ความผันผวนตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ บิทคอยน์ กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ทั้งในช่วงที่มูลค่าพุ่งขึ้นไปสูงสุดถึง 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ และช่วงที่ราคาตกลงมาเหลือ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลาแค่ครึ่งปี อย่างไรก็ตามมูลค่าที่ลดลงก็ไม่ได้ทำให้บิทคอยน์หมดความน่าเชื่อถือไปเสียทีเดียว เพราะยังมีนักลงทุนอีกมากที่มองว่าเป็นโอกาส รวมถึงนักลงทุนหน้าใหม่ที่สนใจสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น บทความนี้จึงจะพาไปทำความรู้จักบิทคอยน์แบบเจาะลึก เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจในการลงทุน
บิทคอยน์ คืออะไร ?
บิทคอยน์ คือสกุลเงินดิจิตอลที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นระบบบันทึกข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ และไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของใครคนใดคนหนึ่ง แม้จะไม่สามารถจับต้องได้เหมือนกับธนบัตรหรือเหรียญ แต่สามารถใช้ซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการแทนเงินสดได้ในร้านที่รับชำระเงินด้วยบิทคอยน์
บิทคอยน์ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นโดย ซาโตชิ นากาโมโตะ ซึ่งเป็นเพียงนามแฝงของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่ง ไม่มีใครทราบว่าเขาคือใคร แต่เขาได้เผยแพร่บทความ “Bitcoin: a Peer-to-Peer Electronic Cash System” ในปี 2008 ที่พูดถึงการใช้นวัตกรรม Peer-to-Peer ในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ และมีการขุดบิทคอยน์ครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งแม้ในตอนนั้นจะมีมูลค่าเท่ากับ 0 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของคริปโตสกุลแรก
บล็อกเชน ทำงานอย่างไร ?
บิทคอยน์ทำงานด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ โดยจะมีการบันทึกข้อมูลธุรกรรมต่างๆ เป็นบล็อก แต่ละบล็อกจะเชื่อมต่อกันเหมือนโซ่ โดยมีการทำสำเนาข้อมูลในบล็อกก่อนหน้ามารวมกับบล็อกที่สร้างใหม่ อีกทั้งยังมีการเข้ารหัสไว้ จึงทำให้ข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ แต่ผู้ใช้งานทุกคนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบข้อมูลได้
การขุดบิทคอยน์คืออะไร ?
การขุดบิทคอยน์คือ การถอดรหัสสมการทางคณิตศาสตร์ซึ่งมีความซับซ้อน จึงต้องอาศัยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้ที่ทำสำเร็จเป็นคนแรกจะได้รางวัลเป็นบิทคอยน์จำนวนหนึ่ง ซึ่งรางวัลนี้จะลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปี หรือที่เรียกว่า Bitcoin Halving โดยเริ่มครั้งแรกในปี 2012 และกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2024
บิทคอยน์ เล่นยังไง ?
การเล่นบิทคอยน์ที่คนพูดถึงกันคือ การเทรดหรือซื้อขายบิทคอยน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ลักษณะคล้ายกับการซื้อขายหุ้น แต่สิ่งที่ผู้เล่นต้องมีคือกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับเก็บเหรียญ ซึ่งบางแพลตฟอร์มก็มีให้ เช่น Bitkub, Binance โดยหลังจากเปิดบัญชีเรียบร้อย ก็สามารถโอนเงินเข้าระบบและทำการซื้อขายได้ทันที ทั้งนี้ควรเลือกใช้บริการแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ หรือผ่านการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อความปลอดภัย
สรุปข้อดี-ข้อเสียของบิทคอยน์
ข้อดี :
- สะดวก ใช้ทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ค่าธรรมเนียมถูกกว่า และใช้ชำระค่าสินค้าบริการได้หลากหลาย
- โปร่งใส ทุกคนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมของบิทคอยน์ที่อยู่บนบล็อกเชนได้
- ปลอดภัย ระบุตัวตนด้วย Public key และ Private key ซึ่งมีลักษณะเป็นชุดตัวเลข ไม่มีข้อมูลที่ระบุตัวตน จึงยากต่อการเจาะหรือเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยเป็น 2 เท่าในการเก็บรักษาข้อมูล
- เป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ต้องอาศัยตัวกลาง เช่น ธนาคาร ในการทำธุรกรรม
- ผลตอบแทนสูง ความผันผวนของราคา ทำให้มีโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างได้มาก
ข้อเสีย :
- ร้านที่รับบิทคอยน์มีน้อย ประเทศไทยยังไม่รับรองให้ใช้บิทคอยน์อย่างเป็นทางการ แม้จะมีหลายร้าน หลายบริษัทที่รับชำระด้วยบิทคอยน์ แต่ก็ยังถือว่าน้อยมาก
- ใช้งานยากกว่าเงินปกติ ต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงขั้นตอนการโอนเงินก็ยุ่งยากกว่า
- ความผันผวนสูง มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดความผันผวน เช่น อุปสงค์อุปทานของบิทคอยน์ ข่าวสาร กฎหมาย ความกังวลเรื่องความปลอดภัย เป็นต้น
- ไม่มีหน่วยงานดูแล แม้ข้อดีจะทำให้บิทคอยน์มีอิสระ แต่ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกำหนดราคาเพดาน (Ceiling) ราคาพื้น (Floor) หรือ การหยุดการซื้อขายโดยอัตโนมัติ (Circuit Breaker) อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย
- เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ข้อมูลในการทำธุรกรรมด้วยบิทคอยน์ทั้งหมดจะถูกบันทึกลงบล็อกเชน และไม่สามารถแก้ไขได้ นั่นหมายความว่าหากโอนผิด โอนเกิน หรือถูกหลอกให้โอน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
- เสี่ยงต่อการสูญหาย แม้โอกาสถูกแฮ็กจะน้อย แต่หากทำ Private Key หาย มิจฉาชีพก็สามารถเข้าถึงข้อมูลและทำการโจรกรรมได้
สำหรับแนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าภาวะตลาดหมีเริ่มมีสัญญาณที่จะสิ้นสุด จึงคาดว่าในปี 2024 มูลค่าของบิทคอยน์มีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังนักลงทุนเริ่มกลับมาซื้อบิทคอยน์ ประกอบกับ Bitcoin Halving ครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางส่วนแสดงความเห็นว่า แม้ที่ผ่านมาราคาบิทคอยน์จะเพิ่มสูงขึ้นหลัง Bitcoin Halving แต่ก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าครั้งนี้ราคาจะสูงขึ้นเหมือนเดิม เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคา เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลก, การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หรือมาตรการของภาครัฐ นักลงทุนจึงต้องคอยติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
บิทคอยน์ เสี่ยงมากมั้ย?
ความเสี่ยงในการเล่นบิทคอยน์หรือเงินคริปโต นั้นมีหลายอย่าง มันมีความเสี่ยงทั้งในเรื่องการกำกับดูแล ปัจจัยความมั่นคง การผันผวนในตลาด ตลอดจนการหลอกลวงรูปแบบต่าง ๆ หรือที่เรียกว่าอาชญากรรมคริปโต ดังนี้
- ปัญหาการกำกับดูแล: เรื่องการกำกับดูแลและความมั่นคงของบิทคอยน์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากบิทคอยน์เป็นเทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมหลายๆ ด้าน ทำให้มีการต้านทานและข้อถกเถียงเกี่ยวกับกฎหมายที่มาจากฝ่ายต่างๆ ในหลายประเทศ การสร้างกฎระเบียบและการจัดเก็บภาษีคริปโตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น
- ปัญหาภัยโลกไซเบอร์: การใช้บิทคอยน์ถือว่าค่อนข้างซับซ้อนเมื่อเทียบกับทางเลือกชำระเงินแบบอื่น นี่จึงถือเป็นโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาฉกฉวยหาผลประโยชน์จากคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในการใช้บิทคอยน์ โดยบิทคอยน์ได้รับการรายงานว่าเป็นเงินคริปโตที่มีอาชญากรรมไซเบอร์มากที่สุด
- ปัญหาความผันผวนของตลาด: เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ผู้เล่นบิทคอยน์ต้องให้ความสำคัญ โดยต้องศึกษาทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานให้ถี่ถ้วน รวมทั้งติดตามข่าวสารวงการคริปโต อย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อขายบิทคอยน์ทุกครั้ง ที่สำคัญ ต้องหมั่นอัปเดตราคาเหรียญบิทคอยน์และเหรียญอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอควบคู่กันด้วย
บิทคอยน์ ถูกกฎหมายหรือยัง ?
สถานะของบิทคอยน์ในปัจจุบันแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ บางประเทศอนุญาตให้ทำการเทรดบิทคอยน์ บางประเทศให้บิทคอยน์เป็นหมือนกับสกุลเงินทั่วไป ซึ่งสามารถชำระหนี้ตามกฎหมายได้โดยถูกต้อง
บางประเทศได้มีการออกกฎหมายรับรองเงินคริปโตอย่างเป็นทางการ เช่น
- เดือนเมษายน ปี 2017 ญี่ปุ่นอนุญาตให้บิทคอยน์ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
- เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2019 นิวซีแลนด์ได้ประกาศให้การจ่ายเงินเดือนด้วยบิทคอยน์เป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย
- เอลซัลวาดอร์เดินหน้าผลักดันการใช้บิทคอยน์ ทั้งผ่านร่างกฎหมายให้บิทคอยน์ใช้ชำระเงินได้ถูกต้องตามกฎหมาย และกระตุ้นการใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ มาโดยตลอด
- แอฟริกลางที่ออกมารับรองบิทคอยน์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ถูกต้องตามกฎหมายเป็นประเทศที่สองของโลกเมื่อปี 2022 เป็นต้น
- นอกจากนี้ หลายประเทศยังมีกฎระเบียบกำกับการเทรดบิทคอยน์โดยตรง เช่น ผู้ให้บริการกระดานเทรดบิทคอยน์ในสหรัฐอเมริกา จะต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องภายใต้ Bank Secrecy Act
- ธนาคารกลางของจีนออกเงินสกุลดิจิทัลของตัวเอง ชื่อว่า ‘ดิจิทัลหยวน’ โดยผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวและเริ่มใช้งานเมื่อปี 2020 รวมทั้งออกมาตรการแบนการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตทุกรูปแบบเมื่อปี 2021
- ประเทศไทยทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ออกกฎระเบียบการเทรดบิทคอยน์ออกมาเรียบร้อยแล้ว ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดสกุลเงินดิจิทัลทุกรายจะต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง
คำถามที่ถามบ่อย FAQ
ถาม : ทำไมบิทคอยน์จึงมีความเสี่ยงสูง ?
ตอบ : บิทคอยน์มีการซื้อขายกันตลอดเวลา ทุกวัน 24 ชั่วโมง โดยไม่มีหน่วยงานหรือมาตรการใดควบคุม สิ่งนี้เหมือนดาบสองคม เพราะแม้นักลงทุนจะมีโอกาสทำกำไรได้มากในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็มีโอกาสขาดทุนได้พอๆ กัน
ถาม : บิทคอยน์ถูกกฎหมายไหม ?
ตอบ : ในประเทศไทยบิทคอยน์ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ยังไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามสำนักงาน ก.ล.ต. ก็มีการออกกฎเกี่ยวกับการเทรดมาเรื่อยๆ เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน
ถาม : บิทคอยน์ราคาเท่าไหร่ ?
ตอบ : ปัจจุบันมูลค่าของ 1 บิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ 27,000 กว่าดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้านกว่าบาทไทย
ถาม : บิทคอยน์ได้เงินยังไง ?
ตอบ : วิธีได้เงินจากบิทคอยน์มี 2 วิธีคือ การขุดบิทคอยน์ และการเทรดเพื่อหากำไรจากส่วนต่าง
บทความที่เกี่ยวข้อง
ขุดบิทคอยน์ คืออะไร ? คุ้มค่าไหมที่จะลงมือขุดเอง ?
เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก
blockchain คือ อะไร? ทำไมถึงเป็นเทคโนโลยีมาแรงสำหรับยุคนี้
6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง!
“การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้นั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนใน บิทคอยน์ Bitcoin, Altcoin หรือ เหรียญตัวไหน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง สุดท้ายนี้ พวกเรา GoalBitcoin ขอให้ทุกคนโชคดี ร่ำรวย มั่งคั่ง มีความสุขกับการลงทุนใน Cryptocurrency นี้ ด้วยกันทุกคน”
— GoalBitcoin Team