9 เรื่อง ที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนซื้อ คริปโต

คริปโต

เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยได้เห็นหรือได้ยินคำว่า คริปโต มาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะในช่วงหลายปีมานี้กระแสความนิยมในคริปโต เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่สำหรับมือใหม่คงยังมี คำถามและข้อสงสัยมากมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีและถูกต้องแล้ว เพราะก่อนจะลงทุนอะไรก็ตาม เราก็ควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจรอบด้าน บทความนี้จึงรวบรวมข้อมูลพื้นฐานและเรื่องราวที่นักลงทุนมือใหม่ควรต้องรู้ก่อนลงสนามคริปโตมาฝาก จะเป็นอย่างไรไปดูกัน

1. คริปโต คืออะไร ?

คริปโต เป็นชื่อเรียกย่อๆ ของ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ซึ่งเกิดจากการรวมคำว่า Cryptography ที่แปลว่าการเข้ารหัส และคำว่า Currency ที่แปลว่าสกุลเงินเข้าไว้ด้วยกัน เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) โดยมีสกุลเงินหลายชนิด เช่นเดียวกับที่มีเงินบาท เงินดอลลาร์ แต่สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีจะมีชื่อเรียกเฉพาะ เช่น บิทคอยน์ อีเธอเรียม ฯลฯ

2. คริปโต ต่างจากเงินทั่วไปอย่างไร ?

คริปโตต่างจากเงินที่เราใช้กันตรงที่มันไม่สามารถจับต้องได้ ไม่ได้เป็นเหรียญหรือธนบัตร แต่เป็นเพียงข้อมูลที่อยู่ในระบบบล็อกเชน ถูกสร้างขึ้นโดยภาคเอกชน ต่างจากเงินทั่วไปที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ซึ่งมีมูลค่าเพราะได้รับการรับรองให้สามารถใช้ทำธุรกรรมได้อย่างถูกกฎหมาย ในขณะที่มูลค่าของคริปโตจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีคนให้ค่า หากมีคนนิยมใช้เยอะ มูลค่าก็จะสูงขึ้น

3. คริปโตดีกว่าเงินทั่วไปอย่างไร ?

การทำธุรกรรมทางการเงินปกติจะต้องทำผ่านธนาคาร แต่คริปโตไม่ต้อง เพราะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนแทน ซึ่งเชื่อมต่อได้ทั่วโลก จึงสะดวกรวดเร็วกว่า ทำธุรกรรมได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง และยังเสียค่าธรรมเนียมน้อยกว่าด้วย อีกทั้งหลักการกระจายข้อมูลที่ทุกคนบนเครือข่ายสามารถตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมได้ ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความโปร่งใส การจะแก้ไขหรือปลอมแปลงจึงเป็นไปได้ยาก

4. คริปโต เล่นยังไง เหมือนการซื้อขายหุ้นไหม ?

ลักษณะการซื้อขายของคริปโตกับหุ้นใกล้เคียงกัน แต่ผลประโยชน์ที่ได้ไม่เหมือนกัน การเทรดคริปโตคือการเอาเงินบาทไปซื้อขายกับเงินอีกหนึ่งสกุล หรือเปลี่ยนเงินสกุลคริปโตจากสกุลหนึ่งไปเป็นอีกสกุล ในขณะที่การซื้อหุ้นเป็นการลงทุนในกิจการของบริษัทนั้นๆ เราจะได้สิทธิ์ต่างๆ ในฐานะผู้ถือหุ้น เช่น สิทธิ์เข้าร่วมประชุม สิทธิ์ในการออกเสียง ได้เงินปันผลจากกำไรของบริษัท เป็นต้น และที่สำคัญก็คือตลาดคริปโตเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีเวลาเปิด-ปิดเหมือนตลาดหุ้น จึงทำให้มีความผันผวนและความเสี่ยงที่สูงกว่า

5. คริปโต กับ โทเคนต่างกันอย่างไร

คริปโตและโทเคนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนกัน แต่คริปโตเป็นเหรียญที่สร้างบนเครือข่ายบล็อกเชนของตัวเอง โดยมีวัตถุประสงค์ในการใช้ชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงิน ในขณะที่โทเคนสร้างบนบล็อกเชนของคนอื่น และทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง เช่น Investment Token ที่ทำขึ้นเพื่อระดมทุน, Gaming Token ที่ใช้ซื้อขายไอเทมในเกม, Utility Token ที่ใช้ซื้อสินค้าและบริการของที่นั้นๆ โดยเฉพาะ หรือ Non Fungible Token (NFT) ที่มีลักษณะเป็นผลงานศิลปะ ภาพวาด ภาพถ่าย เป็นต้น

6. บิทคอยน์คืออะไร ?

บิทคอยน์ คือสกุลคริปโตสกุลแรกของโลก ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 โดยซาโตชิ นากาโมโตะ และเนื่องจากปริมาณที่มีอย่างจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น จากในช่วงแรกที่บิทคอยน์ 1 เหรียญ มีมูลค่าเท่ากับ 0.000764 USD หรือเพียงไม่กี่สตางค์ ก็พุ่งทะยานไปแตะ 69,000 USD หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบิทคอยน์ถูกขุดออกมาแล้วประมาณ 18.8 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะขุดได้ครบ 21 ล้านเหรียญภายในปี 2140

7. อีเธอเรียมคืออะไร ?

อีเธอเรียม เป็นหนึ่งในสกุลคริปโตเคอเรนซี ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้บิทคอยน์ เพราะมีความพิเศษกว่า เนื่องจากอีเธอเรียม มีเครือข่ายบล็อกเชนที่รองรับโปรแกรม Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะ ที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถใช้งานได้ เช่น การสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) การให้บริการทางการเงินที่ไม่ผ่านธนาคาร (DeFi), การสร้าง NFT Non-Fungible Token, การระดมทุนผ่าน ICO ในธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ต้องการใช้ Smart Contract ก็ต้องมีเหรียญอีเธอเรียม จึงทำให้ความนิยมและมูลค่าของอีเธอเรียมเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง

8. ไทยมีเหรียญคริปโตหรือไม่ ?

อย่างที่บอกว่าคริปโตถูกสร้างขึ้นโดยภาคเอกชน หลายบริษัทของไทยจึงมีการสร้างคริปโตขึ้นด้วยเหมือนกัน เหรียญที่ได้รับความนิยม เช่น Bitkub Coin (KUB) ของ Bitkub Exchange , JFIN Coin (JFIN) ของ JMART Group, SIX Coin (SIX) ของ Six Network, Alpha Finance (ALPHA) ของ Alpha Finance Lab เป็นต้น

9. คริปโต ใช้ในไทยได้จริงไหม ?

คริปโตสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการได้หลายแห่งในประเทศไทย เช่น Major Cineplex, ร้านกาเเฟอินทนิล ในปั๊มบางจาก, The Mall Group, สายการบิน Bangkok Airways รวมถึงในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์, แสนสิริ และอีกมากมาย อย่างไรก็ตามถือว่ายังอยู่ในวงที่จำกัดมาก และธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังออกมาประกาศไม่สนับสนุนให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ราคามีความผันผวนสูง เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ และยังเป็นช่องทางฟอกเงิน หรือซื้อ-ขายสินค้าผิดกฎหมายได้อีกด้วย

เราก็คงต้องมาคอยติดตามกันต่อไปว่า ในอนาคตประเทศไทยจะมีการรับรอง หรือออกมาตรการอะไรเกี่ยวกับคริปโตมาเพิ่มหรือไม่ อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้สนใจลงทุนในคริปโตอยู่ไม่น้อย เพราะเชื่อว่าคริปโตจะมีบทบาทและมูลค่าที่สูงขึ้นในอนาคต ประกอบกับความผันผวนของราคาในปัจจุบันที่แม้จะสูงมาก แต่ก็ทำให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างได้มากเช่นเดียวกัน

Hardware wallet เก็บบิทคอยน์

บทความที่เกี่ยวข้อง

4 อันดับ เทรดคริปโต ที่ไหนดี สำหรับคนไทย ที่ได้รับการรับรองจาก กลต ปี 2023

ขุดบิทคอยน์ คืออะไร ? คุ้มค่าไหมที่จะลงมือขุดเอง ?

เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

blockchain คือ อะไร? ทำไมถึงเป็นเทคโนโลยีมาแรงสำหรับยุคนี้

6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง!


A side profile of a woman in a russet-colored turtleneck and white bag. She looks up with her eyes closed.

“การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้นั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนใน บิทคอยน์ Bitcoin, Altcoin หรือ เหรียญตัวไหน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง สุดท้ายนี้ พวกเรา GoalBitcoin ขอให้ทุกคนโชคดี ร่ำรวย มั่งคั่ง มีความสุขกับการลงทุนใน Cryptocurrency นี้ ด้วยกันทุกคน”

— GoalBitcoin Team