เคลียร์ชัด ! เงินดิจิตอล 10000 บาท ได้จริงไหม ? ใช้อย่างไร ?

 เงินดิจิตอล 10000 บาท

หลังจากที่นาย เศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นโยบาย เงินดิจิตอล 10000 บาท ที่เคยประกาศตอนหาเสียงก็ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล บ้างก็ถกเถียงกันถึงความเป็นไปได้ว่าจะแจกจริงหรือไม่ บ้างก็ตั้งคำถามถึงที่มาของเงิน รวมถึงสิทธิ์ที่จะได้รับว่าจะได้ทุกคนไหม และจะใช้อย่างไร บทความจึงจะพาทุกคนมาเคลียร์ให้ชัดทุกประเด็น

ทำความรู้จักนโยบายเงินดิจิตอลคืออะไร ?

นโยบายเงินดิจิตอล 10000 บาท เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้ตอนหาเสียง โดยดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะเดินหน้านโยบายกระเป๋าเงินดิจิตอลวอลเล็ต เพื่อฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยประชาชนคนไทยทุกคนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินดิจิตอลจำนวน 10,000 บาท และใช้ระบบบล็อกเชน (Blockchain) เข้ามาช่วย แน่นอนว่าหลังจากที่มีการประกาศนโยบายนี้ออกมา ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เพราะหากคำนวณจากจำนวนประชากรที่มีสิทธิ์ได้รับ จะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 5.6 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

คำถามที่ตามมาก็คือเงินส่วนนี้จะมาจากไหน ซึ่งหากเราไปดูในเอกสารของพรรคเพื่อไทย ได้ระบุไว้ว่า งบประมาณส่วนนี้จะมาจากรายได้ของรัฐในปี 2567, ภาษี, การบริหารจัดการงบประมาณ และงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน อย่างไรก็ตามปัจจุบันที่มาของงบประมาณส่วนนี้ก็ยังไม่แน่ชัดนัก แต่มี 2 แนวทางที่เป็นไปได้คือ การกู้เงินโดยออกกฎหมายเงินกู้ และการขยายเพดานวงเงินตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 จาก 32% เป็น 45 %

เงินดิจิตอล 10000 ได้ทุกคนไหม ?

ทุกคนที่มีสัญชาติไทย และอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป มีสิทธิ์ได้รับเงินก้อนนี้ทุกคน รวมถึงผู้ที่รับสวัสดิการอื่น ๆ อยู่ เช่น คนชรา คนพิการ ก็จะได้รับสิทธิ์เต็มจำนวนเช่นเดียวกัน และเงินจะเข้าไปยังกระเป๋าเงินดิจิตอลวอลเล็ตที่รัฐบาลเป็นผู้สร้างแบบอัตโนมัติ

เงินดิจิตอล 10000 ใช้ยังไง ?

หากใครเคยใช้แอปเป๋าตังค์มาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ลักษณะการทำงานคล้ายกัน โดยผู้ใช้งานต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิตอลวอลเล็ตลงบนมือถือเพื่อใช้งาน เวลาใช้จ่ายเงินดิจิตอลก็สแกน QR CODE ในกรณีที่ไม่มีมือถือหรือสมาร์ตโฟน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะระบบผูกข้อมูลกับบัตรประชาชน จึงสามารถใช้จ่ายด้วยบัตรประชาชนและรหัสสำหรับซื้อสินค้าที่รัฐออกให้ แต่การใช้จ่ายนั้นมีข้อจำกัดคือ

  • ต้องใช้ภายใน 6 เดือนเท่านั้น
  • ใช้สำหรับซื้อสินค้าได้ทุกประเภท แต่ต้องไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุข เช่น บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด การพนัน สลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น
  • ใช้ซื้อสินค้าที่หน้าร้านค้าเท่านั้น ไม่สามารถใช้ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้
  • ใช้ได้เฉพาะร้านค้าที่อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งในประเด็นนี้รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาหารืออีกครั้ง เนื่องจากประชาชนบางส่วนแสดงความเห็นว่าเป็นรัศมีที่แคบเกินไป บางพื้นที่แทบจะไม่มีร้านค้าที่อยู่ในละแวกนั้นเลย แต่ที่แน่ๆ คือไม่สามารถใช้นอกพื้นที่ได้ เพราะฉะนั้นใครที่พักอยู่คนละที่กับทะเบียนบ้าน ก็จะต้องกลับไปใช้ในพื้นที่เท่านั้น
  • ไม่สามารถถอนหรือแลกเป็นเงินสดได้

จะได้เงินดิจิตอล 10000 เมื่อไหร่ ?

เงินดิจิตอลมีกำหนดเริ่มใช้งานวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ยังคงยืนยันว่าจะผลักดันโครงการให้ทันตามกำหนดเดิม ในขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ว่าจะพยายามทำให้ทันเดือนกุมภาพันธ์ 2567 หรืออย่างช้าสุดไม่เกินไตรมาสแรกของปี 2567

เราก็คงต้องมาคอยติดตามกันว่านโยบายเงินดิจิตอลเพื่อไทยนั้นจะกลายเป็นจริงหรือไม่ และสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะเลือกแหล่งที่มาของเงินทางไหน เพราะหลายฝ่ายก็ยังออกมาแสดงความเห็นให้รัฐบาลทบทวนนโยบายเงินดิจิตอลนี้อีกครั้ง เนื่องจากมองว่าผลที่ได้อาจจะไม่คุ้มเสีย อย่างไรก็ตามก็มีประชาชนอีกไม่น้อยที่เฝ้ารอเงินดิจิตอลก้อนนี้ เพราะมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้นานถึง 6 เดือน

ถ้าไม่มี มือถือ จะทำอย่างไรดีนะ?

ไม่มี มือถือไม่ใช่ปัญหาเลย มีกระแสข่าวบอกว่าจะต้องโหลดแอปฯ เพื่อลงทะเบียน แต่จริง ๆ แล้วใช้เพียงเลขบัตรประชาชน ก็สามารถจับจ่ายใช้สอยด้วยเงินดิจิตอล 10000 บาท ดังกล่าวได้แล้ว แต่ข้อควรระวังตอนนี้ก็คือ เงินดิจิตอล 10000 บาทนี้ ยังไม่มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นลิงก์ลงทะเบียน แอปพริเคชัน SMS หรือช่องทางใด ๆ ที่เพื่อน ๆ อาจเคยเห็นหรือเคยได้รับ ถือเป็นกลลวงของมิจฉาชีพทั้งสิ้น อย่าคลิกหรือดาวน์โหลด และอยากให้เพื่อน ๆ ระวังกันให้ดีด้วยน้า


คำถามที่ถามบ่อย Q&A

ถาม : เงินดิจิตอลซื้ออะไรได้บ้าง ?

ตอบ : เงินดิจิตอลสามารถซื้อได้ทุกอย่าง เช่น สินค้าอุปโภค บริโภค อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ รถจักรยานยนต์ หรือจะใช้เติมน้ำมันก็ยังได้ ยกเว้นของที่เป็นอบายมุข เช่น บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด การพนัน สลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น

ถาม : เงินดิจิตอลต้องลงทะเบียนไหม ?

ตอบ : ไม่ต้องลงทะเบียน เพราะเป็นการผูกข้อมูลกับบัตรประชาชน เงินจะเข้าโดยอัตโนมัติ

ถาม : เงินดิจิตอลใช้ได้ที่ไหนบ้าง ?

ตอบ : ใช้ได้กับทุกร้านที่ร่วมบริการ ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านค้าทั่วไป

ถาม : ร้านค้าที่รับชำระด้วยเงินดิจิตอล สามารถแลกเป็นเงินสดได้หรือไม่ ?

ตอบ : ร้านค้าที่สามารถนำเงินดิจิตอลไปแลกเป็นเงินสดได้ ต้องเป็นร้านค้าที่มีการจดทะเบียนการค้าเท่านั้น และต้องมาขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ส่วนร้านที่ไม่ได้ทำการจดทะเบียน ก็ยังสามารถรับชำระได้เหมือนกัน เพียงแต่จะนำไปแลกเป็นเงินสดไม่ได้ แต่สามารนำไปใช้ซื้อสินค้าอื่นๆ ต่อได้

ถาม : เงินดิจิตอลเหมือนกับคริปโตหรือไม่ ?

ตอบ : ไม่เหมือน เพราะมีข้อจำกัดมากกว่า ทั้งจำนวนสิทธิ์ผู้งานที่ต้องเป็นคนไทยอายุมากกว่า 16 ปี ระยะเวลาใช้งานที่มีแค่ 6 เดือน และจุดประสงค์ที่ใช้แทนเงินบาทเพื่อซื้อของหน้าร้านค้าเท่านั้น ส่วนเงินคริปโตทุกคนสามารถเข้าถึงได้ทั่วทั้งโลก และมีมูลค่าไม่คงที่ ทำให้นักลงทุนนิยมซื้อเก็งกำไร

Hardware wallet เก็บบิทคอยน์

บทความที่เกี่ยวข้อง

4 อันดับ เทรดคริปโต ที่ไหนดี สำหรับคนไทย ที่ได้รับการรับรองจาก กลต ปี 2023

ขุดบิทคอยน์ คืออะไร ? คุ้มค่าไหมที่จะลงมือขุดเอง ?

เรื่องเล่าในวงการบิทคอยน์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก

blockchain คือ อะไร? ทำไมถึงเป็นเทคโนโลยีมาแรงสำหรับยุคนี้

6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง!


A side profile of a woman in a russet-colored turtleneck and white bag. She looks up with her eyes closed.

“การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้นั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนใน บิทคอยน์ Bitcoin, Altcoin หรือ เหรียญตัวไหน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง สุดท้ายนี้ พวกเรา GoalBitcoin ขอให้ทุกคนโชคดี ร่ำรวย มั่งคั่ง มีความสุขกับการลงทุนใน Cryptocurrency นี้ ด้วยกันทุกคน”

— GoalBitcoin Team