Tag: ขุด bitcoin ยังไง

รวบรวม 22 เว็บไซต์จำเป็น เกี่ยวกับบิทคอยน์ ที่มือใหม่ ห้ามพลาด!

รวบรวมเว็บไซต์จำเป็น เกี่ยวกับบิทคอยน์ ที่มือใหม่ ห้ามพลาด!

มีคำถามที่ผู้เขียนได้รับจากมือใหม่ในวงการบิทคอยน์มากมาย เช่น

บิทคอยน์ คืออะไร? บิทคอยน์ เล่นยังไง? หา bitcoin ได้จากไหน? ขุด bitcoin ยังไง? Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่?? bitcoin ผิดกฎหมายไหม?

และอีกหลายพันคำถาม  ผู้เขียนจะพยายามตอบโดยผ่านบทความ หวังว่ามือใหม่ทุกคนจะได้คำตอบให้หายสงสัยกันบ้าง ไม่มาก ก็น้อย

20 คำถาม บิทคอยน์ Bitcoin สำหรับมือใหม่ มาไขข้อข้องใจกันเลย!

การลงทุนในตลาด คริปโตเคอเรนซี่ Cryptocurrency เป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในตอนนี้ สามารถสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล หรือขาดทุนได้ในพริบตา หากไม่ได้ศึกษาให้ดี มือใหม่หลายคนห็นเพื่อนรอบข้างเล่นบิทคอยน์ และ altcoin เลยมีความคิดที่อยากจะลองเล่น บิทคอยน์ บ้าง หรือลงทุนไว้บ้าง จากประสบการณ์ผู้เขียน การลงทุนในบิทคอยน์นั้นไม่ได้ง่ายขนาดนั้น บางช่วงเขียวทั้งกระดาน จิตใจฮึกเฮิม (จะรวย!!!คราวนี้แหล่ะเรา) ใส่ไปเต็มเม็ก ผลออกมาขาดทุนย่อยยับ ตามตลาดที่ผันผวน

 

ครั้งนึงผู้เขียนมีกำไรจากเหรียญ DGB ประมาณ 98% แต่ไม่ขาย หลังจากมีข่าวใหญ่ Bitcoin Hard fork ทำให้ติดดอย (ศัพท์ใช้เรียกในกรณีซื้อในราคาสูง ตอนนี้ราคาลดต่ำลงมาก เปรียบเหมือนอยู่ยอดดอยอินทนนท์ 555) ประมาณ (-70%)

ดังนั้นก่อนจะเริ่มก้าวเข้ามาในตลาดบิทคอยน์ ผู้เขียนอยากให้วางแผนการลงทุนให้ดีเสียก่อน และหากยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาข้อมูลการเล่นบิทคอยน์อย่างไร วันนี้ Goalbitcoin ได้รวบรวมเว็บไซต์ที่จำเป็นสำหรับมือใหม่ มาให้ได้ลองศึกษากัน   ไปดูกันเลยว่ามีเว็บไซต์ไหนบ้าง???

 

ก่อนที่จะทำการลงทุนก็ต้องซื้อ บิทคอยน์ก่อน ในไทยจะมี  5 เว็บไซต์ที่ให้บริการซื้อขายบิทคอยน์

1. BX.in.th 

เว็บชื้อ ขาย Bitcoin อันดับ 1 ของไทย จะแตกต่างจากแหล่งซื้อ ขาย เหรียญ Bitcoin ที่อื่นๆคือ เปิดซื้อขายในรูปแบบของกระดานหุ้น ทำให้ใครที่ต้องการซื้อ Bitcoin และเหรียญอื่นๆ ไปเพื่อการเก็งกำไร เหมือนหุ้นได้

2. Localbitcoin.com  

เป็นเว็บไซต์ P2P (Peer to Peer หรือ People to People) อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยน Bitcoin ระหว่างกัน ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยน Bitcoin กับผู้ใช้งานได้ทั่วโลก มีวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น Credit card, PayPal, MoneyGram, Western union, Bank Transfer หรือนัดเจอตัวต่อตัวเพื่อซื้อเงินสดได้

3. Coin.co.th

เป็นเว็บไซต์ที่หลายคนชอบใช้ในการซื้อ ขาย Bitcoin ด้วย ความรวดเร็วในการโอนเงิน Bitcoin ระหว่างกระเป๋า และกระบวนการรับซื้อ และขายเหรียญ Bitcoin ที่รวดเร็ว

4. Bitcoin.co.th

เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ของไทย ซึ่งให้บริการในการซื้อขายเหรียญ bitcoin  และได้แตกออกเป็นเว็บไซต์อีกแห่งหนึ่งนั่นคือ bx.in.th แต่ เว็บหลักคือ bitcoin.co.th ก็ยังอนุญาตให้สามารถทำการซื้อขายเหรียญ Bitcoin

5. CoinBX

เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์น้องใหม่ของไทย ซึ่งให้บริการในการซื้อขายเหรียญ bitcoin โดยมีเฉพาะเหรียญ Bitcoin เท่านั้น

รีวิว 5 แหล่งซื้อขาย Bitcoin ในไทย เปรียบเทียบชัดๆกันไปเลย!

 

 6.Coinmarketcap.com

เป็นเว็บที่สามารถเช็คราคา bitcoin และ Altcoin ได้ทั่วโลก มีลูกเล่นต่างๆอีกมากมาย เช่น กราฟ, Trending ,ข้อมูลย้อนหลัง และ tool อื่นๆๆ

มีหลายเว็บไซต์ที่ใช้เทรด แต่มีอยู่ 2 แหล่งใหญ่ที่คนทั่วโลกใช้เทรดบิทคอยน์ และ Altcoin อยู่ที่นี่ 

7. Bitfinex

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่ใหญ่ที่สุด สัญชาติไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 เว็บนี้ยังมีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมาก  อนุญาติให้เทรดแบบ margin ด้วย ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $1,765,985,568 นับว่าเป็นจำนวนที่สูงที่สุด เหมาะที่จะย้ายบิทคอยน์ Altcoin มาขายทำกำไรที่นี่ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.20 เปอร์เซ็นต์

8. Bittrex

เป็นกระดานเทรดของบริษัท  Bittrex inc ซึ่งมีฐานอยู่ในอเมริกา มีความน่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายจำนวนมาก เหมาะที่จะย้ายบิทคอยน์ Altcoin มาขายทำกำไรที่นี่

**** Poloniex

เป็นกระดานเทรดที่เคยได้รับความนิยมอย่างมาก แต่หลังจากทีมงานออกมาเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในการใช้งาน และทีม Support ตอบปัญหาล่าช้า ทำให้มีผู้ใช้หลายคนเกิดความไม่พอใจ ย้ายหนีมาที่ Bitfinex และ Bittrex ทำให้ปริมาณการซื้อขายเลยตกลงมา

>>>10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!<<<

สำหรับใครที่มองหาเว็บไซต์ที่ใช้ตีกราฟ มี Indicator สายเทคนิค ต้องไม่พลาด กับเว็บไซต์นี้

9. Tradingview  

เป็นเว็บไซต์ฟรีที่ใช้ วิเคราะห์กราฟ มีอินดิเคเตอร์ให้ใช้อย่างหลากหลาย มีความยืดหยุ่นสูง สามารถหาจุดซื้อ จุดขายบิทคอยน์ได้ง่ายขึ้น สามารถดูกราฟได้ทุกตลาดทั้ง Forex, หุ้น และ Cryptocurrency

10. Coinigy 

เป็นเว็บไซต์ที่ใช้ วิเคราะห์กราฟในตลาด Cryptocurrency โดยเฉพาะ  มีอินดิเคเตอร์ให้ใช้อย่างหลากหลาย ใช้งานง่าย ปรับรูปแบบได้ตามชอบ สามารถหาจุดซื้อ จุดขายบิทคอยน์ได้ง่ายขึ้น ใช้ฟรี 1 เดือน

 

ในกรณีที่มือใหม่อยากเทรดตามกูรู ก็มีเว็บไซต์ที่สามารถ Copy trade ได้ เช่นกัน

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำเรื่อง Copytrade  สำหรับมือใหม่ Copytrade หมายถึง การเลือกบุคคลที่ทำการเทรดให้เรา โดยเราสามารถทำ Copy การซื้อ ขายตาม กูรู ได้ โดยการ Copytrade สามารถทำบนเว็บไซต์ของทางโบรกเกอร์ที่ให้บริการ มีเว็บไซต์ที่ให้บริการในการ Copytrade ที่น่าเชื่อถือมีอยู่ 2 เจ้า ดังนี้

11. 1broker 

เป็นเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับซื้อ ขาย  Bitcoin เทรด forex, stocks, commodities, indices and cryptocurrencies อื่นๆ มีระบบ copytrade ให้สามารถตามการซื้อขายกับ นักเทรด มืออาชีพได้อย่างง่ายดาย

12. Etoro 

เป็นเว็บไซต์ซื้อขายเงินตรา (Forex) ที่น่าเชื่อถือ และมีโปรแกรม Copytrade ให้สามารถซื้อขายได้ตามกูรู มี Forex และ Bitcoin Copytrade ได้

หลักการง่ายๆต่อไปนี้คุณสามารถนำมาใช้ในการเลือกทำ Copytrade ได้อย่างง่ายดาย และมีความปลอดภัยอย่างมาก เช่น เช็คประวัติ และผลงานในเดือนที่ผ่านมา เลือกดูด้วยว่าความเสี่ยงอยู่ในระดับ ที่ยอมรับได้มั้ย?  หลังจากที่เช็คทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราสามารถแบ่งเงินลงทุนบางส่วน(แนะนำใช้เงินเย็น ที่พร้อมจะเสียโดยไม่เสียดาย) มาทำการ Copytrade ได้ 

 

สำหรับนักขุด ผู้เขียนได้ทดสอบ Cloud mining มาหลายเจ้า ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีตัวตนจริง เชื่อถือได้ ได้แก่

12. Genesis mining Cloud mining อันดับ 1 มีเหมืองอยู่ที่ไอซ์แลนด์ มีความน่าเชื่อถือที่สุด จ่ายเหรียญให้ทุกวัน

13. Hashflare Cloud mining ของแท้ 1 ใน 3 เหมืองของโลกที่ยังเปิดให้บริการอยู่

14. Hashnest ดำเนินงานโดย Bitmain ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องขุด ASIC ที่รู้จักกันดีในนาม Antminer

15. Hashing24 ขุดผ่านBitfury ซึ่งมี Data center อยู่ที่ ไอซ์แลนด์และจอร์เจีย

16. HashBX เป็นเหมืองของคนไทย อยู่ที่อุดรธานี

 

ส่วนใครที่ต้องการเก็บเหรียญ Bitcoin Altcoin ไว้ในที่ปลอดภัย กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะเพื่อใช้จัดเก็บบิทคอยน์ให้ปลอดภัย หลักการทำงานคือ จะต้องนำตัวอุปกรณ์จะต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บเล็ท ก่อนจะสามารถใช้งานบิทคอยน์ได้

17. Ledger Nano   

กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์  เป็นตัวที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาเครื่องมีมีหน้าจอ  ผลิตและจำหน่ายโดย Ledger บริษัทรักษาความปลอดภัยบิทคอยน์ชื่อดัง

18. Trezor 

กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์  ใช้จัดเก็บบิทคอยน์ให้ปลอดภัย  กระเป๋าสตางค์แบบฮาร์ดแวร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเก็บกุญแจส่วนตัวไว้นอกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยตรง

หาข้อมูล รวบรวม กระเป๋าบิทคอยน์ ประเภทต่าง ๆที่คุณควรรู้ ได้ที่นี่

และสุดท้ายแหล่งให้ความรู้ ข้อมูล เกี่ยวกับ บิทคอยน์ ในไทย ที่ทำให้คุณไม่พลาดข่าวสารในโลกคริปโต

19.  Goalbitcoin.com :

เป็นแหล่งให้ข้อมูล ความรู้ Bitcoin & Altcoin เหมาะสำหรับมือใหม่ ผู้เริ่มต้นลงทุนในวงการบิทคอยน์

20.  Thaicrypto.com

เป็นเว็บไซท์เพื่อนำเสนอข่าวสารด้านการลงทุนในเงินหรือสินทรัพย์ดิจิตัล และนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต

21.  siamblockchain.com :

 ช่วยนำเสนอสารเกี่ยวกับ Cryptocurrency และเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อคนไทย ในภาษาไทย

22.  ICOreview.com:

เว็บไซต์นำเสนอ ข่าวสาร รีวิว เหรียญ ICO 

ยังมีเว็บไซต์ดีๆอีกมากมายสำหรับนักลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ ก่อนจะลงทุนควรจะต้องศึกษาให้มากก่อน เพราะสมัยนี้ในโลกอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลหลากหลาย เพียงแค่เราขยันหน่อย คุณจะรู้ว่ามีข้อมูลดีดีอีกเยอะ 



Top 10 Best Altcoins จุดเด่น จุดด้อย ยังไง? ตัวไหนน่าลงทุน

เคยสงสัยไหม ว่า Bitcoinและสกุลเงินดิจิตอลคืออะไร ตัวไหนเป็น Top 10 Best Altcoins จุดเด่น จุดด้อย ยังไง? ตัวไหนน่าลงทุน ? 

 

ในบทความนี้มีคำตอบให้คุณ เริ่มด้วยการมารู้จักกับสกุลเงินหลักเลย นั่นก็คือ Bitcoin ซึ่งเป็น CryptoCurrency หรือสกุลเงินดิจิตอลแรกของโลก และยังมีสกุลเงินอื่นที่เรียกว่า เหรียญ Altcoin หรือ Alternate Coin คือเหรียญ cryptocurrency ทุกๆเหรียญที่ไม่ใช่ Bitcoin เนื่องด้วยความที่เหรียญ Bitcoin นั้นคือต้นกำเนิดของทุกๆสิ่ง ทำให้เหรียญที่โผล่ออกมาหลังจากนั้นบนเทคโนโลยี Blockchain จึงถูกเรียกว่าเหรียญทางเลือกหมด

 

วันนี้เราจะนำคุณไปรู้จักกับ Bitcoin และ Altcoin ที่น่าลงทุน10 อันดับ ในตารางการซื้อขายเหรียญพร้อมกับจุดเด่นจุดด้อย 

5 เว็บไซต์ซื้อขาย Bitcoin ในไทย หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

Top 10 Best Altcoins จุดเด่น จุดด้อย 

อันดับ

จุดเด่น

จุดด้อย

 อันดับ 1 Bitcoin (BTC)

เริ่มใช้งานในปี 2009

– เป็น CryptoCurrency แรกของโลก

– มีมูลค่าการซื้อขายในตลาด CryptoCurrency สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

– เป็นทียอมรับอย่างสากลในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย

– ค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนสูง

– รอการยืนยัน transection นาน

Bitcoin มีการพัฒนาต่อยอดระบบไปได้ช้า

อันดับ 2 Ether (ETH)

เริ่มใช้งานในปี 2015

– เป็นที่ต้องการในการรัน application บนระบบ Ethereum

– เป็นที่ต้องการจำนวนมากในการระดมทุน ICO ( Initial Coin Offering )

– องค์กรและสถาบันการศึกษาจำนวนมากเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเทคโนโลยี Ethereum

Ether คือ เชื้อเพลิงสำหรับระบบ Ethereum ไม่ใช่ออกแบบเพื่อเป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยน ณ ตอนนี้
อันดับ3 Bitcoin Cash (BCH)

เริ่มใช้งานในปี 2017

– HardFork พื้นฐานระบบมากจาก Bitcoin

– รองรับธุรกรรมทางการเงินพร้อมๆกันได้มากกว่า Bitcoin

– เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วสำหรับเว็บไซต์เทรดดิ้ง และ wallet ซอฟต์แวร์

– อยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มี Roadmap ที่แน่ชัดนัก

– ยังคลุมเครือสำหรับผู้ใช้งาน

อันดับ 4 Ripple (XRP)

เริ่มใช้งานในปี 2013

– เป็นที่ยอมรับของสถาบันการเงิน

สร้างขึ้นมาสถาบันการเงินในการแลกเปลี่ยนเงินตราและทรัพย์สินระหว่างประเทศ

– ยืนยันธุรกรรมการเงินได้รวดเร็วในระดับวินาที

– ทำงานบนระบบ private blockchain ซึ่งถูกจำกัดให้ดูแลโดยองค์กรต่างๆ

– บริษัทRipple lap มีส่วนครอบครองจำนวนเหรียญมากถึง 60% ของจำนวนทั้งหมดในการตลาด

อันดับ 5 Litecoin (LTC)

เริ่มใช้งานในปี 2011

– เป็นสกุลเงินอันดับสองของโลก CryptoCurrency

– คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า ด้วยจำนวนที่มาก และมีราคาถูกกว่า Bitcoin

– มีค่าธรรมเนียมถูก

 

แถบจะเหมือน Bitcoin และไม่มีฟีเจอร์ใหม่ๆให้ผู้ใช้งาน เหมือนเหรียญใหม่ๆ
อันดับ 6 Dash

เริ่มใช้งานในปี 2014

– สามารถปกปิดข้อมูลธุรกรรมการเงินต่อบุคคลภายนอกได้

– ออกแบบมาเพื่อเป็น CryptoCurrency ในการแลกเปลี่ยนซื้อ-ขาย

– ยืนยันธุรกรรมการเงินได้ในระดับวินาที

– มีระบบ ecosystem ที่ดีในการพัฒนาต่อยอดระบบ Dash

– ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

– อายุของสกุลเงิน Dash ยังไม่มากนัก

อันดับ 7 NEM (XEM)

เริ่มใช้งานในปี 2014

– NEM เป็นระบบ blockchain ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ได้ fork มาจาก CryptoCurrency ใดๆ

– เป็นมิตรกับ developer ด้วยความที่พัฒนาบนภาษาสากลอย่าง Java

– มีฟีเจอร์หลากหลายในการพัฒนา application blockchain บน NEM

 NEM ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นระบบ Blockchain คล้ายๆกับ Ethereum มากกว่าการที่จะใช้เป็น CryptoCurrency ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
อันดับ 8 IOTA

เริ่มใช้งานในปี 2014

– ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมการเงิน

– สามารถรองรับการใช้งานร้อมๆกันได้เป็นจำนวนมากในระบบ โดยที่ไม่ต้องทำการขยาย block size เหมือน Blockchain ทั่วไป

– ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
อันดับ 9 Monero(XMR)

เริ่มใช้งานในปี 2014

– ด้วยความที่ไม่สามารถติดตามธุรกรรมทางการเงินได้ เหรียญ Monero จะมีค่าตลอดไปถึงแม้ว่าจะถูกยักยอกส่งผ่านจากบัญชีที่ทำผิดกฎหมายก็ตาม

– ปกปิดธุรกรรมการเงินของผู้ใช้ ทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถติดตามธุรกรรมย้อนหลัง

– Application หรือ Wallet ที่ใช้งานกับสกุลเงินนี้มีจำนวนน้อยมากๆ ใช้งานได้ยาก
อันดับ 10 NEO

เริ่มใช้งานในปี 2014

NEO สามารถสร้าง เก็บ และแลกเปลี่ยนทรัพย์สินหรือสิ่งของในรูปแบบของเหรียญได้ ไม่ว่าจะเป็นของที่มีตัวตนบนโลกจริงๆหรือบนโลกดิจิตอล เช่นที่ดิน ทอง หุ้น สกุลเงิน เหรียญ ICO คะแนนสะสมแต้ม และอื่นๆอีกมาก – ข้อมูลข่าวสารติดตามยากเพราะเป็นภาษาจีน เราอาจได้ข่าวอาจช้ากว่าคนอื่น

– การแทรกแซงของรัฐบาลจีนในวงการ Blockchain

ตัวอย่างใน YouTube ที่ทำการทดลอง ถือเหรียญ Top 10 Best Altcoins ในปีที่แล้ว มาดูกันว่า 1 ปีผ่านไป เงินจำนวนนี้เพิ่มมูลค่าเป็นเท่าไหร่? ไปดูกันเลย!

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=_wNb9ZbPRYY[/embedyt]

ผู้เขียนอยากจะแนะนำมือใหม่ว่า การที่เราถือเหรียญใดๆไว้ ควรพิจารณาหลายอย่างประกอบด้วย การที่เราแบ่งเงินลงทุน มาเพื่อถือเหรียญที่มีอนาคต ในระยะยาว ถือว่าคุ้มค่ามาก จะเห็นได้จากตัวอย่างใน YouTube ที่ทำการทดลอง ถือเหรียญ Top 10 Best Altcoins ในปีที่แล้ว โดยถ้าเราลงทุนเหรียญเหล่านี้ ตัวละ 1000 ดอลล่าร์ 1 ปี ผ่านไป เงินก้อนนี้จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เป็น 240,279 ดอลล่าร์ 

 

สรุป CryptoCurrency ยังเป็นสิ่งที่น่าลงทุนมากเพราะ Bitcoin ยังมีการเติบโตเรื่อยๆ และยังครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ของตลาด ปริมาณการซื้อขายของมันมากกว่าเงินดิจิตอลสกุลอื่นๆ บางคนก็เชื่อว่าเงินดิจิตอลนี้จะเป็นฟองสบู่ที่ใกล้จะแตก แต่ด้วยการเมืองที่มีความขัดแย้งต่าง ๆ และสภาพเศรษฐกิจจะทำให้ราคา bitcoin สูงขึ้นยิ่งกว่านี้ แต่เหรียญ Altcoin อย่าง Ethereum และ Ripple นั้นถูกใช้ในองกรณ์ก็เริ่มมีความเป็นที่นิยมเช่นกัน ขณะที่เงินดิจิตอลอื่นๆก็มีฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมมาจาก Bitcoin ซึ่งเทรนตอนนี้เงินดิจิตอลยังไปได้ดี จึงไม่แปลกที่สกุลเงินดิจิตอลเหล่านี้จึงน่าลงทุนเพื่อกินกำไรจากการเติบโตของมัน




ขุด bitcoin ยังไง ให้มีรายได้แบบ Passive income

วิธีการได้ Bitcoin มาครอบครอง แบ่งได้เป็น 3 แบบ ดังนี้

1. ได้มาโดย การขุด bitcoin

การขุด หรือ mining ถือเป็นต้นกำเนิดของ bitcoin  เพราะทำให้ปริมาณเหรียญ bitcoin ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก การขุดนั้นสามารถทำได้โดยการใช้การ์ดจอ หรือ CPU, ชื้อเครื่องขุด ASIC หรือ การขุดแบบ Cloud Mining ที่สะดวกสำหรับผู้ใช้งาน

หาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้เริ่มต้นขุด bitcoin Mining ได้ ที่นี่

 

2.ได้มาโดยการซื้อ bitcoin กับ แหล่งซื้อ ขาย bitcoin

แบบที่ 2 นี้คือการที่เราเอาเงินบาทไปซื้อเหรียญ bitcoin มาโดยตรงและเก็บเข้ากระเป๋า bitcoin ของเรา ลักษณะคล้ายกับการที่เราไปซื้อทองออกมานั่นเอง เมื่อช่วงใดก็ตามที่ราคาของ bitcoin มีราคาสูงขึ้น คุณก็อาจสามารถขายออกมาทำกำไรได้

หาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ 4 เว็บ ซื้อ ขาย bitcoin ในไทย 2023 ได้ ที่นี่

 

3. ได้มาโดยวิธีการอื่นๆ

แบบที่ 3 นี้ถือว่าง่ายที่สุดในการได้มาซึ่งเหรียญ bitcoin เช่น การเล่นเกมส์ ได้บิทคอยน์ ฟรี หรือ ลงทุน เพื่อให้ได้เหรียญมา แต่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นวิธีการที่เสี่ยง และจะต้องรู้จักเลือกเสียหน่อย เพราะถ้าเลือกผิด คุณอาจสูญเงินต้นของคุณไปทั้งหมดได้

 

วันนี้เราจะมาพูดถึง การขุด bitcoin ยังไง ให้มีรายได้แบบ Passive income ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ อาจจะยากต่อการเข้าใจ แต่เมื่อผู้อ่านได้ลองเปิดใจศึกษา ทดลองดู ผู้เขียนรับรองเลย ว่ามันง่ายมาก  สามารถทำให้คุณมีรายได้แบบ  Passive income แน่นอน

 

การขุด bitcoin ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด และง่ายที่สุดหากเทียบกับการได้มาซึ่ง bitcoin เมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ โดยการขุดนั้นสามารถมอบผลตอบแทนให้คุณในรูปแบบ Passive income ต่อเดือนเลยทีเดียว

 

 วิธีการขุด bitcoin มีด้วยกัน 3 วิธีด้วยกัน ดังนี้

1.    ใช้การ์ดจอขุด

2.     ใช้เครื่อง ASIC Miner

3. ขุดแบบ Cloud Mining

เป็นวิธีการที่ใช้กันเป็นจำนวนมาก นั่นคือการใช้ฮาร์ดแวร์ขุด bitcoin ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้การ์ดจอ ในการขุด เช่น GTX970 หรือ R9 280 เป็นต้น การใช้เครื่องคอมที่ประกอบขึ้นมาเพื่อขุด bitcoin โดยเฉพาะ เครื่องเหล่านี้มีชื่อเรียกว่าเครื่อง Asic Miner ซึ่งมีหลายบริษัทที่ผลิตเครื่องเหล่านี้มาจำหน่าย นั่นคือการเช่ากำลังขุด จากเหมืองขุดทั่วโลกที่มีการเปิดให้บริการอยู่  บริษัทเหมืองที่เชื่อถือได้ มีดังนี้

Genesis-Mining, Hashflare, Hashnest,

HashBX

 

     
ผลตอบแทน

สามารถมอบผลตอบแทนให้ได้มากถึง 10-50% ของมูลค่าการ์ดจอที่ลงทุนไป

ผลตอบแทน

โอกาสในการคืนทุนนั้นสูงกว่าแบบแรก ใช้เวลาประมาณ (2-3 เดือนเท่านั้น)

ผลตอบแทน

สามารถคำนวณราคาของผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาได้อย่างรวดเร็ว (3-10 เดือน ขึ้นอยู่กับราคาเหรียญ)

ข้อดี

  • ได้เงิน bitcoin โดยไม่ต้องแบ่งใคร
  • ให้ความรู้สึกเหมือนว่ามีเหมืองขุดที่ทันสมัยอยู่ที่บ้าน
ข้อดี

  • ราคาถูกกว่าการใช้การ์ดจอ
  • ประหยัดค่าไฟมากกว่า
  • ให้กำลังในการขุด bitcoin มากกว่าแบบใช้การ์ดจอ
  • คืนทุนในการขุดเร็วกว่ามาก
ข้อดี

  • ไม่ต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่บ้าน
  • ไม่จำเป็นต้องมานั่งปวดหัวเรื่องขายเครื่องขุดมือสอง เมื่อเครื่องที่ใช้อยู่เริ่มตกรุ่น

 

ข้อเสีย

  • จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูง
  • มีค่าไฟฟ้าที่สูง
  • ต้องซ่อมเครื่องเอง
ข้อเสีย

  • เมื่อค่า diff พุ่งขึ้นมาก การขุด bitcoin  จะได้เหรียญออกมาน้อยลงไปเรื่อยๆ
  • เครื่องขุดไม่สามารถนำไปใช้งานอย่างอื่นได้เลย

 

ข้อเสีย

  • ความเสี่ยงต่อการถูกหลอกจากเหมืองปลอม
  • การขุดเหรียญที่ในบางครั้ง ไม่โปร่งใส
  • มีสัญญาการขุด

 

การขุดบิทคอยน์ แบบใช้การ์ดจอ และ  Asic Miner เหมาะสำหรับนักขุดที่มีเงินลงทุนสูง พร้อมรับความเสี่ยงๆต่างๆเอง เช่น ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาเครื่องขุดให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง



แต่สำหรับการขุดแบบ cloud mining จะทำให้การลงทุนขุดบิทคอยน์ เป็นเรื่องง่าย เพราะมีบริษัทที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการให้เรา และแบ่งผลประกอบการจากเงินที่เราลงทุนไป โดยให้ผลตอบแทนเป็นรายวัน นี่เองที่ถือว่าเป็นรายได้แบบ passive income อย่างแท้จริง โดยอัตราผลตอบแทนของการขุดแบบนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10-30% ต่อเดือน โดยใช้เวลาคืนทุนประมาณ 3-10 เดือน ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุน และราคาเหรียญ ณ ตอนนั้น ยิ่งเหรียญบิทคอยน์ มีราคาสูง จะยิ่งคืนทุนได้เร็ว

ห้ามลืม กระเป๋าบิตคอยน์สิ่งที่ต้องมีก่อนการขุด bitcoin ก่อนที่คุณจะสามารถเก็บเหรียญ Bitcoin ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณจะต้องมีกระเป๋า bitcoin เสียก่อน สำหรับกระเป๋า bitcoin สามารถสมัคร BX เพื่อใช้เป็นกระเป๋ารับส่งบิทคอยน์ ฟรี ได้ทันที

 

 ผู้เขียนได้ทดสอบ Cloud mining มาหลายเจ้า ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีตัวตนจริง เชื่อถือได้ ได้แก่

  • Genesis mining Cloud mining อันดับ 1 มีเหมืองอยู่ที่ ไอซ์แลนด์
  • Hashflare Cloud mining ของแท้ 1 ใน 3 เหมืองของโลกที่ยังเปิดให้บริการอยู่
  • Hashnest ดำเนินงานโดย Bitmain ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องขุด ASIC ที่รู้จักกันดีในนาม Antminer
  • Hashing24 ขุดผ่านBitfury ซึ่งมี Data center อยู่ที่ ไอซ์แลนด์และจอร์เจีย
  • HashBX เป็นเหมืองของคนไทย อยู่ที่อุดรธานี
อ่านเพิ่มเติม รีวิว Cloud mining คืออะไร สร้างรายได้จริง? ไม่หลอกลวง?

เมื่อนักลงทุนได้ทำการลงทุน กับบริษัท cloud mining แล้ว บริษัทนั้นจะจ่ายผลตอบแทนของการขุดตามกำลังขุดที่เรามีในทุกๆวันโดยเราสามารถเข้าไปดูในข้อมูลการจ่ายเงินได้  เราจะได้ผลตอบแทนเป็น Bitcoin เรื่อยๆแต่ก็น้อยลงไปตามค่า Diff ที่เพิ่มขึ้น

หากใครกำลังมองหา Cloud mining ที่ขุด Bitcoin ที่น่าเชื่อถือหรือต้องการกระจายความเสี่ยง  บริษัทที่เขียนไว้ตามลิสต์เหล่านี้  นั้นค่อนข้างน่าสนใจสำหรับการขุด Bitcoin เนื่องจากการให้ผลตอบแทนรายวันรวมถึงมีความปลอดภัยสูง ถึงแม้อัตราคืนทุนจะค่อนข้างนานแต่สัญญาของการขุด Bitcoin นั้นเป็นแบบ Open end ซึ่งจะได้ผลตอบแทนไปเรื่อยๆซึ่งอย่างน้อยถ้าเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในปัจจุบันมันดีกว่าแน่นอน  

**** แต่ก็อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง หากเราต้องการผลตอบแทนที่ดีมันแลกมาด้วยความเสี่ยงเสมอซึ่งผู้ลงทุนควรจะตัดสินใจให้ดีก่อนการลงทุน

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่