Tag: 1 บิทคอยน์ เท่ากับ กี่บาท

คนรวยด้วยบิทคอยน์ มีสักกี่คน? มือใหม่อยากรวย ตามมาดูกัน

เดี๋ยวนี้หันหน้าไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง บิทคอยน์ บิทคอยน์ แล้วก็บิทคอยน์ อ้าว…บิทคอยน์ คือ อะไรล่ะ? กลายเป็นคำถามที่มีแต่คนอยากรู้? เพราะมีข่าวว่าบางคนสามารถทำรายได้จากบิทคอยน์วันละหลายพัน หลายหมื่น ถือว่าไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย  แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า บิทคอยน์ คือ อะไร ผู้เขียนแนะนำให้หาข้อมูลในเว็บ GoalBitcoin นี้ก่อน หรือ หาข้อมูลเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ตที่มีอยู่มากมายได้เช่นกัน

ราคาบิทคอยน์วันนี้ ทะลุ New high ไปอยู่ที่ $10,327.50  หรือ เท่ากับ 340,000 บาท (อ้างอิงตาม Coinmarketcap)สำหรับใครที่เป็นนักลงทุนหรือนักเทรด หรือหน้าใหม่ในวงการบิทคอยน์  ผู้เขียนก็ยังแนะนำให้ทะยอยซื้อบิทคอยน์เก็บสะสมไว้  ตามกำลังทรัพย์ที่มี  แล้วอีกหน้าปีค่อยมาเช็คราคากันอีกที

 

วันนี้ผู้เขียนอยากจะมาคลายข้อสงสัย ว่า ราคาบิทคอยน์ วิ่งทะลุไป $10,000 ยังเข้าทันมั้ย? คนที่ถือ Bitcoin ในโลกนี้มีมากน้อยแค่ไหน? และมีคน รวยจาก Bitcoin สักกี่คน ?? 

 

คนที่ถือบิทคอยน์ Bitcoin ในโลกนี้มีมากน้อยแค่ไหน?

จากสถิติบัญชี Bitcoin ทุกบัญชีทั่วโลกมาเปิดให้ดูกันเลย

อ้างอิง https://bitinfocharts.com/

จากสถิติบัญชี Bitcoin ในภาพทำให้เห็นว่า

  • ทั่วโลกมีบัญชี Bitcoin 23.15 ล้านบัญชี  บัญชีบิทคอยน์ มีการใช้งานไม่ต่างกับเลขบัญชีธนาคาร และหนึ่งคนสามารถมีได้หลายบัญชี แสดงว่า น่าจะมีคนที่มีบัญชี Bitcoin ประมาณ 15-20 ล้านคนทั่วโลก
  • เมื่อนำทุกบัญชีทั่วโลกมาหาค่าเฉลี่ย ยอดบิทคอยน์เฉลี่ย คือ 0.72 BTC 
  • แต่บัญชีบิทคอยน์ส่วนใหญ่คือ 13.22 ล้านบัญชี  มี Bitcoin อยู่ในบัญชีไม่เกิน 0.001 BTC  เหมือนเปิดบัญชีไว้ลองเล่นเฉยๆ
  • บัญชีที่มี Bitcoin ตั้งแต่ 10,000 BTC  ซึ่งอาจจะเรียกกลุ่มนี้ว่าเป็นมหาเศรษฐี Bitcoin มีจำนวน 111 บัญชีทั่วโลก
  • บัญชี Bitcoin ที่มียอดคงเหลือมากกว่า 100,000 BTC มี 2 บัญชีในโลกเท่านั้น มี Bitcoin รวมกัน 252,798 BTC
  • บัญชี Bitcoin ที่มียอดคงเหลือมากที่สุดในโลก ถือ Bitcoin อยู่ 130,215 BTC  ซึ่งมีการเปิดเผยว่าเป็นบัญชีของ Bitfinex ที่เป็นเว็บเทรดซื้อขายเหรียญดิจิตอลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก



เห็นตัวเลขเหล่านี้ พอจะสรุปได้ว่า

  • Bitcoin มีการกระจุกตัวอยู่ในมือคนจำนวนไม่มาก Bitcoin 96.29% อยู่ในมือคนแค่ 2.93%
  • แม้เราจะได้ยินเรื่อง Bitcoin กันคุ้นหู มีคนกล่าวถึงตลอด แต่จำนวนคนที่มี Bitcoin อยู่ในมือจริง ๆ อย่างมากก็ไม่เกิน 23 ล้านคนทั่วโลก ถ้าเทียบกับประชากรโลกที่ี 7,600 ล้านคน ก็แค่ 0.3% ….. แปลว่า ทุก ๆ 1,000 คนในโลก จะมีแค่ 3 คนเท่านั้นที่มีบัญชี Bitcoin จึงนับว่ายังเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับยุคนี้มาก (แม้จะถือกำเนิดมา 8 ปีแล้วก็ตาม) ซึ่งก็แปลว่า ถ้า Bitcoin ไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงคนอีกหลายร้อยหลายพันล้านคนทั่วโลก
  • นอกจากนั้น ถ้าเทียบปริมาณ Bitcoin ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ารวมกัน 1.67 แสนล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับปริมาณเงิน USD ทั้งหมดที่มี 13.74 ล้านล้านเหรียญ Bitcoin ก็แค่ 1.2% เท่านั้น .. Bitcoin ยังถือว่าน้อยมากๆๆ (ข้อมูล US Money Supply M2 )
  • ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ขยับขึ้นมาแล้ว 12.60 เท่าตัว จาก $737 มาเป็น $10,327 .. แต่ถ้าคิดว่า 12.60 เท่าเยอะแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับเหรียญ Ethereum ที่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นมา 53.22 เท่าตัว จาก $8.81 มาเป็น $473 และถ้าเทียบกับเงินสกุล Dash ที่พุ่งขึ้นมา 67.28 เท่าตัว จาก $9.12 มาเป็น $622 ราคา Bitcoin ที่พุ่งขึ้นมา ก็แค่ธรรมดา ๆ ไปเลย

มาดูหน้าตา 5  คนรวยระดับมหาเศรษฐีจาก Bitcoin กันหน่อย

1. Cameron and Tyler Winklevossสองศรีพี่น้อง Winklevoss ผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของไอเดียสร้าง Facebook ฟ้อง Mark Zuckerberg  ผู้ก่อตั้ง Facebook สองพี่น้อง Winklevoss มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  400 ล้านดอลลาร์

2. Tony Gallippi  :เป็นผู้ก่อตั้งและเป็น CEO ของบริษัท Bitpay มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  100 ล้านดอลลาร์

3. Roger Ver :เป็นนักลงทุน ในบริษัท Start Up ที่เกี่ยวกับ Bitcoin  มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  52 ล้านดอลลาร์

4. Charlie Shrem  :เป็นนักลงทุนและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Start Up ชื่อ BitInstant,มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง  45 ล้านดอลลาร์

5. Jared Kenna : เป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท Tradehill and Money & Tech  มีบิทคอยน์มูลค่ารวมมากถึง 30 ล้านดอลลาร์




การคาดการณ์ราคาบิทคอยน์ในปี 2020-2030

Bitcoin ถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับยุคนี้ (แม้จะถือกำเนิดมา 8 ปีแล้วก็ตาม) ซึ่งก็แปลว่า ถ้า Bitcoin ไม่ล้มหายตายจากไปซะก่อน ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงคนอีกหลายร้อยหลายพันล้านคนทั่วโลก

Note : การคาดการณ์อาจจะไม่เป็นตามในรูปก็เป็นได้  ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของแต่ละคน โปรดใช้วิจารณญาณ!!

 

แล้วตอนนี้บิทคอยน์ ซื้ออะไรได้บ้าง?

รวมแหล่งร้านค้า รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

เทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเห็นจะเป็นเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน โดยในปัจจุบันนั้น เราต่างก็เห็นการใช้จ่ายเงินผ่านมือถือ โดยที่เราไม่ต้องพกเงินสดกันอีกต่อไปแล้ว เราจะพาคุณไปดู แหล่งร้านค้า ที่รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

ต้องบอกว่าปัจจุบันบิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของเราอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากชีวิตประจำวันของทุกคนต้องข้องเกี่ยวกับระบบอินเทอร์เน็ตแน่นอน และบิทคอยน์คงจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ กับระบบการเงินของโลกในอนาคต ซึ่งผู้เขียนอยากให้ทุกท่านศึกษา เรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องนี้เอาไว้ซักหน่อยก็ไม่เสียหาย เพราะใครจะไปรู้อนาคตข้างหน้า “บิทคอยน์” อาจกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายก็ได้

การลงทุนมีความเสียง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้นั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนใน Bitcoin, Altcoin หรือ ICO ตัวไหน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง



10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่เหมาะสำหรับนักเทรด!!

ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้ มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

Credit: Coinmarketcap.com, thailandinvestmentforum.com/

6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง!

ลงทุนบิทคอยน์กระแสความนิยมของ Bitcoin และ Alcoin เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ราคาบิทคอยน์นับวันจะยิ่งสูงขึ้นทะลุดาวอังคาร ทำ New high ทุกวัน ล่าสุด 1 บิทคอยน์ มีค่าเท่ากับ 320,000 บาท ($9953) ข้อมูลจาก Coinmarketcap.com วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560

การลงทุนบิทคอยน์ หรือ Cryptocurrency ตัวอื่นๆ จึงเริ่มเป็นอะไรที่คนทั่วโลกสนใจ ทำให้เกิดการดึงดูดให้คนที่ไม่ได้ศึกษา และไม่ได้มีความรู้ ความเข้าใจที่แท้จริงเข้ามาลงทุน ลงเงินในแวดวงสกุลเงินดิจิตอลนี้  คนเหล่านี้อาจจะโดนหลอกลวงโดยนำบิทคอยน์ มาบังหน้าได้ และเมื่อเกิดการโกงที่มากขึ้น ข่าวแย่ๆเหล่านี้จะส่งผลร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของ บิทคอยน์ ในสายตาของคนส่วนมาก ยิ่งทำให้คนต่อต้านการลงทุนบิทคอยน์ มากขึ้น

ในบทความนี้ Goalbitcoin จะมาสร้างภูมิคุ้มกันให้มือใหม่ทุกๆท่าน ปลอดภัยจากภัยหลอกลวงอันตรายจากการลงทุนในบิทคอยน์ และเหรียญ Cryptocurrency อื่นๆกัน  รูปแบบกลโกงแฝงจากการนำบิทคอยน์ และ Cryptocurrency มาใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ฉ้อโกงนั้น หลักๆแล้วมักจะมีอยู่ 6 ประเภทด้วยกัน คือ

 

1.เว็บเทรดบิทคอยน์ หลอกลวง (Fake Bitcoin Exchange)

การเทรดบิทคอยน์ หรือ Cryptocurrency อื่นๆ เป็นช่องทางการลงทุนที่ง่ายที่สุด แต่เสี่ยงมากเช่นกัน เมื่อเจอภาวะผันผวนของตลาด ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin  เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ยังไม่ได้ศึกษาให้ดี ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหน อาจจะทำให้เลือกเว็บเทรดปลอม ที่หลอกลวงนักลงทุน เกิดปัญหาในการโอนเหรียญออกไม่ได้ ไม่มี Support ช่วยเหลือ หรือไม่ยอมจ่ายเหรียญได้

 ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

วิธีป้องกันตัวเองเว็บเทรดบิทคอยน์ หลอกลวง

  • ศึกษาที่มาที่ไปของบริษัทเว็บเทรด และดูประวัติเจ้าของบริษัท CEO ว่าเคยมีข่าวเสียหายหรือไม่ และจดทะเบียนมานานแค่ไหน ผลประกอบการเป็นอย่างไร ได้รับการรับรองอนุมัติจากประเทศนั้นๆหรือไม่
  • ศึกษาข้อมูลความโปร่งใสของบริษัท ว่ามีการแจกแจงชัดเจน เช่น https://bx.in.th/info/transparency/ แบบนี้หรือไม่ และถ้ามีแล้ว ให้เข้าไปตรวจสอบด้วยว่าข้อมูลเหล่านี้จริงเท็จแค่ไหน เราอาจจะเจอกรณีแปลกๆที่ปริมาณเหรียญที่เทรดๆกันอยู่ อาจจะมากกว่าปริมาณที่เว็บเทรดถือไว้ ณ ปัจจุบันก็ได้
  • ดูระบบความปลอดภัยที่เว็บเทรดนั้นๆมีให้ ถ้ามีระบบอย่าง 2 Factor Authentication หรือ SMS Verification และมาตรการความปลอดภัยที่ดูมีมาตรฐานเป็นสากล ก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ถ้าไม่มี หรือมีแค่ไม่กี่อย่างและทำงานได้ไม่ดีด้วย ก็ให้เพิ่มความระมัดระวัง
  • นำเหรียญที่อยู่ในเว็บเทรดออกไปเก็บใน Wallet ที่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ เพราะถึงแม้เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือแค่ไหนก็ตาม ก็มีโอกาสถูกขโมยเหรียญจากเว็บเทรดได้  อย่างเช่น MTGOX บริษัทใหญ่ที่เคยเป็นอันดับหนึ่งในการเทรดบิทคอยน์ ถูกขโมยเหรียญ ทำให้บริษัทต้องถูกฟ้องล้มละลาย

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่

2.กระเป๋าบิทคอยน์ปลอม (Fake Bitcoin Wallets)

ในช่วงหลังๆมานี้ การใช้กระเป๋าอิเล็กทรอนิคสำหรับเงินดิจิตอลต่างๆ หรือที่เรียกว่า วอลเล็ท (wallet ) มีความนิยมเพิ่มมากขึ้นมาก จึงทำให้พวกแฮกค์เกอร์ต่างๆจ้องที่จะฉกข้อมูลการเข้า wallet ของเหรียญชนิดต่างๆของเรา โดยส่วนมากพวกนี้จะส่งข้อความเข้ามาในอีเมล์เรา หลอกให้เราคลิ๊กลิงค์ โดยการส่งข้อความประมาณว่า บัญชี wallet ของเราจะถูกปิดถ้าเราไม่เข้าไปยืนยันตัวเอง ทั้งที่เรายืนยันตัวตนแล้ว หรือประมาณว่าเว็บไซต์มีการอัพเดท อะไรประมาณนี้ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านโปรดตรวจสอบ ที่อยู่ผู้ส่งอีเมลล์ที่ส่งมาให้เรา ว่าเป็นของทางเว็บจริงหรือไม่ บางทีแค่ชื่ออีเมลล์ที่ส่งมา ตัวอักษรขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็ทำให้เปลี่ยนเป็นคนละเว็บไซต์แล้ว

ดังตัวอย่างเช่น  จากตัวอย่าง blogchain.Info อันที่จริงควรจะเป็น blockchain.info

 

วิธีป้องกันตัวจากกระเป๋าบิทคอยน์ปลอม

  • ศึกษาข้อมูลของบริษัทกระเป๋าบิทคอยน์ให้ดี ว่ามีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย สามารถเข้าไปเช็ครายชื่อกระเป๋าที่น่าเชื่อถือที่ Bitcoin.org
  • ตรวจสอบลิงค์ให้แน่ใจ ว่าใช้ลิงค์จากบริษัทกระเป๋าจริงๆ
  • กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์มีความปลอดภัยและสะดวกสบาย ถึงแม้ว่าตัวเครื่องอุปกรณ์จะหาย ถูกขโมย หรือชำรุด หากเรามีการสร้างรหัสแบคอัพสำรองไว้ บิทคอยน์ก็จะไม่หายไปไหน กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์เปรียบเสมือนห้องนิรภัยใต้ดินของเรา ถ้าใครมีบิทคอยน์มาก ๆ ก็ควรที่จะเลือกเก็บบิทคอยน์ ในกระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์ แทนกระเป๋าแบบออนไลน์

รวบรวม กระเป๋าบิทคอยน์ ประเภทต่าง ๆที่คุณควรรู้

ในการใช้งานจริง สิ่งที่ต้องเก็บรักษาอย่างปลอดภัยไม่ใช่ตัวบิทคอยน์โดยตรง แต่เป็นกุญแจส่วนตัวของแต่ละคนที่ใช้อนุมัติการทำธุรกรรมบิทคอยน์ แต่ละกระเป๋าสตางค์จะมีโค๊ดยาวๆเป็นตัวอักษรสลับตัวเลข เรียกว่า Address เป็นบัญชี แบบฝาก และถอน เวลาใครจะส่งบิทคอยน์มาให้เรา เราก็ให้ Address แบบฝากได้เลยค่ะ ในทางกลับกัน ถ้าเราจะส่งเงิน เราก็ต้องมี Address แบบถอน การฝากถอนทำได้ง่าย และรวดเร็วมาก

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

3.โจรกรรมข้อมูลทางเว็บไซต์ หรือ อินเตอร์เน็ต (Phishing Scams)

เว็บไซต์หลอกลวงเป็นภัยทางอินเตอร์เน็ตที่จะแอบอ้างเป็นธนาคาร เว็บไซต์บริการด้านธุรกรรม หรือบริการชำระเงินออนไลน์ที่คุณใช้บริการอยู่ เพื่อหลอกเอาข้อมูล Password หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆในการเข้าถึงบัญชีกระเป๋าของคุณ

วิธีป้องกันตัวจากโจรกรรมข้อมูลทางเว็บไซต์

ต่อไปนี้เป็นวิธีการง่ายๆและรวดเร็วที่จะทำให้บัญชีของคุณปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

1) ตรวจสอบ URL หรือลิงค์โดยละเอียดก่อนกดเข้าไป

พวกเว็บไซต์หลอกลวงต่างๆมักจะสร้างลิ้งค์เว็บไซต์ปลอมที่ดูคล้ายคลึงกับเว็บไซต์ที่คุณใช้บริการอยู่ ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนกดเข้าไปว่าเป็นลิ้งค์เว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่จริงและสังเกตว่าหน้าเว็บไซต์ที่ปรากฏแตกต่างจากเว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่ปกติหรือไม่ หากเข้าไปในเว็บนั้นแล้ว อย่ากรอกข้อมูลใดๆลงไป

2) กรอกข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น

HTTPS เป็นกระบวนการที่ใช้ในเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เพื่อการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัย เมื่อใดก็ตามที่กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือทำธุรกรรม ต้องแน่ใจว่ามีสัญลักษญ์รูปแม่กุญแจปรากฏอยู่ที่สเตตัสบาร์ร่วมกับ “https:” เสมอ โดยตัว s นั้นย่อมาจาก secure

3) ตั้งพาสเวิร์ดที่คาดเดาได้ยาก

โดยปกติเรามักใช้ username และพาสเวิร์ดเดิมซ้ำๆกันในหลายบัญชีที่เราสมัคร และนี่คือช่องโหว่ที่ก่อให้เกิดการโจรกรรมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้ ดังนั้น เวลาตั้งพาสเวิร์ดควรกำหนดให้มีความซับซ้อนและคาดเดาได้ยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบัญชีที่มีข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลทางการเงิน

4) เปิดการใช้งานเครื่องมือ two-factor authentication (2FA) กับบัญชีของคุณ

Two-factor authentication (2FA) หรือเครื่องมือยืนยัน 2 ขั้นตอน เพิ่มความปลอดภัยให้บัญชีของคุณมากยิ่งขึ้น ด้วยการยืนยันเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นอีกขั้น บัญชีของคุณจะถูกโจรกรรมข้อมูลได้ยากยิ่งขึ้น คุณสามารถเปิดการใช้งาน 2FA สำหรับบัญชี coins.co.th ได้ เพียงแค่เข้าไปที่ Account Settings(การจัดการบัญชี)แล้วเปิดใช้ด้วยแอพพลิเคชั่น Google Authenticator

5) หลีกเลี่ยงการติดตั้งโปรแกรมหรือโปรแกรมเสริมที่ไม่น่าเชื่อถือลงในคอมพิวเตอร์

ติดตั้งและอัพเดทโปรแกรมแอนตี้ไวรัส, ไฟร์วอลล์(Firewall-เครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันเน็ตเวิร์กจากการสื่อสารทั่วไปที่ไม่ได้รับ อนุญาต)รุ่นล่าสุดลงในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวหรือคอมพิวเตอร์สำนักงาน เปิดใช้งานโปรแกรมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ




4.การลงทุนแชร์ลูกโซ่โดยใช้ Cryptocurrency (Ponzi Scams)

หลาย ๆ ครั้งเราคงได้พบกับเพื่อนสนิท หรือคนรู้จัก สักคนที่ชอบมาแนะนำการลงทุนที่ดีให้กับเรา ทั้งการบอกว่านี่เป็นโอกาสที่จะสร้างอนาคตให้ตัวเอง หรือแม้แต่บอกว่าต้องการแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับเรา และหลายครั้งอีกเช่นกันที่เรามักจะเผลอเชื่อใจคนสนิทและลงทุนไปกับการลงทุนที่ “ดูท่าทาง” จะไปได้สวย บางธุรกิจนั้นดูดีและน่าเชื่อถือจริง ๆ แถมยังมีคนดังๆ ผู้เชี่ยวชาญร่วมลงทุนในโครงการนี้ไปอีกตั้งเยอะ ในเมื่อคนที่มีความรู้มากกว่าเรายังลงทุนไปกับโครงการนี้ แล้วทำไมเราถึงไม่ลงทุนตามเขาไป ดูยังไงโอกาสกำไรก็เห็นอยู่ชัด ๆ

ซึ่งทุกครั้งการต้มตุ๋นทางการเงินเองก็มีจุดประสงค์ให้เราเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ เพื่อจะทำการหลอกลวงเงินจากผู้ลงทุนจำนวนมากมาย ก่อนที่จะเชิดเงินหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงคราบน้ำตา (กับความซวยและหนี้) ของนักลงทุนที่ไม่ใส่ใจกับการลงทุนของตนเอง โดยการต้มตุ๋นเหล่านี้หลายครั้งสามารถลอยนวลอยู่ได้นับสิบปี และกวาดเงินไปได้หลายพันล้านเลยทีเดียว

 

วิธีป้องกันตัวจากการลงทุนแชร์ลูกโซ่โดยใช้ Cryptocurrency

  • อยากให้ทุกท่านฉุกคิด และทำความเข้าใจว่า การลงทุนไม่ว่าอะไรก็ตาม แม้แต่สุดยอดนักลงทุน ก็ต้องมีจังหวะขาลงที่ขาดทุนบ้าง การที่เราเจอกับโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่มีแต่ได้กับได้ ด้วยกำไรที่สูงและสม่ำเสมอนั้น แทบเป็นไปไม่ได้จริง
  • การลงทุนที่สำเร็จไม่ใช่การที่เราชนะตลอด ไม่ใช่การที่เราหยั่งรู้ได้ล่วงหน้าอย่างถูกต้องแม่นยำว่าควรจะลงทุนกับอะไรในจังหวะไหน แต่การกระจายและจัดการกับความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดและรอบคอบต่างหากที่สร้างความสำเร็จให้กับการลงทุน เพราะเราไม่สามารถตอบได้เลยว่าเราจะได้หรือเราจะเสียกันแน่

3 คดีดังแชร์ลูกโซ่ ล่าเหยื่อ“คนอยากรวย” (รู้ทันการต้มตุ๋นทางการลงทุน)

วันนี้จะขอเล่าถึงการต้มตุ๋นทางการลงทุน รูปแบบที่เคยส่งผลกระทบต่อผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือ กลยุทธ์ต้มตุ๋นแบบพอนซี (Ponzi’s Scheme) และ แบบปิรามิด (Pyramid Scheme) นั่นเอง พร้อมทั้ง 3 คดีดัง ที่ยังคงเป็นที่กล่าวถึงในปัจจุบัน

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

5.Cloud Mining ปลอม (Fake Cloud mining)

Cloud Mining ถือเป็นสิ่งที่สร้างความสะดวกสบายให้กับนักลงทุน Cryptocurrency ระดับเริ่มต้นที่สนใจการขุดเหรียญได้เป็นอย่างดี โดยการที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลา และทรัพยากรในการดูแลเหมืองขุดของเราเอง แต่เราจะทำการซื้อหรือเช่ากำลังขุดจากเหมือง Cloud Mining นี้ สำหรับบางที่ มีการเปิดเผยชัดเจนว่าเหมืองอยู่ที่ไหน มีการถ่ายวีดีโอทัวร์รอบโรงงาน แต่สำหรับบางเจ้าก็ไม่ได้มีการเปิดเผยที่ภาพถ่าย โดยที่ Cloud Mining บางเจ้าก็อาจจะไม่ได้เป็นเจ้าของกำลังขุดที่ปล่อยขายอยู่ 100% บางส่วนอาจจะทำการซื้อกำลังขุดมาจาก Cloud Mining เจ้าอื่นก็ได้ แต่ยังไงก็ตาม Cloud Mining ก็เป็นการลงทุนที่เสี่ยง ถึงแม้เจ้าที่เราลงเงินไปจะมีชื่อเสียงก็ตาม แต่ไม่ได้แปลว่าเขาพลาดไม่ได้ หรืออย่างล่าสุด Cloud mining สายเสี่ยง ที่ชื่อ bitpetite ก็ปิดเว็บหนี พร้อมกับเหรียญที่นักลงทุนทั่วโลก นำมาฝากขุดที่เว็บนี่

 

วิธีป้องกันตัวจาก Cloud Mining ปลอม

  • เลือกผู้ให้บริการที่โปร่งใส จัดการอย่างมีระบบ น่าเชื่อถือ ไม่มีข่าวเสียหายในอดีต หรือถ้ามีก็ต้องพิจารณาจากการแก้ปัญหานั้นๆว่าทำได้อย่างถูกต้องและยุติธรรมต่อลูกค้าหรือไม่
  • หมั่นนำเงินที่ได้จากการขุด Cloud Mining ออกมาเก็บในที่ที่ปลอดภัยอยู่เป็นประจำ

รีวิว Cloud mining คืออะไร สร้างรายได้จริง? ไม่หลอกลวง?

บริษัท Cloud mining ส่วนใหญ่นั้นตั้งอยู่ในฐานต่างประเทศมันจึงมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร ซึ่งในอดีตมีบริษัท Cloud mining ที่ตั้งขึ้นหลอกๆ ที่ปิดตัวลงไป เราจึงต้องระมัดระวังกับเรื่องนี้ ดังนั้นแนะนำผู้ที่ลงทุนใน Cloud mining ไม่ควรลงเงินกับที่เดียวควรจะกระจายความเสี่ยงออกไปหลายๆแห่ง

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<

6.เหรียญปลอม (Fake Cryptocurrency)

เงินดิจิตอลสกุลใหม่ ICO ปรากฏตัวขึ้นมาแทบทุกๆวัน แต่ละเหรียญนั้นก็มีข้อแตกต่างและจุดประสงค์ของตัวเองในการสร้างมันขึ้นมา เหรียญเหล่านี้มักมีอะไรที่เหมือนๆกัน อย่างเช่น ใช้ Blockchain เหมือนกัน ใช้ Proof of Work สำหรับการขุดเหมือนกัน หรือถูกใช้งานเหมือนเป็นสกุลเงินได้เหมือนกัน แต่ภัยร้ายที่มักแอบแฝงเข้ามาได้คือ Cryptocurrency ปลอมที่อาจจะสร้างโดยองค์กรแชร์ลูกโซ่ที่จะล่อลวงให้คนมาเข้าร่วมกลุ่มและลงทุนในสิ่งนี้ อีกทั้งอาจจะยังมีการแบ่งลำดับขั้นให้สำหรับผู้ที่ชักชวนคนมาลงทุนเพิ่มพร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมาย

ถึงแม้เหรียญจอมปลอมบางเจ้าจะทำการบ้านมาดี อ้างว่าตนเองนั้นตั้งอยู่บน Blockchain อันสุดแสนจะน่าเชื่อถือก็ตาม พร้อมทั้งมี Blockexplorer ของตัวเองด้วย ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะพูดจริงตามที่ว่ามา มันอาจจะเป็นเว็บที่ทำหลอกๆให้ดูเหมือนว่ามี Block และ Transaction เกิดขึ้นเรื่อยๆก็ได้ อย่างล่าสุด เหรียญปลอมที่ชื่อ Confido ปิดเว็บหนี ทำให้ราคาเหรียญล่วงลงมาถึงจุดต่ำสุด

 

วิธีป้องกันตัวจากเหรียญปลอม

  • ศึกษาหลักการทำงานของเหรียญแต่ละเหรียญที่จะลงทุนให้เข้าใจ
  • สิ่งที่ควรเน้นคือการศึกษาว่าเหรียญนี้มีความโดดเด่นต่างจากเหรียญอื่นๆยังไง ถ้าเหรียญนี้ไม่ได้นำเสนออะไรที่ใหม่ๆ ให้โยนทิ้งได้เลย เพราะในเมื่อในตลาดมันมีอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ของซ้ำๆเดิมๆจะมาทำรายได้หรือมีอนาคต
  • อย่าหลงเชื่อคำกล่าวอ้างว่ามีคนดัง ที่น่าเชื่อถือเป็นผู้พัฒนาและเป็นเจ้าของ หรือใช้เทคโนโลยี Blockchain เหมือนเหรียญอื่นๆ ให้ศึกษาและพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนว่าคนดังเหล่านี้น่าเชื่อถือจริงแน่ๆนะ และ Blockchain นี้มันย้อมแมวหรือเหล่า
  • ถ้าเข้าเว็บไซต์ Coinmarketcap.com  แล้วไม่เจอชื่อเหรียญนี้ ก็ควรจะคิดทบทวนซ้ำๆก่อนลงทุนแล้วล่ะครับว่าจะเสี่ยงกับเหรียญนี้หรือไม่ เพราะเว็บนี้คือเว็บที่รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้ง Market Cap และ Daily Trade Volume ของแต่ละเหรียญ ถ้ามาอยู่ในเว็บนี้แล้ว แปลว่าต้องมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง



เว็บ BadBitcoin.org เป็นที่รวมเว็บไซต์หรือเหรียญที่หลอกลวงชาวบ้านไว้โดยเป็นฝีมือของผู้ใช้งานทั่วไปในวงการ Cryptocurrency ที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ถ้ามีชื่ออยู่ในเว็บนี้ก็ให้ระวังตัวไว้ให้มากยิ่งขึ้น

 

ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวไปไกลมากขึ้น เมื่อมีทั้งการเกิดขึ้นมาของ Bitcoin, Blockchain หรือ Cryptocurrency ตัวอื่นๆมากมาย ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ทำเงินได้อย่างมหาศาล ทำให้เป็นสิ่งที่ดึงดูดคนที่ชอบฉวยโอกาสจากความไม่รู้ ความประมาท และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคน เพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเอง หลังจากอ่านบทความนี้จบ ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่าน จะสามารถตื่นตัวในการระมัดระวังแชร์ลูกโซ่และการหลอกลวงที่ใช้การลงทุนบิทคอยน์ หรือ Cryptocurrency มาบังหน้าได้มากขึ้น เพื่อลดโอกาสการโดนหลอกและทำให้สังคมของ Cryptocurrency เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และสังคมแห่งความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ สืบต่อไป



Credit: https://australianfintech.com.au , https://siamblockchain.com

 

10 เรื่องราวของ “บิทคอยน์” ที่หลายคนอาจไม่รู้

ในช่วงนี้ กระแสของบิทคอยน์ กำลังมาแรงและเป็นที่กล่าวถึงกันในหลายวงการด้วยกันไม่ว่า จะเป็นวงการทางเศรษฐกิจ การเงิน การธนาคาร รวมทั้งการลงทุน ซึ่งต่างก็ให้ความสนใจใน บิทคอยน์ แต่ก็ยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริง ตลอดจนเรื่องราวต่างๆ ของบิทคอยน์ ดีนัก

ดังนั้นในวันนี้ เราจึงขอนำเสนอ เรื่องราวข้อเท็จจริงของ เงินดิจิตอลที่เรียกว่า “บิทคอยน์” กัน

 

เรื่องจริงข้อที่ 1: ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์

ผู้ให้กำเนิดบิทคอยน์

Satoshi Nakamoto คือ ชื่อบุคคล (หรืออาจเป็นของกลุ่มคน) ผู้ที่ก่อตั้งบิทคอยน์เป็นคนแรกของโลก ในปี 2009 เชื่อกันว่า Nakamoto อาจจะมีบิทคอยน์อยู่ประมาณ 1 ล้านบิทคอยน์ หรือมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามนั้น ไม่มีใครรู้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของ Satoshi Nakamoto นั้นเป็นใครกัน บางทีอาจจะเป็นแค่ชื่อสมมติก็อาจเป็นได้ มีทฤษฎีอื่นอีกว่าบริษัทอิเลคทรอนิคส์ คือ โตชิบา ซัมซุง นากามิชิ และโมโตโลร่า คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการสร้างบิทคอยน์ (หรืออาจจะเป็นแค่เรื่องโจ๊ก พูดเล่นกันเท่านั้น ) ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้แน่นอน จนกลายมาเป็นปริศนาถึงวันนี้

 

เรื่องจริงข้อที่ 2: WikiLeaks

-บริษัท WikiLeaks ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่เอาข่าวฉ้อฉลภายในของรัฐบาลอเมริกา ออกมาตีแผ่ผ่านเว็บไซต์ พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการรับเงินบริจาคเท่านั้น  WikiLeaks นั้นพึ่งพาบิทคอยน์เป็นอย่างมากในการดำเนินงาน โดยมีการรับบริจาคเงินผ่านบิทคอยน์ เนื่องจากสถาบันการเงินที่อื่นๆ ปฏิเสธที่จะร่วมทำธุรกรรมกับ WikiLeaks

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้ง WikiLeaks  ได้ขอบคุณรัฐบาลอเมริกาที่มาบล็อกบัญชีธนาคารของพวกเขา รวมถึงโพสภาพกราฟของราคา Bitcoin ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2010 และ 14 ตุลาคม 2017 โดยทางผู้ก่อตั้ง WikiLeaks กล่าวว่าทางพวกเขาได้หันมาพึ่งพิง Cryptocurrency หลังจากที่ถูกรัฐบาลเล่นไม่ซื่อกับพวกเขา ทำให้พวกเขามีกำไรไปประมาณ 50,000%

 

เรื่องจริงข้อที่ 3: การแบนการใช้บิทคอยน์

– เดือน ก.ค. ปี 2013 ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในโลกที่มีการสั่งแบนและสั่งห้ามการใช้เงินบิทคอยน์ แต่หลังจากนั้นก็ได้มีการอนุญาตให้มีการใช้กันได้ในเวลาต่อมา

– รัฐบาลจีนสั่งห้ามธนาคารทำการค้าขายหรือแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ ในปี 2013 แต่ยังอนุญาตให้เอกชนนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับบิทคอยน์ได้
– กระทรวงการคลังของอเมริกาสั่งปิดบริษัทที่ผลิตเครื่องมือที่เกี่ยวกับเงินบิทคอยน์ไปจำนวนหนึ่ง

เรื่องจริงข้อที่ 4: เงินบิทคอยน์ และ Silk Road 


– ในเว็บไซต์ของขาย Silk Road ใช้เงินบิทคอยน์เป็นตัวกลางในการซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมายต่างๆ  เช่น ยาเสพติด และสารตั้งต้นชนิดต่างๆ ดังนั้นเมื่อเจ้าของเว็บไซต์ Silk Road ได้ถูกจับกุมและยึดทรัพย์ จึงเชื่อได้ว่า ยังมีเงินบิทคอยน์อีกมากกว่าครึ่งถูกซ่อนไว้

 

เรื่องจริงข้อที่ 5: มูลค่ารวมของบิทคอยน์

– เดือน พ.ย. ปี 2011 บิทคอยน์ มีมูลค่าประมาณ 60 บาท แต่หลังจากนั้น 2 ปี คือ ปี 2013 บิทคอยน์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นคือ มากกว่า 30,000 บาท ปัจจุบัน ปี 2017  1 บิทคอยน์ ราคา พุ่งสูงสุดที่ 255,000 บาท

– ในช่วงนี้ บิทคอยน์มีมูลค่ามากกว่าทองคำ หลายเท่า

– ตู้เอทีเอ็มที่สามารถถอนเงินได้จริงจากบิทคอยน์เครื่องแรกของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

 

 

เรื่องจริงข้อที่ 6: เงินบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด


– เงินบิทคอยน์มีจำนวนจำกัด 21 ล้านบิทคอยน์

– จำนวนบิทคอยน์ที่ขุดได้จะลดลงครึ่งหนึ่ง ทุก 4 ปี และ ค่าความยากในการขุด (Difficulties) เพิ่มมากขึ้นด้วย

– ในปี 2140 คาดว่า จะไม่สามารถขุดบิทคอยน์ได้อีกต่อไป แต่จะยังได้รับการค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมของบิทคอยน์ที่มีอยู่ต่อไป

– ทุกวันนี้ประมาณ 64% ของบิทคอยน์ที่อยู่ในระบบนั้นไม่ได้ถูกนำมาใช้

 

เรื่องจริงข้อที่ 7: ข้อมูลของบิทคอยน์

– เป็นเงินดิจิตอล ผู้ถือเงินไม่มีโอกาสได้สัมผัสรูปร่างหน้าตาว่า บิทคอยน์ เป็นยังไง นอกจากเป็นกระแสของอิเล็กทรอนิคส์ ในคอมพิวเตอร์และเครื่องมืออิเลคทรอนิคส์เท่านั้น
– ยังไม่มีสถาบันทางการเงินใดๆ เข้ามาควบคุมได้ ดังนั้นมูลค่าของบิทคอยน์จึงขึ้นอยู่กับปริมาณดีมานด์และซัพพลายล้วนๆ

 

เรื่องจริงข้อที่ 8: ซื้อสินค้าด้วยบิทคอยน์


– Virgin Galactic ของเซอร์ริชาร์ด แบรนด์สัน รับเงินบิทคอยน์ ในการจองเที่ยวบินไปยังอวกาศ ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
– รถยนต์ยี่ห้อแลมโบกินี่ เป็นยี่ห้อแรก ที่รับเงินบิทคอยน์

 

เรื่องจริงข้อที่ 9: ปริมาณของบิทคอยน์


– เงินบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันนั้น ได้มาจากกระบวนการขุดบิทคอยน์ โดยผ่านการประมวลผลของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้น
– พลังของการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่ขุดบิทคอยน์ทั้งหมดรวมกันมีมากกว่า ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์รวมกัน 500 เครื่อง

 

เรื่องจริงข้อที่ 10: เงินบิทคอยน์และการล้มลาย


– ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 Mt Gox โบรกเกอร์ชื่อดังของบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้นถูกโจรกรรมข้อมูลไป และขาดทุนไปเกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จนทำให้ต้องประกาศล้มละลายลงในที่สุด
ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องราวข้อเท็จจริงของบิทคอยน์ที่คุณควรจะทราบ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มลงทุนในสิ่งใด รวมทั้งบิทคอยน์ก็ตาม ควรคำนึงถึงประโยคนี้เป็นอันดับแรก “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” แล้วสุดท้าย การลงทุนในบิทคอยน์ก็จะเป็นไปได้ด้วยดี




10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!

เว็บเทรด Bitcoin เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้ ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




เศรษฐกิจขาลง แล้ว บิทคอยน์ ทำไมถึงอยู่ในช่วงขาขึ้น

บิทคอยน์

เศรษฐกิจขาลง แล้ว บิทคอยน์ ทำไมถึงอยู่ในช่วงขาขึ้น

พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจในตอนนี้ ใครๆก็นึกถึงเงินมาก่อนเป็นอันดับแรก เงินเท่านั้นที่จะช่วยบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้เกิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกได้ งานนี้บอกเลยว่า สกุลเงินอย่าง Bitcoin กำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ

บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าสกุลเงินบิทคอยน์นี้มาก่อน เพราะจะรู้จักกันแค่สาวกที่ชอบนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น เป็นเงินสำหรับการใช้จ่ายสำหรับกลุ่มที่ซื้อขายอะไรผ่านทางคอมพิวเตอร์ หรือผ่านแอพพลิเคชั่นกันบ่อยๆ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นแค่ของเล่นในหน้าจอเท่านั้น ไม่อาจจะที่เอาออกมาทำให้กลายเป็นจริงๆ ใช้จริงๆได้เลย

เพราะอีกปัจจัยหนึ่งก็คือ สกลุเงิน “บิทคอยน์” ที่โลดแล่นอยู่ตามหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ถูกดูแลด้วยรัฐบาล ไม่ได้ถูกดูแลด้วยธนาคารกลาง หรือมีความเป็นทางการตามกฎหมายใดใดเลย แต่ใครจะรู้ถึงอนาคตได้ว่าในเวลาต่อมา เงิน “บิทคอยน์” นั้นจะมีค่าพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง

          ราคาบิทคอยน์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 อยู่ที่ 7,436 ดอลล่าร์  หรือ 1 บิทคอยน์ เท่ากับ 245,000 บาท

            และเมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่โปรแกรมเมอร์ชาวอเมริกัน ได้ทดลองซื้อพิซซ่า 2 ถาด ด้วยเงินบิทคอยน์ ในตอนนั้นด้วยราคาถูกจำนวน 10,000 บิทคอยน์ แต่ปรากฏว่าในตอนนี้ มันมีมูลค่ามากกว่า 74 ล้าน ดอลล่าร์ไปแล้ว ซึ่งการซื้อขายไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋ว ซื้อสินค้า ซื้ออาหาร ผ่านเว็บไซต์ ทางธุรกิจใหญ่ๆของแต่ละองค์กรที่ทำการซื้อขายในตอนนี้ ตัวอย่างเช่นร้านอาหาร เว็บไซต์สำหรับจองตั๋วในการเดินทาง หรือการซื้อขาย Microsoft หรืออาจจะเป็น App อะไรต่างๆนานาที่จำเป็นต้องใช้และมันสะดวกที่จะใช้กระเป๋าเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin หันมาให้การยอมรับ “บิทคอยน์” กันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสกุลเงินที่ดูไม่มั่นคงมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนบางกลุ่มที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลงได้ดีทีเดียว และกำลังสร้างความมั่นคงให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้น

 

มองและให้คุณค่า กับ “บิทคอยน์”

เชื่อหรือไม่ว่าในสมัยก่อนนั้น เจ้าเงินตรานี่ก็คือเหล่าใบไม้และเปลือกหอย รวมไปถึงแร่ธาตุต่างๆที่เราให้คุณค่ามันเพียงเพราะว่ามันมีคุณสมบัติที่เด่น เงินบิทคอยน์ก็เช่นเดียวกัน แม้มันอาจจะเป็นเงินดิจิตอลที่ไม่สามารถจับต้องเป็นตัวเงินได้ แต่การมองว่าบิทคอยน์เป็นเงินก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และด้วยความที่มันคือเงินที่อยู่ในระบบดิจิตอล ผู้คนจึงมักกังวลในเรื่องของการ Hack ข้อมูลกันมาก

เพราะนั่นหมายความว่ากระเป๋าเงินแบบดิจิตอลของคุณก็อาจจะถูกขโมยออกไปได้ง่ายๆด้วย อีกทั้งความผันผวนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้บิทคอยน์ยังคงต้องพัฒนามากขึ้นอีกเยอะ ยังไงก็ยังคงไม่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วแน่นอน ยังต้องแพ้สกุลเงินหลักๆอยู่ดี แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่ เพราะเมื่อมันมีการพัฒนา ก็อาจจะทำให้บิทคอยน์กลายเป็นตัวเลือกที่ดีได้ไม่ยากเลย แล้วเงินดิจิตอลอย่างบิทคอยน์ จะมีการเปลี่ยนแปลง ได้รับผลกระทบมากขึ้นอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง ซึ่งผลกระทบเหล่านั้นแม้จะเป็นความพังของเศรษฐกิจ แต่เจ้าตัวบิทคอยน์ เองกลับถูกให้ค่ามากยิ่งขึ้น


ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์ (Bitcoin)

ประเทศเวเนซุเอลา จากคำบอกกล่าวของคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเวเนซุเอลาที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ ดูเหมือนว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่บ้านเมืองหมดหนทางไป เหมือนกำลังจะพังพินาศลงอย่างไม่เป็นท่า ผู้คนออกหาอาหารรับประทานแต่อาหารก็มีไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต การออกจากบ้านในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและน่ากลัว เงินเฟ้อสูงมากแบบที่ไม่น่าเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อัตราและเปลี่ยนสกุลเงินในตอนนั้นก็คือ 1 ดอลล่าร์สหรัฐต่อ 6000 โบลิวาร์ของเวเนซุเอลาไปในทันที ดูจำนวนการแลกเปลี่ยนก็โหดอยู่พอสมควร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับชาวเวเนซุเอลามากขึ้นเมื่อผู้คนหันมาใช้บิทคอยน์กันมากขึ้น จากผู้ใช้ที่อยู่ในหลักร้อยเท่านั้น เพียงในเวลาไม่นานที่เกิดความพังพินาศของเงินเฟ้อ ยอดผู้ใช้บิทคอยน์ ก็พุ่งสูงขึ้นในหลักแสน นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาก็เริ่มหมดความน่าเชื่อถือสกุลเงินของพวกเขาเสียแล้ว

ไม่ว่าภาวะเงินเฟ้อของเวเนซุเอลานี้จะเกิดขึ้นด้วยเหตุใด แต่ผลของมันกลายเป็นความพังพินาศของใครหลายคนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินใดใดก็ตามที่มีอยู่ ก็แทบไม่มีค่าจนต้องถอนออกจากสกุลเงินโบลิวาร์เวเนซุเอลา และถึงแม้ว่าจะสามารถแลกเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐได้ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเลยกับการที่ต้องซ่อนเอาไว้กับตัวหรือที่อยู่อาศัย เพราะใครๆต่างก็ต้องการมากขึ้น สำหรับคนที่มีความสามารถในการใช้เงินบิทคอยน์มากหน่อยก็เพียงแค่แลกเป็นเงินบิทคอยน์เพื่อสั่งซื้อของใช้มากขึ้นด้วย แต่ถ้ามีเพื่อนบ้าน มีญาติ ก็ยังสามารถฝากโอนบิทคอยน์เพื่อให้ญาติสั่งซื้อทั้งสินค้าและอาหารส่งมาให้ได้ แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ความสามารถทางดิจิตอลมากนัก ก็คงต้องทนทุกข์อยู่ไม่น้อยเมื่อพบเจอกับภาวะลุกเป็นไฟขนาดนี้

เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ระหว่างที่รอรัฐกำลังแก้ไขปัญหา พวกเขาประชาชนคนธรรมดาก็ยังต้องดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากไฟที่กำลังสุมเวเนซุเอลาอยู่ บิทคอยน์ ก็เลยเป็นตัวดึงดูดให้คนหันเข้ามาให้ความสนใจและใช้กันมากขึ้น ในขณะที่บิทคอยน์ชนะสกุลเงินหลักของประเทศ การจับจ่ายใช้สอยก็ยากขึ้น การเก็บทรัพย์สินในรูปแบบที่เคยเป็นก็เปลี่ยนไป เพราะอย่างไรการเอาตัวรอดของประชาชนก็คงต้องแลกเงินที่มีอยู่ให้เป็นบิทคอยน์เสียยังดีกว่าเก็บแผ่นกระดาษที่ไม่มีค่าเอาไว้ในมือ มันทำให้บิทคอยน์ เป็นเหมือนฮีโร่ของเวเนซุเอลาไปแล้วในขณะนั้น และภายในอนาคต เราไม่อาจรู้ได้ว่าสกุลเงินอย่างบิทคอยน์ นั้นจะสามารถขึ้นมาเป็นสกุลเงินที่มีผู้ใช้มากที่สุดในเวเนซุเอลาหรือไม่ แต่ในตอนนั้นก็คงได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น และอาจจะนำหน้าสกุลเงินปกติของเวเนซุเอลาได้ด้วย

ประเทศซิมบับเว  วิกฤตของประเทศซิมบับเวที่กำลังพบเจออยู่ในขณะนี้ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อประเทศนั้นขาดอาหาร ขาดน้ำมัน ขาดยารักษาโรค ซึ่งมันก็คือปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิต การสะสมเงินอาจจะไม่ใช่ทางออกสำหรับพวกเขาแล้วในประเทศซิมบับเว เพราะเงินสกุลหลักก็สูญเสียค่าของตัวเองไปแล้ว ใครๆต่างก็เริ่มหันมาสะสมข้าวของ อาหาร กักตุนน้ำมันกันมากยิ่งขึ้น และเจ้าทรัพย์สินดิจิตอลอย่าง บิทคอยน์ (Bitcoin) ก็กลายเป็นของสะสมหนึ่งของชาวซิมบับเวในช่วงที่ขาดอาหารขาดสินค้าแบบนี้ เพราะอย่างไรมันก็มีประโยชน์ในการสั่งซื้อสินค้าอย่างอาหารและสินค้าที่มีความจำเป็นอื่นๆมากักตุนไว้ได้

ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของซิมบับเวก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงข้อดีของบิทคอยน์ ซึ่งนั่นก็คือมันเป็นเงินที่ไม่สามารถย่อยสลายไปตามกาลเวลาได้ ไม่เหมือนเงินที่อยู่ในรูปของธนบัตร ที่สามารถเสื่อมสภาพและย่อยสลายได้ไปตามกาลเวลา เมื่อเงินมาอยู่ในรูปของบิทคอยน์แล้ว การซื้อขายหรือว่าทำธุรกรรมใดใดก็จะง่ายแสนง่ายมากขึ้น อีกทั้งผู้ให้บริการอย่าง Bitmari นั้นก็เป็นบริการที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนใช้บิทคอยน์ แถมยังมีค่าบริการที่ถูกมากอีกด้วย คุณสมบัติทั้งความถูกของค่าบริการและความรวดเร็วของ Bitcoin ทำให้มันพัฒนาและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย คราวนี้ก็จะมีคนหันมาใช้งานกันมากขึ้นอย่างแน่นอน

ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศซิมบับเวยังคงต้องใช้ระยะเวลานานในการแก้ไขปัญหา และในช่วงระหว่างการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลนี้ ประชาชนที่กำลังประสบปัญหาด้วยตัวเองก็ยังต้องดิ้นรนด้วยตัวเองกันต่อไป ซึ่งบางวิธีนั้นก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาไปได้บ้าง อย่างเช่นการแลกเงินเป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐเพื่อให้สามารถใช้ได้จริง การซื้อพันธบัตรของรัฐบาลที่จำเป็นจะต้องซื้อเพื่อความอยู่รอด แต่ดูเหมือนว่าประชาชนที่กำลังประสบปัญหาส่วนหนึ่งนั้นก็หันมาใช้ บิทคอยน์ (Bitcoin) กันมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะเมื่อดูจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว “บิทคอยน์” ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากเช่นเดียวกันในภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงสุดๆแบบนี้

5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย มือใหม่ห้ามพลาด!

ถูกถามกันมาเยอะมาก ว่า ซื้อบิทคอยน์ ได้ที่ไหน และเว็บไหนน่าเชื่อถือ ? วันนี้เราจะพาคุณ ไปรีวิวกับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้เลย ทันที ฟรีค่ะ!! ถ้าคุณกำลังมองหาแหล่งซื้อขายเงินบิทคอยน์ วันนี้เรามีบทความที่จะพาคุณไปทำความรู้จัก กับ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย ที่คุณเป็นสมาชิกได้ทันทีค่ะ!

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<