถูกจำนวน 10,000 บิทคอยน์ แต่ปรากฏว่าในตอนนี้ มันมีมูลค่ามากกว่า 74 ล้าน ดอลล่าร์ไปแล้ว ซึ่งการซื้อขายไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋ว ซื้อสินค้า ซื้ออาหาร ผ่านเว็บไซต์ ทางธุรกิจใหญ่ๆของแต่ละองค์กรที่ทำการซื้อขายในตอนนี้ ตัวอย่างเช่นร้านอาหาร เว็บไซต์สำหรับจองตั๋วในการเดินทาง หรือการซื้อขาย Microsoft หรืออาจจะเป็น App อะไรต่างๆนานาที่จำเป็นต้องใช้และมันสะดวกที่จะใช้กระเป๋าเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin หันมาให้การยอมรับ “บิทคอยน์” กันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสกุลเงินที่ดูไม่มั่นคงมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนบางกลุ่มที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลงได้ดีทีเดียว และกำลังสร้างความมั่นคงให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้น

 

มองและให้คุณค่า กับ “บิทคอยน์”

เชื่อหรือไม่ว่าในสมัยก่อนนั้น เจ้าเงินตรานี่ก็คือเหล่าใบไม้และเปลือกหอย รวมไปถึงแร่ธาตุต่างๆที่เราให้คุณค่ามันเพียงเพราะว่ามันมีคุณสมบัติที่เด่น เงินบิทคอยน์ก็เช่นเดียวกัน แม้มันอาจจะเป็นเงินดิจิตอลที่ไม่สามารถจับต้องเป็นตัวเงินได้ แต่การมองว่าบิทคอยน์เป็นเงินก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และด้วยความที่มันคือเงินที่อยู่ในระบบดิจิตอล ผู้คนจึงมักกังวลในเรื่องของการ Hack ข้อมูลกันมาก

เพราะนั่นหมายความว่ากระเป๋าเงินแบบดิจิตอลของคุณก็อาจจะถูกขโมยออกไปได้ง่ายๆด้วย อีกทั้งความผันผวนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้บิทคอยน์ยังคงต้องพัฒนามากขึ้นอีกเยอะ ยังไงก็ยังคงไม่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วแน่นอน ยังต้องแพ้สกุลเงินหลักๆอยู่ดี แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่ เพราะเมื่อมันมีการพัฒนา ก็อาจจะทำให้บิทคอยน์กลายเป็นตัวเลือกที่ดีได้ไม่ยากเลย แล้วเงินดิจิตอลอย่างบิทคอยน์ จะมีการเปลี่ยนแปลง ได้รับผลกระทบมากขึ้นอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง ซึ่งผลกระทบเหล่านั้นแม้จะเป็นความพังของเศรษฐกิจ แต่เจ้าตัวบิทคอยน์ เองกลับถูกให้ค่ามากยิ่งขึ้น


ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์ (Bitcoin)

ประเทศเวเนซุเอลา จากคำบอกกล่าวของคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเวเนซุเอลาที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ดูเหมือนว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่บ้านเมืองหมดหนทางไป เหมือนกำลังจะพังพินาศลงอย่างไม่เป็นท่า ผู้คนออกหาอาหารรับประทานแต่อาหารก็มีไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต การออกจากบ้านในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและน่ากลัว เงินเฟ้อสูงมากแบบที่ไม่น่าเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อัตราและเปลี่ยนสกุลเงินในตอนนั้นก็คือ 1 ดอลล่าร์สหรัฐต่อ 6000 โบลิวาร์ของเวเนซุเอลาไปในทันที ดูจำนวนการแลกเปลี่ยนก็โหดอยู่พอสมควร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับชาวเวเนซุเอลามากขึ้นเมื่อผู้คนหันมาใช้บิทคอยน์กันมากขึ้น จากผู้ใช้ที่อยู่ในหลักร้อยเท่านั้น เพียงในเวลาไม่นานที่เกิดความพังพินาศของเงินเฟ้อ ยอดผู้ใช้บิทคอยน์ ก็พุ่งสูงขึ้นในหลักแสน นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาก็เริ่มหมดความน่าเชื่อถือสกุลเงินของพวกเขาเสียแล้ว

ไม่ว่าภาวะเงินเฟ้อของเวเนซุเอลานี้จะเกิดขึ้นด้วยเหตุใด แต่ผลของมันกลายเป็นความพังพินาศของใครหลายคนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินใดใดก็ตามที่มีอยู่ ก็แทบไม่มีค่าจนต้องถอนออกจากสกุลเงินโบลิวาร์เวเนซุเอลา และถึงแม้ว่าจะสามารถแลกเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐได้ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเลยกับการที่ต้องซ่อนเอาไว้กับตัวหรือที่อยู่อาศัย เพราะใครๆต่างก็ต้องการมากขึ้น สำหรับคนที่มีความสามารถในการใช้เงินบิทคอยน์มากหน่อยก็เพียงแค่แลกเป็นเงินบิทคอยน์เพื่อสั่งซื้อของใช้มากขึ้นด้วย แต่ถ้ามีเพื่อนบ้าน มีญาติ ก็ยังสามารถฝากโอนบิทคอยน์เพื่อให้ญาติสั่งซื้อทั้งสินค้าและอาหารส่งมาให้ได้ แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ความสามารถทางดิจิตอลมากนัก ก็คงต้องทนทุกข์อยู่ไม่น้อยเมื่อพบเจอกับภาวะลุกเป็นไฟขนาดนี้

เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ระหว่างที่รอรัฐกำลังแก้ไขปัญหา พวกเขาประชาชนคนธรรมดาก็ยังต้องดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากไฟที่กำลังสุมเวเนซุเอลาอยู่ บิทคอยน์ ก็เลยเป็นตัวดึงดูดให้คนหันเข้ามาให้ความสนใจและใช้กันมากขึ้น ในขณะที่บิทคอยน์ชนะสกุลเงินหลักของประเทศ การจับจ่ายใช้สอยก็ยากขึ้น การเก็บทรัพย์สินในรูปแบบที่เคยเป็นก็เปลี่ยนไป เพราะอย่างไรการเอาตัวรอดของประชาชนก็คงต้องแลกเงินที่มีอยู่ให้เป็นบิทคอยน์เสียยังดีกว่าเก็บแผ่นกระดาษที่ไม่มีค่าเอาไว้ในมือ มันทำให้บิทคอยน์ เป็นเหมือนฮีโร่ของเวเนซุเอลาไปแล้วในขณะนั้น และภายในอนาคต เราไม่อาจรู้ได้ว่าสกุลเงินอย่างบิทคอยน์ นั้นจะสามารถขึ้นมาเป็นสกุลเงินที่มีผู้ใช้มากที่สุดในเวเนซุเอลาหรือไม่ แต่ในตอนนั้นก็คงได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น และอาจจะนำหน้าสกุลเงินปกติของเวเนซุเอลาได้ด้วย

ประเทศซิมบับเว  วิกฤตของประเทศซิมบับเวที่กำลังพบเจออยู่ในขณะนี้ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อประเทศนั้นขาดอาหาร ขาดน้ำมัน ขาดยารักษาโรค ซึ่งมันก็คือปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิต การสะสมเงินอาจจะไม่ใช่ทางออกสำหรับพวกเขาแล้วในประเทศซิมบับเว เพราะเงินสกุลหลักก็สูญเสียค่าของตัวเองไปแล้ว ใครๆต่างก็เริ่มหันมาสะสมข้าวของ อาหาร กักตุนน้ำมันกันมากยิ่งขึ้น และเจ้าทรัพย์สินดิจิตอลอย่าง บิทคอยน์ (Bitcoin) ก็กลายเป็นของสะสมหนึ่งของชาวซิมบับเวในช่วงที่ขาดอาหารขาดสินค้าแบบนี้ เพราะอย่างไรมันก็มีประโยชน์ในการสั่งซื้อสินค้าอย่างอาหารและสินค้าที่มีความจำเป็นอื่นๆมากักตุนไว้ได้

ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของซิมบับเวก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงข้อดีของบิทคอยน์ ซึ่งนั่นก็คือมันเป็นเงินที่ไม่สามารถย่อยสลายไปตามกาลเวลาได้ ไม่เหมือนเงินที่อยู่ในรูปของธนบัตร ที่สามารถเสื่อมสภาพและย่อยสลายได้ไปตามกาลเวลา เมื่อเงินมาอยู่ในรูปของบิทคอยน์แล้ว การซื้อขายหรือว่าทำธุรกรรมใดใดก็จะง่ายแสนง่ายมากขึ้น อีกทั้งผู้ให้บริการอย่าง Bitmari นั้นก็เป็นบริการที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนใช้บิทคอยน์ แถมยังมีค่าบริการที่ถูกมากอีกด้วย คุณสมบัติทั้งความถูกของค่าบริการและความรวดเร็วของ Bitcoin ทำให้มันพัฒนาและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย คราวนี้ก็จะมีคนหันมาใช้งานกันมากขึ้นอย่างแน่นอน

ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศซิมบับเวยังคงต้องใช้ระยะเวลานานในการแก้ไขปัญหา และในช่วงระหว่างการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลนี้ ประชาชนที่กำลังประสบปัญหาด้วยตัวเองก็ยังต้องดิ้นรนด้วยตัวเองกันต่อไป ซึ่งบางวิธีนั้นก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาไปได้บ้าง อย่างเช่นการแลกเงินเป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐเพื่อให้สามารถใช้ได้จริง การซื้อพันธบัตรของรัฐบาลที่จำเป็นจะต้องซื้อเพื่อความอยู่รอด แต่ดูเหมือนว่าประชาชนที่กำลังประสบปัญหาส่วนหนึ่งนั้นก็หันมาใช้ บิทคอยน์ (Bitcoin) กันมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะเมื่อดูจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว “บิทคอยน์” ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากเช่นเดียวกันในภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงสุดๆแบบนี้

5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย มือใหม่ห้ามพลาด!

ถูกถามกันมาเยอะมาก ว่า ซื้อบิทคอยน์ ได้ที่ไหน และเว็บไหนน่าเชื่อถือ ? วันนี้เราจะพาคุณ ไปรีวิวกับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้เลย ทันที ฟรีค่ะ!! ถ้าคุณกำลังมองหาแหล่งซื้อขายเงินบิทคอยน์ วันนี้เรามีบทความที่จะพาคุณไปทำความรู้จัก กับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้ทันทีค่ะ!

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




10 บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา รับชำระเงินโดยบิทคอยน์

10 บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา  รับชำระเงินโดยบิทคอยน์

การดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เพียงแค่มี Smart Phone เครื่องเดียวก็สามารถจัดการธุรกรรม แผนการใช้ชีวิตที่ยุ่งยากในแต่ละวันให้จบในเวลาอันสั้น รวดเร็ว ดังนั้น การมาของฟินเทค หรือเทคโนโลยีด้านการเงิน ทำให้วันนี้ผู้คนใช้ชีวิตง่ายขึ้น

“เงินดิจิทัล” เป็นตัวอย่างสำคัญที่เราสัมผัสได้ และสกุลเงินดิจิทัลที่เรียกว่า “บิทคอยน์” (BitCoin) มีแนวโน้มจะกลายเป็นเงินสกุลหลักในการทำธุรกรรมทั่วโลกได้เช่นกัน

วันนี้เราจะไปดูว่า มี  10 บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา  ที่สามารถรับชำระเงินโดยบิทคอยน์


10. Paypal

PayPal เป็นบริการธนาคารออนไลน์ , บริการชำระเงินออนไลน์ กำลังมาเป็นผู้เล่นหลักใน Digital Currency อย่างบิตคอยน์และเหรียญอื่น จากที่ผู้บริหาร PayPal หลายคนได้แสดงทัศนะไว้ต่อ Bitcoin ที่ดี และอ้าแขนต้อนรับอย่างอบอุ่น


9. Dell

เป็นบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์จากรัฐเทกซัส อเมริกา ปัจจุบันทำธุรกิจในการพัฒนา ผลิตและประกอบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, เซิร์ฟเวอร์, อุปกรณ์สำรองข้อมูล เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์นับเป็นจำนวนเครื่องมากที่สุดในโลก Dell ก็ออกมายอมรับบิทคอยน์ เพื่อซื้อสินค้าในเครือ dell เอง


8. WordPress

เป็น open source web software เพื่อสร้างเว็บไซต์, blog หรือcommunity โดยมีระบบจัดการบทความ หรือ Content Management System (CMS) ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่ง WordPress สร้างขึ้นโดย Matt Mullenweg และ Mike Little ในปี 2003 นับว่ามีการพัฒนามาถึง 14 ปีแล้ว และในปี 2012 ได้ประกาศยอมรับบิทคอยน์ ในการทำธุรกรรมต่างๆได้


7. Dish

ผู้ให้บริการโทรทัศน์ดาวเทียม ยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ประกาศยอมรับการชำระเงินโดยใช้บิทคอยน์ ตั้งแต่ 2014


6. Wikipedia

เป็น สารานุกรมออนไลน์ และแหล่งรวบรวมบทความมากมาย เปิดรับบริจาคโดยใช้บิทคอยน์ เช่นกัน


5. Subway

เป็นร้านอาหารอเมริกันประเภทแฟรนไชส์ มีสินค้าหลักคือ แซนวิช และสลัด ดำเนินการโดย Doctor’s Associates, Inc. (DAI) เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกด้วยร้านอาหาร 37,881 ร้านใน 98 ประเทศ Subway ก็เป็นอีกบริษัทที่ยอมรับการชำระเงินโดยบิทคอยน์


4. Ebay

เป็นตลาดกลางในการ ซื้อ-ขาย-ประมูล สินค้าต่างๆ จากทั่วโลก ปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 400 ล้านชิ้น มีจำนวนผู้ที่เข้าไปซื้อ-ขาย-ประมูล สินค้า มากกว่า 200 ล้านคน มียอดซื้อ-ขายสินค้ามากกว่า 140,000 ล้านบาท/ปี ถือว่าเป็นตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่ง Donahoe CEO ของ eBay ก็ยังเคยพูดว่าบิตคอยน์เป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก อีกทั้ง eBay ก็อนุญาตให้ประกาศขายบิตคอยน์ได้ในหมวด Classified


3. Microsoft

Microsoft ยักษ์ใหญ่ของวงการคอมพิวเตอร์และไอที ก่อตั้งโดยบิลล์ เกตส์  ได้ทำการประกาศว่า ลูกค้าสามารถชำระเงินกับทางบริษัทได้โดยใช้บิทคอยน์  สามารถชำระสำหรับส่วนของ apps games และวีดีโอ รวมทั้งยังสามารถใช้งานรวมกันกับ Windows Phone รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกตามมา รวมไปถึง Xbox ด้วย


2. Apple Store

App Store แหล่งรวม Application มากมายจาก Apple  เป็นช่องทางที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้จาก iPhone , iPod และ iPad ผ่านตัวเครื่องได้ทันที ภายใน App Store มีหมวดหมู่ Application ต่างๆไว้อย่างชัดเจน ให้เลือกดาวน์โหลดทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย  รวมไปถึงหน้าแนะนำ Application ยอดนิยมต่างๆไว้อีกด้วย และก่อนดาวน์โหลดสิ่งที่ผู้ใช้งานทุกคนต้องมีคือ Apple ID ซึ่ง ตอนนี้ ทาง Apple ได้เพิ่มทางเลือกการชำระเงิน โดยใช้บิทคอยน์  ไว้ใน App Store ด้วย


1. Amazon

หากกล่าวถึง Amazon คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ในวงการเว็บไซต์ นั่นเพราะ amazon เป็นเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่ในวงการตลาดสินค้าของโลกซึ่งมีสาขาอยู่มากมายหลายประเทศ ถึงแม้ตอนนี้ทาง Amazon ยังไม่ได้ออกมาประกาศยอมรับการชำระสินค้าด้วยบิทคอยน์อย่างเต็มตัว แต่นักชอปทั้งหลาย สามารถเข้าไปชื้อสินค้าทั้งหมดที่ลิสใน Amazon โดยผ่านเว็บไซต์ Purse.io ซึ่งเป็นเว็บไซต์ตัวกลางในการชำระด้วยบิทคอยน์ แถมยังได้ส่วนลด 5-30% อีกด้วย

>>> 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย มือใหม่ห้ามพลาด! <<<

แท้จริง บิทคอยน์ ไม่ได้เพิ่งถูกยอมรับ แต่บิทคอยน์ เคยถูกนำไปใช้ในหลายๆ ร้านค้าเมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านี้ บางร้านค้าให้ส่วนลดซื้อสินค้า เมื่อชำระด้วยบิทคอยน์ด้วยซ้ำ ในอเมริกา พบว่า มีการออก บิทคอยน์ กิฟท์ การ์ด ด้วยการบรรจุเงินบิทคอยน์ลงในการ์ดเหมือนบัตรเดบิต และนำไปชำระสินค้า แน่นอนว่า ร้านค้าชื่อดังยินดีรับ ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Target, Walmart , Nike  และร้านค้าดังทั่วอเมริกา

เว็บไซต์ ebay.com ระบุว่า วันนี้มีมากกว่า 100 บริษัท/ร้านค้า ที่ยอมรับบิทคอยน์ เช่น  1–800–FLOWERS ร้านดอกไม้ชื่อดังในอเมริกา , Expedia.com ออนไลน์ ทราเวลชื่อดัง, Home Depot  ร้านจำหน่ายเครื่องใช้สำนักงานชื่อดัง , Reddit ชอปปิงสารคดี บทความระดับพรีเมียม โดยจ่ายเป็นบิทคอยน์ได้ , Victoria’s Secret , Tesla, Overstock, shopify รวมถึงค่ายเกมออนไลน์ต่างๆ ที่คุณต้องมีบิทคอยน์ซื้อไอเทมในเกม

  และแน่นอนว่า คุณสามารถสั่งพิซซ่าร้านดังๆ ของโลก และจ่ายเป็นบิทคอยน์ได้ด้วยเช่นกัน จะเห็นว่า กลุ่ม บริการหลักๆ ที่รับบิทคอยน์ จะอยู่ในกลุ่มบริการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มห้างสรรพสินค้าชอปปิงออนไลน์ รวมถึงบริษัทที่จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอที ซอฟต์แวร์ชื่อดังของโลก ล้วนแต่เป็นบริการที่วนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันทั้งสิ้น

5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย มือใหม่ห้ามพลาด!

ถูกถามกันมาเยอะมาก ว่า ซื้อบิทคอยน์ ได้ที่ไหน และเว็บไหนน่าเชื่อถือ ? วันนี้เราจะพาคุณ ไปรีวิวกับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้เลย ทันที ฟรีค่ะ!! ถ้าคุณกำลังมองหาแหล่งซื้อขายเงินบิทคอยน์ วันนี้เรามีบทความที่จะพาคุณไปทำความรู้จัก กับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้ทันทีค่ะ!

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




รวมแหล่งร้านค้า รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

ชำระเงินด้วยบิทคอยน์ รวมแหล่งร้านค้า รับ ชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้ 

เทคโนโลยีในปัจจุบันที่ก้าวกระโดดกว่าสมัยก่อนนั้นเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราค่อนข้างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในเรื่องการคมนาคม หรือว่าเทคโนโลยีการขนส่ง เทคโนโลยีในอุตสาหกรรม หรือเทคโนโลยีอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นแล้วเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเห็นจะเป็นเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน โดยในปัจจุบันนั้น เราต่างก็เห็นการใช้จ่ายเงินผ่านมือถือ โดยที่เราไม่ต้องพกเงินสดกันอีกต่อไปแล้ว

ตัวอย่างเช่น บิทคอยน์ เป็นต้น โดยบิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในปัจจุบันนี้ ราคาขึ้นไปแตะ $6000 หรือ ประมาณ 200,000 บาท เลยทีเดียว แต่ใครกันละ ที่จะคิดว่า มันสามารถจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าชั้นนำ ได้ทั่วโลก

 

วันนี้เราจะพาคุณไปดู แหล่งร้านค้า ที่รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

 

สินค้าใน Amazon ชำระด้วยบิทคอยน์

Amazon เป็นอีกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รับชำระด้วยบิทคอยน์  คุณสามารถเข้าไปที่  https://purse.io

เว็บนี้เป็นตัวกลางที่ใช้ในการซื้อสินค้าใน Amazon ทุกชนิด ด้วย บิทคอยน์ คุณจะได้รับส่วนลดมากกว่าปกติ 5-30 % เลยทีเดียว

 

จองโรงแรม

บิทคอยน์นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่สินทรัพย์ดิจตอล แต่คุณยังสามารถใช้มันในการจองห้องในโรงแรมในทริปการเดินทางของคุณ อย่างเช่นโรงแรมในเครือ Howard Johnson นั้นก็รับบิทคอย และพวกเขาก็มีสาขาในประเทศต่างๆทั่วโลก ในขณะเดียวกันถ้าคุณมีโรงแรมขาประจำที่ชอบใช้บริการอยู่แล้ว แต่พวกเขาไม่รับบิทคอย คุณสามารถเข้าไปที่ TravelForCoins.com ที่ให้บริการเปรียบเสมือนเป็นตัวกลางในการบุคตั๋วเครื่องบินและโรงแรมด้วยบิทคอยน์ และพวกเขาจะจ่ายโรงแรมเหล่านั้นเป็นค่าเงินธรรมดา สำหรับในประเทศไทยเราก็มีบางที่ที่รับบิทคอยน์ อย่างเช่น Chelona Beach ในหัวหิน และ Good Dream Guesthouse ในกระบี่ที่รับบิทคอยด้วยเช่นกัน

 

จองตั๋วเครื่องบิน

ต้องการจะท่องเที่ยวภายในหรือนอกประเทศและจ่ายค่าตั๋วด้วยบิทคอย? มีทางออกอยู่ประมาณสองทาง ทางแรกคือใช้ TravelForCoins.com ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ส่วนทางที่สองมี CheapAir.com

 

จ่ายค่าเล่าเรียนศึกษา

นอกเหนือจากการท่องเที่ยวและโรงแรมแล้ว สถานศึกษาบางแห่งก็เริ่มที่จะตระหนักถึงความสำคัญของบิทคอยน์และเริ่มที่จะรับบิทคอยน์เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการใช้จ่ายค่าเล่าเรียนแล้วเช่นกัน โดยมี University of Nicosia แห่ง Cyprus ที่ิได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลกที่รับบิทคอยน์ โดยมีมหาวิทยาลัยอื่นๆอีกมากมายตามมาอาทิเช่น University of Cumbria แห่งประเทศอังกฤษ และ King’s College แห่ง New York ส่วนในประเทศไทยนั้นถึงแม้จะยังไม่มีมหาวิทยาลัยไหนที่เริ่มรับบิทคอยน์ แต่ก็มีโรงเรียนสอนดนตรี KPN ในกรุงเทพฯที่รับบิทคอยเป็นช่องทางในการเรียนดนตรี

 

พิซซ่า

แม้แต่การสั่งพิซซ่าก็ยังสามารถใช้บิทคอยน์ในการจ่ายได้ โดยเว็บ PizzaForCoins.com ได้ทำให้การสั่งพิซซ่าด้วยบิทคอยน์เป็นเรื่องง่าย โดยเว็บดังกล่าวดูเหมือนว่าจะรองรับบริษัทพิซซ่าในประเทศไทยอย่าง Pizza Hut ด้วย วิธีการของเว็บไซต์ก็คือคุณทำการออเดอร์พิซซ่าด้วยบิทคอยน์ หลังจากนั้นทางเว็บไซต์ก็จะทำการส่งออเดอร์และจ่ายเงินเป็นสกุลเงินธรรมดาให้กับร้านพิซซ่าเหล่านั้น

 

ผู้ให้บริการ VPN

ถ้าหากคุณอาศัยอยู่ในประเทศจีน หรือต้องการจะใช้บริการ VPN ในการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของคุณ คุณอาจจะต้องการใช้งาน Virtual Private Network หรือ VPN ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้คุณสามารถใช้อินเทอร์เนตแบบไร้ตัวตน แถมยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกได้อีกด้วย แต่ของฟรีที่ดีนั้นไม่มีในโลก การลงทุนเพื่อซื้อ VPN ดีๆและเร็วสักตัวจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยมีผู้ให้บริการ VPN ที่มีชื่อเสียงและรับบิทคอยเป็นช่องทางในการซื้ออย่าง Private Internet Access, NordVPN และ Express VPN

 

เครื่องเพชร

มีร้านค้าเครื่องเพชรพลอยหลายๆร้านในปัจจุบันเริ่มที่จะรับบิทคอยเป็นช่องทางในการใช้จ่ายแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณสามารถที่จะซื้อแหวนหมั้นให้กับสุดที่รักของคุณ หรือแม้แต่นาฬิกาข้อมือฝังเพชร และเพชรแบบก้อนด้วยบิทคอย โดยปัจจุบันมีกลุ่ม Reeds Jewelers ซึ่งเป็น chain ร้านค้าเครื่องเพชรแบรนด์เดียวที่ประกาศรับบิทคอย โดยคุณสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ หรือแม้แต่เดินเข้าไปชมที่ร้านของพวกเขาที่มีถึง 65 สาขา

 

คอมพิวเตอร์

บริษัทขายคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Dell นั้นเริ่มที่จะรับบิทคอยเป็นช่องทางในการใช้จ่ายสำหรับซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านหุ้นส่วนอย่าง Coinbase แล้ว โดยคุณสามารถซื้อได้โดยการโยนสินค้าที่คุณต้องการเข้ามาไว้ในตะกร้าสินค้าของคุณ และทำการเช็คเอาท์ด้วยบิทคอย หลังจากนั้นเว็บจะทำการรีไดเร็คคุณไปยังหน้าเว็บของ Coinbase.com เพื่อทำการจ่ายด้วยบิทคอย หรือถ้าหากคุณมีบัญชีของ Coinbase อยู่แล้ว มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น

 

Application ของระบบปฏิบัติการ Windows

เมื่อคุณทำการซื้อคอมใหม่นั้น คุณสามารถที่จะซื้อแอพบน Windows ได้ด้วยบิทคอย แต่ในขณะนี้ระบบที่ว่ายังเปิดให้ใช้บริการแค่ลูกค้าที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดย Microsoft ได้อนุญาตให้ลูกค้าสามารถเติมบิทคอยเข้าไปในบัญชีของพวกเขาได้ และใช้บิทคอยน์ในการซื้อเกม, หนัง และ โปรแกรมไม่ว่าจะทั้งของคอมพิวเตอร์และ, Windows phone และ Xbox

 

Giftcard กิฟท์การ์ด

ถ้าหากคุณต้องการที่จะใช้บิทคอยน์ในการช็อปซื้อสินค้าในห้างร้านหรือบริการที่ไม่ได้รับบิทคอยเป็นช่องทางในการซื้อขายแล้วนั้น มันมีวิธีอื่นๆที่แก้ไขได้ โดยเข้าไปที่ Gyft.com ซึ่งเว็บดังกล่าวนี้จะสามารถช่วยให้คุณซื้อกิฟท์การ์ดต่างๆจากร้านค้าผู้ให้บริการถึง 200 แบรนด์ได้ด้วยบิทคอย รวมถึงบริหารจัดการกิฟท์การ์ดและจำนวนบิทคอยผ่านมือถือและคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยคุณสามารถที่จะซื้อกิฟท์การ์ดของ Starbucks, Delta Air Lines, Amazon และอื่นๆอีกมากมายด้วยบิทคอยน์

ซึ่งปัจจุบันสกุลของบิทคอยน์ ที่ว่านี้มีร้านค้าและบริการทั่วโลก เปิดรับชำระด้วย บิทคอยน์เพื่อการแลกเปลี่ยนซื้อขายแล้วกว่า 100,000 ร้าน +ทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าร้านค้าใน “ญี่ปุ่น” กว่า 300,000 ร้านพร้อมใจกันเปิดรับชำระด้วยบิทคอยน์ภายในปี 2017 ถึงกระนั้นแล้ว เมืองไทยก็เริ่มมีเทรนด์การรับชำระสินค้าด้วยบิทคอยน์กันหลายร้านค้าแล้ว

ไม่เว้นแม้แต่ “ลิ้มเหล่าโหงว” ยอดร้านในตำนานที่ถึงแม้จะเปิดมายาวนานกว่า 80 ปี แต่ก็ยังปรับตัวเพื่อให้ทันยุคทันสมัย วิ่งตามเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา หลังจากนี้ก็ไม่ต้องกังวลในการลืมกระเป๋าตังค์กันอีกแล้ว เพราะวันนี้ ท่านสามารถชำระเงินด้วย “บิทคอยน์” ได้แล้วที่ในหลายร้านค้าในไทยและต่างประเทศ

สำหรับในประเทศไทยนั้น มีเว็บไซต์หนึ่งที่สามารถช่วยให้คุณค้นหาร้านค้าหรือบริการในประเทศที่รับบิทคอยน์ ซึ่งก็คือ Bitcoin Map Thailand โดยคุณสามารถที่จะใช้เครื่องมือนี้ในการค้นหาสถานที่เพื่อใช้ในการเดินทางได้อีกด้วย

5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย มือใหม่ห้ามพลาด!

ถูกถามกันมาเยอะมาก ว่า ซื้อบิทคอยน์ ได้ที่ไหน และเว็บไหนน่าเชื่อถือ ? ถ้าคุณกำลังมองหาแหล่งซื้อขายเงินบิทคอยน์ วันนี้เรามีบทความที่จะพาคุณไปทำความรู้จัก กับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้ทันทีค่ะ!

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




credit: https://siamblockchain.com

20  คำถาม บิทคอยน์ Bitcoin สำหรับมือใหม่ มาไขข้อข้องใจกันเลย!

มีคำถามมากมายสำหรับ “มือใหม่” ที่อยากจะเริ่มต้นเล่นบิทคอยน์ Bitcoin แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี อยากลองเล่นบิทคอยน์ ต้องทำอย่างไร? ลงทุนเสี่ยงมากมั้ย? จะได้บิทคอยน์ มีวิธีอย่างไรบ้าง? ขุดบิทคอยน์ ยังไง?

มีหลายคำถามที่หลายคนสงสัย วันนี้เราจะไปไขข้อข้องใจกันเลย!

 

1. บิทคอยน์ Bitcoin คืออะไร และมีที่มาอย่างไร?

บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่เกิดขึ้นมาช่วงปี 2008 โดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากะโมโตะ  บิทคอยน์ตอนนี้กำลังแพร่หลายไปทั่วโลก นักลงทุน เริ่มหันมาใช้สกุลเงิน บิทคอยน์ Bitcoin เป็นจำนวนมาก อันเนื่องมาจาก มีความรวดเร็วในการโอน  ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพง แหมือนการโอนผ่านธนาคาร และที่สำคัญยังปลอดภัยจากการถูกอายัดบัญชีอีกด้วย

 

2. บิทคอยน์ Bitcoin มีจำนวนเท่าไหร่?

บิทคอยน์มีจำนวนจำกัด คือ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่สามารถสร้างขึ้นมาอีกได้ ลดการเกิดภาวะเงินเฟ้อและเสื่อมค่าลงของเงินได้อย่างดี ตอนนี้มีเหรียญที่อยู่ในระบบแล้ว ตอนนี้ BTC ที่ถูกขุดเจอไปแล้วทั้งหมดประมาณ 16,000,000 BTC  ดังนั้นมีอีกจำนวน ประมาณ 5,000,000 BTC ที่ยังสามารถขุดได้

 

3 การขุด บิทคอยน์ Bitcoin ทำเงินได้จริงมั้ย?

จริง การขุด บิทคอยน์  Bitcoin สามารถทำเงินให้กับผู้ขุดได้ โดยเมื่อขุด (Mining) แล้วเราจะได้รับเงินในรูปแบบของ บิทคอยน์ Bitcoin ซึ่งหากเรามีเครื่องขุดที่มีกำลังแรงมากพอ มีการ์ดจอแรงๆ จะสามารถขุด Bitcoin ออกมาได้มากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้ว การขุด บิทคอยน์  Bitcoin หากเราใช้เครื่องขุด  เราจะได้รับ Bitcoin ทันทีตั้งแต่เริ่มขุด แต่ถ้าหากคุณเลือกใช้บริการแบบ Cloud Mining คือ เป็นการฝากคนอื่นขุดให้ ผู้ขุดมักจะได้เงินหลังจากขุดผ่านไปแล้ว 1 วัน โดยได้ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง

 

4. มีวิธีได้มาซึ่งบิทคอยน์ Bitcoin อย่างไรบ้าง?

มี อยู่ 3 วิธีที่จะได้ บิทคอยน์ มา คือ

  1. ซื้อบิทคอยน์ (แนะนำ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย บิทคอยน์ ในไทย หรือ Bx เว็บซื้อขาย บิทคอยน์ อันดับ 1 ในไทย)
  2. ขุดบิทคอยน์เอง (แยกเป็น 2 สาย คือ ขุดเองโดยใช้เครื่องขุด และ Cloud Mining คือ เป็นการฝากบริษัทขุดให้ )
  3. เล่นเกมส์ฟรี

5.การขุดแบบ Cloud Mining คืออะไร

การขุด bitcoin แบบ cloud mining คือการขุดโดยเราเช่ากำลังขุดของบริษัทที่มีเครื่องขุดออกมา และรับเงิน วิธีการนี้ช่วยให้เราประหยัดค่าไฟ และต้นทุนในการขุดมากขึ้น และสะดวกสบายกว่าการขุดเองเยอะมาก เหมืองที่ขุดแบบ Cloud mining ที่ดีที่สุดตอนนี้คือ Genesis-Mining สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อศึกษารายละเอียดได้



6. เดี๋ยวนี้ยังมีคนขุดเหมือง Bitcoin อีกมั้ย?  ยังคุ้มอยู่มั้ย??

ยังมีคนสนใจขุด บิทคอยน์ เป็นจำนวนมาก หากเรามีเครื่องขุดที่มีกำลังแรงมากพอ มีการ์ดจอแรงๆ จะสามารถขุด Bitcoin ออกมาได้มากยิ่งขึ้น แต่ด้วยการขุดเหมือง บิทคอยน์ เอง มีต้นทุนการผลิตสูง (ค่าไฟและอุปกรณ์ในการขุดเหมืองราคาแพง) ทำให้การขุดเองในปัจจุบัน ไม่ค่อยคุ้ม หลายคนจึงหันไปใช้บริการ Cloud Mining คือ เป็นการฝากบริษัทขุดให้แทน

 

7. ซื้อบิทคอยน์ ได้ที่ไหนบ้าง?

นักลงทุนน่าใหม่สามารถซื้อบิทคอยน์ได้จาก  5 แหล่ง ชื้อ ขาย Bitcoin ในไทย มีทั้งหมด ดังนี้

ลำดับ ชื่อเว็บไชต์ ข้อมูลเว็บไซต์ ซื้อ Bitcoin ขาย Bitcoin ค่าธรรมเนียม
1 BX.in.th เว็บชื้อขาย Bitcoin No. 1 ของไทยและ มีกระดานเทรดเหมือนหุ้น ซื้อได้ไม่จำกัด ขายได้ไม่จำกัด 0.25%ของการซื้อ ขาย
2 Local Bitcoin  เป็นเว็บที่ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยน Bitcoin ระหว่างกัน ได้ทั่วโลก  ซื้อได้ไม่จำกัด  ขายได้ไม่จำกัด  1% ของการซื้อ ขาย
3 Coin.co.th  เป็นอีกเว็บซื้อ ขาย Bitcoin แต่ไม่มีกระดานเทรด  10 BTC/ วัน 10 BTC/ วัน 1% ของการฝาก ถอน
4 Bitcoin.co.th  ให้บริการซื้อขาย bitcoin มาอย่างนานเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ  BX.in.th 50,000 บาท/วัน 50,000 บาท/วัน ไม่มีค่าธรรมเนียม
5 CoinBX.com  เว็บชื้อขาย Bitcoin น้องใหม่ ของไทยและ มีกระดานเทรดเหมือนหุ้น  ซื้อได้ไม่จำกัด ขายได้ไม่จำกัด 0.25%ของการซื้อ ขาย

ทุกเว็บไซต์จะมีกระเป๋า Bitcoin และบางเว็บจะมีหลายกระเป๋า ไว้สำหรับจัดเก็บเหรียญต่างๆๆของเราด้วย

อ่านเพิ่มเติม 5 รายชื่อเว็บไซต์ที่ให้บริการ รับซื้อขายเหรียญ Bitcoin

 

8. กระเป๋าสตางค์ Bitcoin คืออะไร? ใช้งานอย่างไร?

ก่อนจะเริ่มใช้บิทคอยน์ หรือเหรียญดิจิตอลอื่นๆ เราต้องมี กระเป๋าบิทคอยน์ (wallet) เสียก่อน เพราะ ถ้าไม่มีกระเป๋าบิทคอยน์ เราก็จะไม่สามารถรับ เก็บ หรือใช้บิทคอยน์ได้ กระเป๋าสตางค์บิทคอยน์เปรียบเสมือนตัวกลางที่เชื่อมระหว่างเรากับระบบบิทคอยน์ เช่นเดียวกับการที่หน้าเว็บธนาคารเป็นตัวกลางเชื่อมไปสู่ระบบการเงิน

อ่านเพิ่มเติม รวบรวม กระเป๋าบิทคอยน์ ประเภทต่าง ๆที่คุณควรรู้

 

9. เริ่มต้นเล่นบิทคอยน์ยังไงดี? 

ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนในบิทคอยน์  เมื่อมั่นใจแล้วเลือกวิธีในการได้มาซึ่งบิทคอยน์ ที่เหมาะสม

อ่านข้อมูลต่อได้ที่นี่

 

10. มีอะไรบ้าง สำหรับผู้ที่จะเริ่ม Bitcoin ที่ต้องระวังตัว

สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ ระวังการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเว็บไซต์ขุด bitcoin ที่ไม่ใช่การขุดบิทคอยน์จริงๆ เพราะเว็บเหล่านี้เปิดมาลักษณะคล้าย Money Game ต้องศึกษาให้ละเอียด โดยดูจากกระทู้ หรือ รีวิวประสบการณ์  ต่างๆ จากผู้เคยใช้งานร่วมด้วย

 

11.ในไทย มีคนเล่นบิทคอยน์เยอะมั้ย?

เริ่มมีคนไทยจำนวนมากเข้าไปซื้อ ขาย บิทคอยน์  สังเกตจาก ที่ BX เว็บอันดับหนึ่งในไทย มีจำนวนผู้ใช้งานจำนวนเพิ่มมากขึ้น

 

12. บิทคอยน์คือแชร์ลูกโซ่รึเปล่า? เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

บิทคอยน์ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ มันไม่ใช่การหลอกลวงเพราะทุกคนที่มาลงทุนในบิทคอยน์ เชื่อถือในตัวบิทคอยน์ในระดับหนึ่ง ไม่มีการชักชวนแล้วได้สิทธิประโยชน์เพิ่ม แต่ความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์จะไม่เหมือนอะไรที่เราคุ้นเคย เพราะรัฐบาลไทยยังไม่รองรับ แต่ต่างชาติหลายประเทศให้การยอมรับสกุลเงินบิทคอยน์แล้ว

 

13. มีเว็บไหนที่ให้ข้อมูล หรือ รวมตัวกันคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับบิทคอยน์มั้ย

Goalbitcoin.com , Thaicrypto.com , siamblockchain.com , bitcoin club facebook

 

14. ในไทยมีเหมืองบิทคอยน์ ที่ใหญ่ที่สุดมั้ย

มี HashBX.net Cloud Mining เหมืองผลิตเงินบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย เหมืองอยู่ที่อุดรธานี

 

15. บิทคอยน์ (Bitcoin) ผิดกฎหมายไหม ในไทย เป็นที่ยอมรับหรือยัง ?

หลายประเทศยอมรับบิทคอยน์อย่างถูกกฎหมาย อาทิ อเมริกา แคนาดา ยุโรป และญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่ยอมรับการชำระสินค้าเป็นเงินบิทคอยน์ เช่น ร้านอาหารในญี่ปุ่น และบริษัทดังในอเมริกา

แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่ยอมรับสกุล Bitcoin และสกุลเงินดิจิตัลทุกชนิด โดยอ้างว่าระบบดังกล่าวไม่ใช่เงินที่แท้จริง และไม่สามารถใช้เงินบิทคอยน์ชำระหนี้ตามกฎหมายไทยได้

 

16.    1 บิทคอยน์ เท่ากับ กี่บาท ?

ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2560 บิทคอยน์ได้สร้างสถิติสูงสุด คือ 1 BTC เท่ากับ 4200 USD หรือคิดเป็นประมาณ 138,000 บาท

 

17. แนวโน้มบิทคอยน์ เป็นอย่างไร ราคาเป็นอย่างไร

มูลค่าของบิทคอยน์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเหมือนสกุลเงินอื่น ๆ ตามกลไกตลาด หรือที่เราเรียกว่าหลัก Demand Supply คือช่วงไหนที่ความต้องการบิทคอยน์ มีมากกว่าปริมาณบิทคอยน์ที่มีในระบบ ก็จะส่งผลให้มูลค่าบิทคอยน์เพิ่มขึ้น แต่ช่วงไหน ที่มีข่าวไม่ดี เกิดขึ้น เช่น ในช่วงที่โจรเรียกค่าไถ่ด้วยเงินบิทคอยน์ หรือ เกิด Hard fork ทาให้ความเชื่อมั่นในบิทคอยน์ลดลง คนเทขายในระบบมีมากเกิน ความต้องก็จะทำให้มูลค่าลดลง

 

18. ควรลงทุนบิทคอยน์ด้วยเงินน้อยๆ หรือเงินมากดี

ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนบิทคอยน์ การลงทุนบิทคอยน์ ก็เหมือนกับการ ลงทุนในหุ้น หรือ ทองคำ ดังนั้นคุณต้องพิจารณาในการเลือกลงทุนให้ดี ควรศึกษาให้ดี เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง

 

19. เมื่อได้ Bitcoin มา จะเปลี่ยนมันเป็นเงินบาทได้อย่างไร

สามารถแลกบิทคอยน์เป็นเงินบาทได้ ด้วยการใช้เว็บไซต์รับซื้อขายบิทคอยน์ในประเทศไทย เช่น BX , Localbitcoin , TDAX

 

20. อนาคตของ Bitcoin ในประเทศไทยเป็นอย่างไร ยังทำเงินกับบิทคอยน์ ได้มั้ย?

เนื่องจากยังมีผู้มีความรู้เรื่อง bitcoin ยังมีน้อยมาก  เมื่อเทียบกับหุ้น หรือ Forex  ทำให้โอกาสในการทำเงินตรงนี้ยังกว้างมาก มือใหม่ควรศึกษาข้อมูลให้ดีๆ  แล้วมันจะทำเงินให้กับคุณในรูปแบบของ Passive Income และ Active Income ได้อย่างแน่นอน




รวบรวม กระเป๋าบิทคอยน์ ประเภทต่าง ๆที่คุณควรรู้

กระเป๋าสตางค์ Bitcoin คืออะไร? ใช้งานอย่างไร?

ก่อนจะเริ่มใช้บิทคอยน์ หรือเหรียญดิจิตอลอื่นๆ เราต้องมี กระเป๋าบิทคอยน์ (wallet) เสียก่อน เพราะ ถ้าไม่มีกระเป๋าบิทคอยน์ เราก็จะไม่สามารถรับ เก็บ หรือใช้บิทคอยน์ได้ กระเป๋าสตางค์บิทคอยน์เปรียบเสมือนตัวกลางที่เชื่อมระหว่างเรากับระบบบิทคอยน์ เช่นเดียวกับการที่หน้าเว็บธนาคารเป็นตัวกลางเชื่อมไปสู่ระบบการเงิน

กระเป๋าบิทคอยน์ จะมีการใช้กุญแจส่วนตัว หรือรหัสลับที่ทำให้คุณใช้งานบิทคอยน์ได้

ในการใช้งานจริง สิ่งที่ต้องเก็บรักษาอย่างปลอดภัยไม่ใช่ตัวบิทคอยน์โดยตรง แต่เป็นกุญแจส่วนตัวของแต่ละคนที่ใช้อนุมัติการทำธุรกรรมบิทคอยน์   แต่ละกระเป๋าสตางค์จะมีโค๊ดยาวๆเป็นตัวอักษรสลับตัวเลข เรียกว่า Address เป็นบัญชี แบบฝาก และถอน เวลาใครจะส่งบิทคอยน์มาให้เรา เราก็ให้ Address แบบฝากได้เลยค่ะ ในทางกลับกัน ถ้าเราจะส่งเงิน เราก็ต้องมี Address แบบถอน  การฝากถอนทำได้ง่าย และรวดเร็วมาก

สรุป กระเป๋าสตางค์บิทคอยน์ คือ Application เว็บไซต์ หรืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดเก็บกุญแจส่วนตัวของบัญชี

กระเป๋าสตางค์ Bitcoin ประเภทต่าง ๆ

กระเป๋าบิทคอยน์ มีด้วยกัน  2 แบบ คือ

  1. กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์ (Hardware Wallet หรือ Cold Wallet)
  2. กระเป๋าสตางค์แบบซอฟแวร์ (Software Wallet หรือ Hot Wallet)

เรามาเปรียบเทียบกันเลย ว่ากระเป๋าแต่ละแบบ คือ อะไร เราและควรเลือกใช้แบบไหน?

กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์

(Hardware Wallet /Cold Wallet)

 กระเป๋าสตางค์แบบซอฟแวร์

(Software Wallet /Hot Wallet)

กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อใช้จัดเก็บบิทคอยน์ให้ปลอดภัย หลักการทำงานคือ จะต้องนำตัวอุปกรณ์จะต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บเล็ท ก่อนจะสามารถใช้งานบิทคอยน์ได้ กระเป๋าแบบซอฟแวร์ หมายถึงกระเป๋าบิทคอยน์ที่เป็นระบบซอฟแวร์ สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตโดยตรง เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บเล็ท กุญแจส่วนตัวที่สร้างจากระบบบิทคอยน์ ถือเป็น รหัสลับกระเป๋าแบบซอฟแวร์ ทำงานและสร้างกุญแจส่วนตัวอยู่บนอุปกรณ์ที่เชื่อมกับอินเตอร์เน็ต

  • กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
  • กระเป๋าฮาร์ดแวร์มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเก็บกุญแจส่วนตัวไว้นอกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยตรง
  • กุญแจส่วนตัวเก็บไว้แบบออฟไลน์ภายในตัวเครื่อง ดังนั้นจึงปลอดภัยแน่นอนแม้จะเอาตัวเครื่องไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ที่มีไวรัส
  •  โดยแต่ละโบรกเกอร์ที่รับซื้อ ขาย หรือ เทรด เหรียญต่างๆจะมีกระเป๋าสตางค์ ไว้สำหรับผู้ใช้งาน ภายในเว็บไซต์อยู่ด้วย
  • ·รหัสที่สร้างจึงอาจไม่ปลอดภัย 100%
  •  ให้คิดว่ากระเป๋าแบบซอฟแวร์ เป็นเหมือนกระเป๋าสตางค์จริงที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เราอาจใช้ใส่เงินสด แต่ไม่ใช่เอาไว้ใช้สำหรับเก็บเงินทั้งหมดที่เรามี กระเป๋า แบบซอฟแวร์ ดีสำหรับการใช้งานบ่อย ๆ แต่ไม่ควรใช้เก็บบิทคอยน์จำนวนมาก

    ข้อดี  กระเป๋าสตางค์ แบบ ฮาร์ดแวร์
  • เป็นที่จัดเก็บบิทคอยน์ได้อย่างปลอดภัย
  • สะดวกสำหรับการสร้างแบคอัพสำรองข้อมูล
  • ป้องกันข้อผิดพลาดได้ เพราะติดตั้งและเริ่มใช้งานได้ง่ายแม้ไม่ถนัดด้านไอที
  • ข้อดี  กระเป๋าสตางค์ แบบ ซอฟแวร์ 
  •  เหมาะสำหรับจัดเก็บบิทคอยน์จำนวนน้อย
  •  สะดวกสบาย เพราะสามารถรับและจ่ายบิทคอยน์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ส่วนใหญ่จะสามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรี
  • ข้อเสีย กระเป๋าสตางค์ แบบ ฮาร์ดแวร์
  •  มีค่าใช้จ่ายในการซื้อ ฮาร์ดแวร์
  • ข้อเสีย  กระเป๋าสตางค์ แบบ ซอฟแวร์ 
  •  ไม่ปลอดภัยในการใช้เก็บบิทคอยน์มาก ๆ
  • กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์ที่นิยมใช้กันมากที่สุด  คือ 
  • Ledger Nano S
  • KeepKey
  • Trezor
  • กระเป๋าสตางค์แบบซอฟแวร์ ที่นิยมใช้กันมากที่สุด  คือ
  • Electrum
  • Mycelium
  • Blockchain.info
  • บิทคอยน์เป็นเงินตราดิจิทัล ดังนั้นอาชญากรคอมพิวเตอร์มักจะพยายามล้วงข้อมูลจาก “กระเป๋าสตางค์แบบซอฟต์แวร์” (software wallet) เพื่อขโมยกุญแจส่วนตัว ดังนั้นการที่ใช้อุปกรณ์แยกต่างหากสำหรับสร้างและเก็บกุญแจส่วนตัวจึงทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีใครสามารถเข้ามาขโมยบิทคอยน์ได้แน่นอน หากต้องการขโมย จะต้องขโมยไปทั้งตัวเครื่อง แต่ยังไงแล้วเราก็ยังสามารถตั้งรหัส PIN เพื่อป้องกันได้

    กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์มีความปลอดภัยและสะดวกสบาย ถึงแม้ว่าตัวเครื่องอุปกรณ์จะหาย ถูกขโมย หรือชำรุด หากเรามีการสร้างรหัสแบคอัพสำรองไว้ บิทคอยน์ก็จะไม่หายไปไหน  กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์เปรียบเสมือนห้องนิรภัยใต้ดินของเรา แน่นอนว่าถ้าใครมีบิทคอยน์มาก ๆ ก็ควรที่จะเลือกเก็บบิทคอยน์ ในกระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์

    สรุป การเลือกใช้ กระเป๋าสตางค์บิทคอยน์ กระเป๋าแต่ละอันมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน และมีวัตถุประสงค์การใช้งานต่างกัน เราต้องรู้ก่อนค่ะว่า เราใช้ bitcoin เพื่ออะไร? หากใช้เพื่อการลงทุนหรือออมเงิน กระเป๋าสตางค์ฮาร์ดแวร์เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปแล้ว กระเป๋าแบบ ซอฟท์แวร์จะสะดวกสบายกว่า และส่วนใหญ่จะสามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรี

    >>> รีวิวแหล่งซื้อขาย Bitcoin เปรียบเทียบชัดๆกันไปเลย! <<<

    บิทคอยน์ Hardware wallet SiamBTC

    Hardware wallet เก็บบิทคอยน์

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

    blockchain คือ อะไร? ทำไมถึงเป็นเทคโนโลยีมาแรงสำหรับยุคนี้

    6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง!

    คนรวยด้วยบิทคอยน์ มีสักกี่คน? มือใหม่อยากรวย ตามมาดูกัน