Tag: bitcoin pantip 2560

Top 10 Best Altcoins จุดเด่น จุดด้อย ยังไง? ตัวไหนน่าลงทุน

เคยสงสัยไหม ว่า Bitcoinและสกุลเงินดิจิตอลคืออะไร ตัวไหนเป็น Top 10 Best Altcoins จุดเด่น จุดด้อย ยังไง? ตัวไหนน่าลงทุน ? 

 

ในบทความนี้มีคำตอบให้คุณ เริ่มด้วยการมารู้จักกับสกุลเงินหลักเลย นั่นก็คือ Bitcoin ซึ่งเป็น CryptoCurrency หรือสกุลเงินดิจิตอลแรกของโลก และยังมีสกุลเงินอื่นที่เรียกว่า เหรียญ Altcoin หรือ Alternate Coin คือเหรียญ cryptocurrency ทุกๆเหรียญที่ไม่ใช่ Bitcoin เนื่องด้วยความที่เหรียญ Bitcoin นั้นคือต้นกำเนิดของทุกๆสิ่ง ทำให้เหรียญที่โผล่ออกมาหลังจากนั้นบนเทคโนโลยี Blockchain จึงถูกเรียกว่าเหรียญทางเลือกหมด

 

วันนี้เราจะนำคุณไปรู้จักกับ Bitcoin และ Altcoin ที่น่าลงทุน10 อันดับ ในตารางการซื้อขายเหรียญพร้อมกับจุดเด่นจุดด้อย 

5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

Top 10 Best Altcoins จุดเด่น จุดด้อย 

อันดับ

จุดเด่น

จุดด้อย

 อันดับ 1 Bitcoin (BTC)

เริ่มใช้งานในปี 2009

– เป็น CryptoCurrency แรกของโลก

– มีมูลค่าการซื้อขายในตลาด CryptoCurrency สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

– เป็นทียอมรับอย่างสากลในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย

– ค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนสูง

– รอการยืนยัน transection นาน

Bitcoin มีการพัฒนาต่อยอดระบบไปได้ช้า

อันดับ 2 Ether (ETH)

เริ่มใช้งานในปี 2015

– เป็นที่ต้องการในการรัน application บนระบบ Ethereum

– เป็นที่ต้องการจำนวนมากในการระดมทุน ICO ( Initial Coin Offering )

– องค์กรและสถาบันการศึกษาจำนวนมากเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเทคโนโลยี Ethereum

Ether คือ เชื้อเพลิงสำหรับระบบ Ethereum ไม่ใช่ออกแบบเพื่อเป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยน ณ ตอนนี้
อันดับ3 Bitcoin Cash (BCH)

เริ่มใช้งานในปี 2017

– HardFork พื้นฐานระบบมากจาก Bitcoin

– รองรับธุรกรรมทางการเงินพร้อมๆกันได้มากกว่า Bitcoin

– เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วสำหรับเว็บไซต์เทรดดิ้ง และ wallet ซอฟต์แวร์

– อยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มี Roadmap ที่แน่ชัดนัก

– ยังคลุมเครือสำหรับผู้ใช้งาน

อันดับ 4 Ripple (XRP)

เริ่มใช้งานในปี 2013

– เป็นที่ยอมรับของสถาบันการเงิน

สร้างขึ้นมาสถาบันการเงินในการแลกเปลี่ยนเงินตราและทรัพย์สินระหว่างประเทศ

– ยืนยันธุรกรรมการเงินได้รวดเร็วในระดับวินาที

– ทำงานบนระบบ private blockchain ซึ่งถูกจำกัดให้ดูแลโดยองค์กรต่างๆ

– บริษัทRipple lap มีส่วนครอบครองจำนวนเหรียญมากถึง 60% ของจำนวนทั้งหมดในการตลาด

อันดับ 5 Litecoin (LTC)

เริ่มใช้งานในปี 2011

– เป็นสกุลเงินอันดับสองของโลก CryptoCurrency

– คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า ด้วยจำนวนที่มาก และมีราคาถูกกว่า Bitcoin

– มีค่าธรรมเนียมถูก

 

แถบจะเหมือน Bitcoin และไม่มีฟีเจอร์ใหม่ๆให้ผู้ใช้งาน เหมือนเหรียญใหม่ๆ
อันดับ 6 Dash

เริ่มใช้งานในปี 2014

– สามารถปกปิดข้อมูลธุรกรรมการเงินต่อบุคคลภายนอกได้

– ออกแบบมาเพื่อเป็น CryptoCurrency ในการแลกเปลี่ยนซื้อ-ขาย

– ยืนยันธุรกรรมการเงินได้ในระดับวินาที

– มีระบบ ecosystem ที่ดีในการพัฒนาต่อยอดระบบ Dash

– ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

– อายุของสกุลเงิน Dash ยังไม่มากนัก

อันดับ 7 NEM (XEM)

เริ่มใช้งานในปี 2014

– NEM เป็นระบบ blockchain ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ได้ fork มาจาก CryptoCurrency ใดๆ

– เป็นมิตรกับ developer ด้วยความที่พัฒนาบนภาษาสากลอย่าง Java

– มีฟีเจอร์หลากหลายในการพัฒนา application blockchain บน NEM

 NEM ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นระบบ Blockchain คล้ายๆกับ Ethereum มากกว่าการที่จะใช้เป็น CryptoCurrency ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
อันดับ 8 IOTA

เริ่มใช้งานในปี 2014

– ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมการเงิน

– สามารถรองรับการใช้งานร้อมๆกันได้เป็นจำนวนมากในระบบ โดยที่ไม่ต้องทำการขยาย block size เหมือน Blockchain ทั่วไป

– ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
อันดับ 9 Monero(XMR)

เริ่มใช้งานในปี 2014

– ด้วยความที่ไม่สามารถติดตามธุรกรรมทางการเงินได้ เหรียญ Monero จะมีค่าตลอดไปถึงแม้ว่าจะถูกยักยอกส่งผ่านจากบัญชีที่ทำผิดกฎหมายก็ตาม

– ปกปิดธุรกรรมการเงินของผู้ใช้ ทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถติดตามธุรกรรมย้อนหลัง

– Application หรือ Wallet ที่ใช้งานกับสกุลเงินนี้มีจำนวนน้อยมากๆ ใช้งานได้ยาก
อันดับ 10 NEO

เริ่มใช้งานในปี 2014

NEO สามารถสร้าง เก็บ และแลกเปลี่ยนทรัพย์สินหรือสิ่งของในรูปแบบของเหรียญได้ ไม่ว่าจะเป็นของที่มีตัวตนบนโลกจริงๆหรือบนโลกดิจิตอล เช่นที่ดิน ทอง หุ้น สกุลเงิน เหรียญ ICO คะแนนสะสมแต้ม และอื่นๆอีกมาก – ข้อมูลข่าวสารติดตามยากเพราะเป็นภาษาจีน เราอาจได้ข่าวอาจช้ากว่าคนอื่น

– การแทรกแซงของรัฐบาลจีนในวงการ Blockchain

ตัวอย่างใน YouTube ที่ทำการทดลอง ถือเหรียญ Top 10 Best Altcoins ในปีที่แล้ว มาดูกันว่า 1 ปีผ่านไป เงินจำนวนนี้เพิ่มมูลค่าเป็นเท่าไหร่? ไปดูกันเลย!

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=_wNb9ZbPRYY[/embedyt]

ผู้เขียนอยากจะแนะนำมือใหม่ว่า การที่เราถือเหรียญใดๆไว้ ควรพิจารณาหลายอย่างประกอบด้วย การที่เราแบ่งเงินลงทุน มาเพื่อถือเหรียญที่มีอนาคต ในระยะยาว ถือว่าคุ้มค่ามาก จะเห็นได้จากตัวอย่างใน YouTube ที่ทำการทดลอง ถือเหรียญ Top 10 Best Altcoins ในปีที่แล้ว โดยถ้าเราลงทุนเหรียญเหล่านี้ ตัวละ 1000 ดอลล่าร์ 1 ปี ผ่านไป เงินก้อนนี้จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เป็น 240,279 ดอลล่าร์ 

 

สรุป CryptoCurrency ยังเป็นสิ่งที่น่าลงทุนมากเพราะ Bitcoin ยังมีการเติบโตเรื่อยๆ และยังครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ของตลาด ปริมาณการซื้อขายของมันมากกว่าเงินดิจิตอลสกุลอื่นๆ บางคนก็เชื่อว่าเงินดิจิตอลนี้จะเป็นฟองสบู่ที่ใกล้จะแตก แต่ด้วยการเมืองที่มีความขัดแย้งต่าง ๆ และสภาพเศรษฐกิจจะทำให้ราคา bitcoin สูงขึ้นยิ่งกว่านี้ แต่เหรียญ Altcoin อย่าง Ethereum และ Ripple นั้นถูกใช้ในองกรณ์ก็เริ่มมีความเป็นที่นิยมเช่นกัน ขณะที่เงินดิจิตอลอื่นๆก็มีฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมมาจาก Bitcoin ซึ่งเทรนตอนนี้เงินดิจิตอลยังไปได้ดี จึงไม่แปลกที่สกุลเงินดิจิตอลเหล่านี้จึงน่าลงทุนเพื่อกินกำไรจากการเติบโตของมัน




20  คำถาม บิทคอยน์ Bitcoin สำหรับมือใหม่ มาไขข้อข้องใจกันเลย!

มีคำถามมากมายสำหรับ “มือใหม่” ที่อยากจะเริ่มต้นเล่นบิทคอยน์ Bitcoin แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี อยากลองเล่นบิทคอยน์ ต้องทำอย่างไร? ลงทุนเสี่ยงมากมั้ย? จะได้บิทคอยน์ มีวิธีอย่างไรบ้าง? ขุดบิทคอยน์ ยังไง?

มีหลายคำถามที่หลายคนสงสัย วันนี้เราจะไปไขข้อข้องใจกันเลย!

 

1. บิทคอยน์ Bitcoin คืออะไร และมีที่มาอย่างไร?

บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่เกิดขึ้นมาช่วงปี 2008 โดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากะโมโตะ  บิทคอยน์ตอนนี้กำลังแพร่หลายไปทั่วโลก นักลงทุน เริ่มหันมาใช้สกุลเงิน บิทคอยน์ Bitcoin เป็นจำนวนมาก อันเนื่องมาจาก มีความรวดเร็วในการโอน  ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแพง แหมือนการโอนผ่านธนาคาร และที่สำคัญยังปลอดภัยจากการถูกอายัดบัญชีอีกด้วย

 

2. บิทคอยน์ Bitcoin มีจำนวนเท่าไหร่?

บิทคอยน์มีจำนวนจำกัด คือ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่สามารถสร้างขึ้นมาอีกได้ ลดการเกิดภาวะเงินเฟ้อและเสื่อมค่าลงของเงินได้อย่างดี ตอนนี้มีเหรียญที่อยู่ในระบบแล้ว ตอนนี้ BTC ที่ถูกขุดเจอไปแล้วทั้งหมดประมาณ 16,000,000 BTC  ดังนั้นมีอีกจำนวน ประมาณ 5,000,000 BTC ที่ยังสามารถขุดได้

 

3 การขุด บิทคอยน์ Bitcoin ทำเงินได้จริงมั้ย?

จริง การขุด บิทคอยน์  Bitcoin สามารถทำเงินให้กับผู้ขุดได้ โดยเมื่อขุด (Mining) แล้วเราจะได้รับเงินในรูปแบบของ บิทคอยน์ Bitcoin ซึ่งหากเรามีเครื่องขุดที่มีกำลังแรงมากพอ มีการ์ดจอแรงๆ จะสามารถขุด Bitcoin ออกมาได้มากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้ว การขุด บิทคอยน์  Bitcoin หากเราใช้เครื่องขุด  เราจะได้รับ Bitcoin ทันทีตั้งแต่เริ่มขุด แต่ถ้าหากคุณเลือกใช้บริการแบบ Cloud Mining คือ เป็นการฝากคนอื่นขุดให้ ผู้ขุดมักจะได้เงินหลังจากขุดผ่านไปแล้ว 1 วัน โดยได้ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง

 

4. มีวิธีได้มาซึ่งบิทคอยน์ Bitcoin อย่างไรบ้าง?

มี อยู่ 3 วิธีที่จะได้ บิทคอยน์ มา คือ

  1. ซื้อบิทคอยน์ (แนะนำ 5 เว็บไซต์ซื้อขาย บิทคอยน์ ในไทย หรือ Bx เว็บซื้อขาย บิทคอยน์ อันดับ 1 ในไทย)
  2. ขุดบิทคอยน์เอง (แยกเป็น 2 สาย คือ ขุดเองโดยใช้เครื่องขุด และ Cloud Mining คือ เป็นการฝากบริษัทขุดให้ )
  3. เล่นเกมส์ฟรี

5.การขุดแบบ Cloud Mining คืออะไร

การขุด bitcoin แบบ cloud mining คือการขุดโดยเราเช่ากำลังขุดของบริษัทที่มีเครื่องขุดออกมา และรับเงิน วิธีการนี้ช่วยให้เราประหยัดค่าไฟ และต้นทุนในการขุดมากขึ้น และสะดวกสบายกว่าการขุดเองเยอะมาก เหมืองที่ขุดแบบ Cloud mining ที่ดีที่สุดตอนนี้คือ Genesis-Mining สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อศึกษารายละเอียดได้



6. เดี๋ยวนี้ยังมีคนขุดเหมือง Bitcoin อีกมั้ย?  ยังคุ้มอยู่มั้ย??

ยังมีคนสนใจขุด บิทคอยน์ เป็นจำนวนมาก หากเรามีเครื่องขุดที่มีกำลังแรงมากพอ มีการ์ดจอแรงๆ จะสามารถขุด Bitcoin ออกมาได้มากยิ่งขึ้น แต่ด้วยการขุดเหมือง บิทคอยน์ เอง มีต้นทุนการผลิตสูง (ค่าไฟและอุปกรณ์ในการขุดเหมืองราคาแพง) ทำให้การขุดเองในปัจจุบัน ไม่ค่อยคุ้ม หลายคนจึงหันไปใช้บริการ Cloud Mining คือ เป็นการฝากบริษัทขุดให้แทน

 

7. ซื้อบิทคอยน์ ได้ที่ไหนบ้าง?

นักลงทุนน่าใหม่สามารถซื้อบิทคอยน์ได้จาก  5 แหล่ง ชื้อ ขาย Bitcoin ในไทย มีทั้งหมด ดังนี้

ลำดับ ชื่อเว็บไชต์ ข้อมูลเว็บไซต์ ซื้อ Bitcoin ขาย Bitcoin ค่าธรรมเนียม
1 BX.in.th เว็บชื้อขาย Bitcoin No. 1 ของไทยและ มีกระดานเทรดเหมือนหุ้น ซื้อได้ไม่จำกัด ขายได้ไม่จำกัด 0.25%ของการซื้อ ขาย
2 Local Bitcoin  เป็นเว็บที่ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยน Bitcoin ระหว่างกัน ได้ทั่วโลก  ซื้อได้ไม่จำกัด  ขายได้ไม่จำกัด  1% ของการซื้อ ขาย
3 Coin.co.th  เป็นอีกเว็บซื้อ ขาย Bitcoin แต่ไม่มีกระดานเทรด  10 BTC/ วัน 10 BTC/ วัน 1% ของการฝาก ถอน
4 Bitcoin.co.th  ให้บริการซื้อขาย bitcoin มาอย่างนานเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ  BX.in.th 50,000 บาท/วัน 50,000 บาท/วัน ไม่มีค่าธรรมเนียม
5 CoinBX.com  เว็บชื้อขาย Bitcoin น้องใหม่ ของไทยและ มีกระดานเทรดเหมือนหุ้น  ซื้อได้ไม่จำกัด ขายได้ไม่จำกัด 0.25%ของการซื้อ ขาย

ทุกเว็บไซต์จะมีกระเป๋า Bitcoin และบางเว็บจะมีหลายกระเป๋า ไว้สำหรับจัดเก็บเหรียญต่างๆๆของเราด้วย

อ่านเพิ่มเติม 5 รายชื่อเว็บไซต์ที่ให้บริการ รับซื้อขายเหรียญ Bitcoin

 

8. กระเป๋าสตางค์ Bitcoin คืออะไร? ใช้งานอย่างไร?

ก่อนจะเริ่มใช้บิทคอยน์ หรือเหรียญดิจิตอลอื่นๆ เราต้องมี กระเป๋าบิทคอยน์ (wallet) เสียก่อน เพราะ ถ้าไม่มีกระเป๋าบิทคอยน์ เราก็จะไม่สามารถรับ เก็บ หรือใช้บิทคอยน์ได้ กระเป๋าสตางค์บิทคอยน์เปรียบเสมือนตัวกลางที่เชื่อมระหว่างเรากับระบบบิทคอยน์ เช่นเดียวกับการที่หน้าเว็บธนาคารเป็นตัวกลางเชื่อมไปสู่ระบบการเงิน

อ่านเพิ่มเติม รวบรวม กระเป๋าบิทคอยน์ ประเภทต่าง ๆที่คุณควรรู้

 

9. เริ่มต้นเล่นบิทคอยน์ยังไงดี? 

ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนในบิทคอยน์  เมื่อมั่นใจแล้วเลือกวิธีในการได้มาซึ่งบิทคอยน์ ที่เหมาะสม

อ่านข้อมูลต่อได้ที่นี่

 

10. มีอะไรบ้าง สำหรับผู้ที่จะเริ่ม Bitcoin ที่ต้องระวังตัว

สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ ระวังการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเว็บไซต์ขุด bitcoin ที่ไม่ใช่การขุดบิทคอยน์จริงๆ เพราะเว็บเหล่านี้เปิดมาลักษณะคล้าย Money Game ต้องศึกษาให้ละเอียด โดยดูจากกระทู้ หรือ รีวิวประสบการณ์  ต่างๆ จากผู้เคยใช้งานร่วมด้วย

 

11.ในไทย มีคนเล่นบิทคอยน์เยอะมั้ย?

เริ่มมีคนไทยจำนวนมากเข้าไปซื้อ ขาย บิทคอยน์  สังเกตจาก ที่ BX เว็บอันดับหนึ่งในไทย มีจำนวนผู้ใช้งานจำนวนเพิ่มมากขึ้น

 

12. บิทคอยน์คือแชร์ลูกโซ่รึเปล่า? เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

บิทคอยน์ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ มันไม่ใช่การหลอกลวงเพราะทุกคนที่มาลงทุนในบิทคอยน์ เชื่อถือในตัวบิทคอยน์ในระดับหนึ่ง ไม่มีการชักชวนแล้วได้สิทธิประโยชน์เพิ่ม แต่ความน่าเชื่อถือของบิทคอยน์จะไม่เหมือนอะไรที่เราคุ้นเคย เพราะรัฐบาลไทยยังไม่รองรับ แต่ต่างชาติหลายประเทศให้การยอมรับสกุลเงินบิทคอยน์แล้ว

 

13. มีเว็บไหนที่ให้ข้อมูล หรือ รวมตัวกันคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับบิทคอยน์มั้ย

Goalbitcoin.com , Thaicrypto.com , siamblockchain.com , bitcoin club facebook

 

14. ในไทยมีเหมืองบิทคอยน์ ที่ใหญ่ที่สุดมั้ย

มี HashBX.net Cloud Mining เหมืองผลิตเงินบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย เหมืองอยู่ที่อุดรธานี

 

15. บิทคอยน์ (Bitcoin) ผิดกฎหมายไหม ในไทย เป็นที่ยอมรับหรือยัง ?

หลายประเทศยอมรับบิทคอยน์อย่างถูกกฎหมาย อาทิ อเมริกา แคนาดา ยุโรป และญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่ยอมรับการชำระสินค้าเป็นเงินบิทคอยน์ เช่น ร้านอาหารในญี่ปุ่น และบริษัทดังในอเมริกา

แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่ยอมรับสกุล Bitcoin และสกุลเงินดิจิตัลทุกชนิด โดยอ้างว่าระบบดังกล่าวไม่ใช่เงินที่แท้จริง และไม่สามารถใช้เงินบิทคอยน์ชำระหนี้ตามกฎหมายไทยได้

 

16.    1 บิทคอยน์ เท่ากับ กี่บาท ?

ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2560 บิทคอยน์ได้สร้างสถิติสูงสุด คือ 1 BTC เท่ากับ 4200 USD หรือคิดเป็นประมาณ 138,000 บาท

 

17. แนวโน้มบิทคอยน์ เป็นอย่างไร ราคาเป็นอย่างไร

มูลค่าของบิทคอยน์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเหมือนสกุลเงินอื่น ๆ ตามกลไกตลาด หรือที่เราเรียกว่าหลัก Demand Supply คือช่วงไหนที่ความต้องการบิทคอยน์ มีมากกว่าปริมาณบิทคอยน์ที่มีในระบบ ก็จะส่งผลให้มูลค่าบิทคอยน์เพิ่มขึ้น แต่ช่วงไหน ที่มีข่าวไม่ดี เกิดขึ้น เช่น ในช่วงที่โจรเรียกค่าไถ่ด้วยเงินบิทคอยน์ หรือ เกิด Hard fork ทาให้ความเชื่อมั่นในบิทคอยน์ลดลง คนเทขายในระบบมีมากเกิน ความต้องก็จะทำให้มูลค่าลดลง

 

18. ควรลงทุนบิทคอยน์ด้วยเงินน้อยๆ หรือเงินมากดี

ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนบิทคอยน์ การลงทุนบิทคอยน์ ก็เหมือนกับการ ลงทุนในหุ้น หรือ ทองคำ ดังนั้นคุณต้องพิจารณาในการเลือกลงทุนให้ดี ควรศึกษาให้ดี เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง

 

19. เมื่อได้ Bitcoin มา จะเปลี่ยนมันเป็นเงินบาทได้อย่างไร

สามารถแลกบิทคอยน์เป็นเงินบาทได้ ด้วยการใช้เว็บไซต์รับซื้อขายบิทคอยน์ในประเทศไทย เช่น BX , Localbitcoin , TDAX

 

20. อนาคตของ Bitcoin ในประเทศไทยเป็นอย่างไร ยังทำเงินกับบิทคอยน์ ได้มั้ย?

เนื่องจากยังมีผู้มีความรู้เรื่อง bitcoin ยังมีน้อยมาก  เมื่อเทียบกับหุ้น หรือ Forex  ทำให้โอกาสในการทำเงินตรงนี้ยังกว้างมาก มือใหม่ควรศึกษาข้อมูลให้ดีๆ  แล้วมันจะทำเงินให้กับคุณในรูปแบบของ Passive Income และ Active Income ได้อย่างแน่นอน




ไทยพาณิชย์ จัดบริการโอนเงินข้ามประเทศผ่าน Blockchain เงินจากญี่ปุ่นมาไทยใน 20 นาที

ครั้งแรกในไทย สถาบันการเงินไทยเริ่มมีการนำ Blockchain มาใช้งานจริง หลังจากที่ Digital Ventures บริษัทในเครือของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ได้เข้าไปลงทุนใน Ripple บริษัท startup ด้าน Blockchain

ล่าสุด SCB ได้ร่วมมือกับ Ripple และ SBI Remit จากญี่ปุ่น นำ Blockchain มาใช้ในการให้บริการรับโอนเงินระหว่างประเทศแบบ Real Time สำหรับลูกค้ารายย่อยเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

โอนเงินจากญี่ปุ่นมาไทยได้ใน 20 นาที

อารักษ์ สุธีวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส Chief Strategy Officer ของ SCB บอกว่า บริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน Blockchain ครั้งนี้จะเป็นบริการขาเดียว คือ จากญี่ปุ่นมาไทยก่อนในเฟสแรก ลูกค้าบุคคลทั่วไปจากต้นทางประเทศญี่ปุ่นสามารถโอนสกุลเงินเยน (JPY) มาปลายทางบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ SCB ในไทยเป็นสกุลเงินบาท (THB) ผ่านสาขาและตู้เอทีเอ็ม ของ SBI Remit และที่ทำการไปรษณีย์ ประเทศญี่ปุ่นมาบัญชี SCB โดยตรง

ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ระบบจะตรวจสอบและเงินจะเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติภายในเวลาประมาณ 20 นาทีต่อรายการ จากปกติที่การโอนเงินระหว่างประเทศจะใช้เวลามากกว่า 1 วัน (ขึ้นกับระบบและประเทศ)

“การโอนเงินจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยแต่ละปีมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท การใช้เทคโนโลยี Blockchain จะทำให้คนไทยในประเทศญี่ปุ่นที่มีอยู่ประมาณ 40,000 คน โอนเงินกลับมายังประเทศไทย และผู้รับเงินในประเทศไทยได้รับเงินอย่างรวดเร็วผ่านบัญชีออมทรัพย์ของ SCB”

และเร็วๆ นี้ เตรียมเปิดบริการรับโอนเงินครอบคลุมกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก

ครั้งแรกกับ Blockchain ที่เป็นรูปธรรมจากฝั่งผู้ใช้ทั่วไป

สำหรับในวงการ FinTech แล้ว นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ Blockchain ถูกนำมาใช้งานเป็นรูปธรรมในฝั่งผู้ใช้ทั่วไป เท่ากับว่าตอนนี้มีธนาคารใหญ่ 2 รายคือ SCB และ KBank ที่นำ Blockchain มาเริ่มต้นให้ใช้งานกันแล้ว

การที่ SCB เลือกใช้ Blockchain ของ Ripple ที่ถือเป็น Private Blockchain รายใหญ่ของโลก ซึ่ง DV ได้เข้าไปลงทุนด้วย เช่นเดียวกับ SBI Remit ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยทาง SBI ได้ลงทุนกับ Ripple ด้วยเช่นเดียวกัน

เป็นรูปแบบพันธมิตรผ่านการลงทุนใน Ripple ด้วยกัน ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดพันธมิตรอื่นๆ ผ่าน Ripple จึงเป็นไปได้แน่นอน

ส่วนการให้บริการรับโอนเงินจากญี่ปุ่นมาไทยผ่าน Blockchain ทาง SCB ได้ทดสอบระบบใน Regulatory Sandbox ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย และได้รับอนุญาตนำบริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านเทคโนโลยี Blockchain มาให้บริการเชิงพาณิชย์ได้

สรุป

Blockchain กำลังเริ่มแสดงผลให้เห็น โดย SCB เริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานจริง โดยผู้บริโภคไม่ต้องรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร รู้แค่ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้บริการโอนเงินเร็วขึ้น และยังปลอดภัยเหมือนเดิม ซึ่งอนาคตน่าจะมีบริการอื่นๆ ตามออกมาอีกและเข้ามาแทนที่ของเทคโนโลยีเดิมๆ แบบผู้ใช้ไม่ต้องรู้ตัว แม้การโอนเงินไปต่างประเทศยังใช้ไม่ได้ (ตอนนี้มีแค่ขาเข้าขาเดียว) แต่อย่างน้อยในฐานะผู้รับเงิน เราก็ได้ใช้ Blockchain กันแล้ว

BX.in.th Bitcoin Exchange Thailand

Credit: https://brandinside.asia