Tag: เว็บเทรด

5 เว็บเทรดคริปโตในไทย ปี 2024 ฝากถอนสะดวก และได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.

เว็บไชต์ข้อมูลบริษัทวอลุ่มซื้อขายค่าธรรมเนียมเทรดค่าธรรมเนียมถอน
BinanceTH
เป็นการร่วมทุนระหว่าง Gulf Energy Development (ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของไทย) และ Binance.com มีระบบ Support เป็น Crypto Exchange อันดับ 1 ของโลก

หาข้อมูลเพิ่มเติมของ Binance Thailand ได้ที่นี่
To be updateคู่เหรียญ THB จะไม่เสียค่าธรรมเนียม20 บาทต่อครั้ง
Bitkub
Crypto Exchange อันดับ 1 ของประเทศไทย
ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 90 – 95%

หาข้อมูลเพิ่มเติมของ Bitkub ได้ที่นี่
56 ล้านดอลลาร์0.25%20 บาทต่อครั้ง
Bitazza
นอกจากเป็น Exchange แล้ว ยังมีบริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบของโบรกเกอร์ และเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ได้การรับรองจาก ก.ล.ต.

หาข้อมูลเพิ่มเติมของ Bitazza ได้ที่นี่
11 ล้านดอลลาร์0.25%20 บาทต่อครั้ง
innovestX
แอปพลิเคชันด้านการลงทุนโดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เปิดบัญชีลงทุนครั้งเดียว ลงทุนได้หลายสินทรัพย์

หาข้อมูลเพิ่มเติมของ innovestX ได้ที่นี่
6 ล้านดอลลาร์0.20% 20 บาทต่อครั้ง
SCB ถอนฟรี
Orbix
ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้ร่วมทุนรายใหญ่ มีระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ เช็กผลกำไรขาดทุนได้แบบเรียลไทม์

หาข้อมูลเพิ่มเติมของ Orbix ได้ที่นี่
2แสน ดอลลาร์0.25%20 บาทต่อครั้ง

**ควรสมัครไว้หลายๆเว็บเทรด เพื่อกระจายความเสี่ยง เพราะเวลาเอาเงินเข้า เงินออกจะได้ใช้อันไหนก็ได้ที่สะดวกและเรทดีตอนนั้น


1. Binance TH

เว็บเทรด ไบแนนซ์ ไทย
ข้อดีข้อด้อย
+ Binance TH ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต.
+ น่าเชื่อถือ เพราะร่วมทุนกับ Gulf Energy ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของไทย
+ รองรับภาษาไทย ทำให้ใช้งานง่าย
+ เทรดได้ 110 คู่เหรียญ
+ เทรดคู่เหรียญบาท THB จะไม่เสียค่าธรรมเนียม
– เป็นเว็บเทรดน้องใหม่ ยังมีปริมาณการซื้อขายไม่มาก
– Functions ของ Binance TH จะน้อยกว่าฝั่ง Global โดยจะไม่มีพวก Staking หรือการเทรด Future, Option เป็นต้น

2. Bitkub

เว็บเทรดบิทคับ

Bitkub ถือเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ของประเทศไทย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2018 ภายใต้การบริหารของคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เป็นเจ้าแรกที่ให้บริการเทรดผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือทั้งในระบบ Android และ iOS จึงสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีทีมงานที่พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน ส่งผลให้ Bitkub เป็นเว็บเทรดคริปโตที่มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้สูงถึง 90 – 95% ระบบการเทรดใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน แม้แต่มือใหม่ก็ใช้งานได้สะดวก

ข้อดีข้อด้อย
+ เป็นเว็บเทรดอันดับ 1 ในประเทศไทย
+ บริหารโดยทีมผู้บริหารรุ่นใหม่
+ ระบบการเทรดง่าย ไม่ซับซ้อน
+ เทรดได้ 100 คู่เหรียญ
– สามารถเทรด Spot ได้อย่างเดียวเท่านั้น
– ค่าธรรมเนียมแพง 0.25%  ต่อครั้ง
– บางช่วงระบบไม่เสถียร ทำให้ตอนตลาดเกิดความผันผวนรุนแรง ระบบจะค้างได้

3. Bitazza

เว็บเทรด Bitazza

Bitazza เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ได้การรับรองจาก ก.ล.ต. แต่รูปแบบการให้บริการจะแตกต่างจากแพลตฟอร์ม Exchange โดย Bitazza จะให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบของโบรกเกอร์ หรือนายหน้า จึงสามารถส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยังศูนย์ซื้อขาย (Exchange) ทั่วโลกได้แบบเรียลไทม์ ทำให้มีสภาพคล่องสูง มีคู่เหรียญที่หลากหลาย สามารถซื้อขายเหรียญด้วยสกุลเงินบาทได้ หากมีปัญหาในการใช้งานก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อดีข้อด้อย
+ เป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ได้การรับรองจาก ก.ล.ต.
+ การฝากหรือถอนก็ทำได้อย่างรวดเร็ว
+ คู่เหรียญที่หลากหลาย เทรดได้ 100 คู่ เหรียญ
+มีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม รวมถึงระบบ KYC
และใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยจากบริษัทชั้นนำอย่าง Ledger ดีไซน์
– สามารถเทรด Spot ได้อย่างเดียวเท่านั้น
– ค่าธรรมเนียมแพง 0.25%  ต่อครั้ง



4. innovestX  

เว็บเทรด InnovestX

มาต่อกันที่แอปพลิเคชันด้านการลงทุนที่ครบครันสุดๆ อย่าง innovestX ซึ่งมีบริษัท SCBx เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จุดเด่นคือรูปแบบการใช้งานที่ง่ายสำหรับมือใหม่ โดยมีเทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนให้อัตโนมัติ หรือสามารถเลือกแผนการลงทุนที่ต้องการ เช่น ลงทุนตามกูรูชั้นนำ ลงทุนตามเมกะเทรนด์ทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังรวมสินทรัพย์หลายประเภทไว้ในที่เดียว จึงสามารถเทรดคริปโตไปพร้อมกับการลงทุนในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน หรือตราสารหนี้ได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำๆ ช่วยกระจายความเสี่ยง ทำให้มองเห็นภาพรวมของการลงทุน และบริหารจัดการพอร์ตได้ดียิ่งขึ้น

ข้อดีข้อด้อย
+ มีรูปแบบการใช้งานที่ง่ายต่อการเข้าใช้งาน
ทำให้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับการลงทุน
+ มีเทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนให้อัตโนมัติ
+ สามารถในการเทรดหลากหลายสินทรัพย์
+ มีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
และมีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง.
– ค่าธรรมเนียมแพง 0.20%  ต่อครั้ง
– อาจมีข้อกำจัดในการถอนเงิน
– บางคนอาจพบว่าระบบของ innovestX มีความซับซ้อนมากเกินไป

5. Orbix

เว็บเทรด Orbix

อีกหนึ่งเว็บเทรดคริปโตน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่เป็นที่น่าจับตามองอย่างมากก็คือ Orbix เพราะเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย โดยทำการเทคโอเวอร์มาจากเว็บเทรด Satang Pro ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2017 จึงมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะ เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เช่น Price Alert ที่นักเทรดสามารถตั้งเตือนราคาเหรียญได้ จึงไม่ต้องเสียเวลาเฝ้าจอ และ Orbix Balance ที่ช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ เช็กผลกำไรขาดทุนได้แบบเรียลไทม์

ข้อดีข้อด้อย
+เป็นบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย ทำให้มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักในวงการการเงิน
+ มีการปรับโฉมจากเว็บเทรด Satang Pro ทำให้ Orbix มีฐานผู้ใช้ที่มั่นคง
+ มีฟีเจอร์ Price Alert ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถตั้งเตือนราคาเหรียญได้
– เป็นเว็บเทรดน้องใหม่ ยังมีปริมาณการซื้อขายไม่มาก
– ค่าธรรมเนียมแพง 0.25%  ต่อครั้ง

อัปเดตเว็บ เทรดคริปโต ในไทยที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ปี 2024

เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการเทรดที่หลากหลาย เราจึงได้รวบรวมเว็บเทรดคริปโตที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มาฝาก ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 10 ราย เปิดให้บริการ 8 ราย ถูกระงับ 1 รายและยังไม่เปิดให้บริการอีก 1 ราย

ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กลต

  • ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)​
  • บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (GULF BINANCE)
  • บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (INVX)
  • บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB)              
  • บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด (ORBIX TRADE)
  • บริษัท ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำกัด (TDX)
  • บริษัท จีเอ็มโอ-แซด.คอม คริปโทนอมิคซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Z.COMEX)                 
  • บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด (UPBIT)
  • บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (ZIPMEX) **ถูกระงับการให้บริการ จาก กลต ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
  • บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX)
  • บริษัท วาฬ เอ็กเชนจ์ จำกัด (WAANX) **ยังไม่เปิดให้บริการ

ส่วนผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบของนายหน้า หรือโบรกเกอร์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 12 ราย เปิดให้บริการ 10 ราย ถูกระงับ 1 รายและยังไม่เปิดให้บริการอีก 2 ราย

ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กลต

ข้อมูลข่าวจาก https://www.thaipbs.or.th/news


วิธีเลือกเว็บเทรดคริปโต ต้องดูอะไรบ้าง ?

  • ความน่าเชื่อถือ

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการเลือกเว็บเทรดคริปโตก็คือ ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ จึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีว่าเจ้าของเป็นใคร เปิดให้บริการมานานหรือยัง อ่านรีวิวหรือประสบการณ์ของผู้ใช้งานคนอื่นๆ หรือง่ายๆ เลยก็คือเลือกเว็บเทรดคริปโตที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่า หากเกิดปัญหานักลงทุนก็ยังได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

  • ความเสถียรของระบบ

การเทรดคริปโตต้องอาศัยจังหวะเวลา ลองคิดภาพตามดูว่า เมื่อมูลค่าของเหรียญอยู่ในช่วงราคาที่เราต้องการ แต่กลับกดซื้อไม่ได้ ฝากเงินไม่ได้ กว่าระบบจะกลับมาทำงานเป็นปกติราคาก็อาจจะสูงกว่าเดิมไปเยอะแล้ว ทำให้นักลงทุนพลาดโอกาสดีๆ ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะฉะนั้นเว็บเทรดคริปโตที่ดีจึงต้องมีระบบที่เสถียร และอย่าลืมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฝาก-ถอนเงินด้วย เช่น ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ หรือมีขั้นต่ำเท่าไหร่ เป็นต้น

  • ความปลอดภัย

เว็บเทรดคริปโตมีโอกาสถูกโจมตีจากแฮ็กเกอร์ได้ เพราะฉะนั้นจึงควรตรวจเช็กระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เคยถูกแฮ็กหรือเปล่า มีระบบป้องกันการแฮ็กหรือโจรกรรมข้อมูลอย่างไรบ้าง เช่น มีระบบยืนยันตน 2 ชั้น (Two-factor Authentication), มีการเข้ารหัส SSL (https) เป็นต้น

  • ค่าธรรมเนียมต่ำ

เทรดมาตั้งนาน ทำไมกำไรน้อยจัง ? หลายคนมีคำถามแบบนี้ เพราะลืมสังเกตว่าเว็บเทรดคริปโตที่ใช้บริการนั้นคิดค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ โดยปกติแล้วแต่ละเว็บจะคิดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายต่อครั้ง ในอัตราที่แตกต่างกันออกไป เฉลี่ยประมาณ 0.05% – 0.25% และยังอาจมีค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเหรียญด้วย

  • จำนวนเหรียญ

จริงอยู่ที่ว่าคนส่วนใหญ่มักจะเทรดเหรียญยอดนิยม ซึ่งเหรียญเหล่านี้ก็มีแทบทุกเว็บ แต่การเลือกเว็บที่มีเหรียญหลากหลาย ก็เหมือนเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง เพราะฉะนั้นยิ่งมีเหรียญให้เทรดเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่แน่ว่าในอนาคตเหรียญเหล่านั้นอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวก็เป็นได้  

  • สภาพคล่อง

เว็บเทรดคริปโตที่มีสภาพคล่องสูง หรือมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ย่อมดีกว่าเว็บที่ผู้ใช้งานน้อย เพราะเมื่อจำนวนนักเทรดมากขึ้น จะซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ก็ทำได้ง่ายกว่า ความคลาดเคลื่อนระหว่างราคาที่คาดหวังกับราคาซื้อขายจริง (Slippage) ก็จะต่ำลงด้วย โดยสังเกตได้ง่ายๆ จาก Volume หรือปริมาณการซื้อขายบนกระดานเทรดในแต่ละวัน

  • ฟังก์ชันการใช้งาน

เว็บเทรดคริปโตของแต่ละที่มีการออกแบบดีไซน์หน้าตาของเว็บไซต์ และ UI/UX รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานไม่เหมือนกัน จะเลือกเว็บไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของแต่ละบุคคล แต่โดยรวมแล้วการออกแบบควรมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน สีสันสบายตา ตัวอักษรอ่านง่าย และมีฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเทรดได้มากขึ้น เช่น มีฟังก์ชันแจ้งเตือนราคา, มีอินดิเคเตอร์หลากหลาย, มีฟังก์ชันช่วยบริหารพอร์ต เป็นต้น

  • ติดต่อง่าย

ระหว่างการใช้งานเว็บเทรดคริปโต อาจเกิดปัญหาได้โดยเฉพาะมือใหม่ หรือบางทีระบบที่ว่าเสถียรก็ยังขัดข้องได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการที่ผู้ให้บริการมีช่องทางติดต่อที่หลากหลาย ติดต่อได้ง่าย หรือตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้นักลงทุนมากขึ้น


คำถาม – คำตอบ ที่ควรรู้ ก่อนเข้าสู่สนาม เทรดคริปโต

Q: คริปโตกับโทเคนต่างกันอย่างไร ?

A:  คริปโตและโทเคนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนกัน แต่คริปโตเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งมีจำนวนจำกัด มูลค่าของเหรียญจึงแปรผันตามปริมาณของเหรียญ และความต้องการของตลาด เหรียญที่เป็นที่นิยมมากจึงมีราคาสูง สามารถใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนได้เหมือนเงินสด ตัวอย่างเหรียญคริปโต เช่น Bitcoin, Ethereum, Dogecoin ส่วนโทเคนนั้นไม่ได้สร้างขึ้นบนบล็อกเชนของตัวเองโดยตรง แต่มาจากบล็อกเชนของสกุลเงินดิจิทัลอื่น และใช้เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างโดยเฉพาะ เช่น ใช้แสดงสิทธิในการร่วมลงทุนและรับเงินปันผล, สิทธิในส่วนแบ่งรายได้, สิทธิในการใช้งานแพลตฟอร์ม, สิทธิในการโหวต หรือใช้ในการระดมทุนแบบ ICO (Initial Coin Offering) เป็นต้น ตัวอย่างโทเคน เช่น Tether, Yearn Finance, Uniswap เป็นต้น

Q: การ เทรดคริปโต ต่างจากการลงทุนในหุ้นหรือไม่ ?

A: ภาพรวมของการเทรดคริปโตกับการลงทุนในหุ้นค่อนข้างคล้ายกัน เพราะมูลค่าของเหรียญหรือหุ้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด แต่จุดที่แตกต่างคือ ตลาดหุ้นมีเวลาเปิด-ปิดที่ชัดเจน แต่คริปโตไม่มี จึงมีการซื้อขายตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง ทำให้มีความผันผวนมากกว่า นอกจากนี้ผู้ที่เทรดคริปโตก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากเท่ากับการซื้อหุ้น เพราะสามารถซื้อเป็นหน่วยย่อยได้ เช่น ปัจจุบัน Bitcoin ราคาประมาณ 1,600,000 บาทต่อเหรียญ เราจะซื้อแค่ 0.001 ในราคา 1,600 นิดๆ ก็ได้

Q: กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร จำเป็นต้องมีหรือไม่ ?

A: การเก็บเงินสดทั้งธนบัตรและเหรียญยังต้องใช้กระเป๋า เงินดิจิทัลก็เช่นเดียวกัน แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่ต้องมีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้เก็บ Public key และ Private key ที่ใช้ในการเข้าถึงและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพแฮ็กข้อมูลไปได้ โดยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ Hot Wallet หรือ Software Wallet ซึ่งจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งที่ใช้งาน และ Cold Wallet หรือ Hardware Wallet ที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต หน้าตาจะเหมือนกับ USB เมื่อต้องการใช้งานก็สามารถเสียบเข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือมือถือได้เลย ความปลอดภัยสูงกว่า แต่ราคาก็สูงกว่าด้วยเช่นกัน

Q: เลือกเหรียญคริปโตอย่างไรดี ?

A: สำหรับมือใหม่หลายคนอาจจะไม่มั่นใจว่าควรเลือกเหรียญไหนดี เพราะปัจจุบันก็มีสกุลเงินดิจิทัลมากมาย แต่หากนึกย้อนไปถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่าของเหรียญ ซึ่งก็คือความต้องการของตลาด เราก็ควรเลือกเหรียญที่อยู่ในกระแสนิยม เป็นที่สนใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ โดยอาจจะสังเกตจาก Volume หรือปริมาณการซื้อขายบนเว็บเทรดคริปโตชั้นนำ หรือใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆ เข้ามาช่วย ทั้งนี้ควรศึกษาข้อมูลของเหรียญ เช่น ผู้สร้าง ความน่าเชื่อถือ โอกาสเติบโตในอนาคต รวมถึงมูลค่าเหรียญย้อนหลัง เพื่อเข้าซื้อให้ถูกจังหวะ

สิ่งสำคัญสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลงทุนในคริปโตก็คือ การศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ทั้งในเรื่องของการลงทุนเอง รวมถึงเรื่องของการใช้งาน อย่างเช่นการเลือกเว็บเทรดคริปโต จะเลือกแค่เพราะเป็นเว็บที่มีเหรียญที่ต้องการ หรือเน้นใช้งานง่ายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน ยิ่งปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพที่ทำเว็บเทรดปลอมขึ้นมาหลอกลวงผู้อื่น ก็ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนเทรดอย่าลืมนำเทคนิคดีๆ เหล่านี้ไปใช้ และคอยติดตามข่าวสารข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะได้เทรดอย่างมั่นใจ ปลอดภัย ไร้กังวล


บทความที่เกี่ยวข้อง

5 กระเป๋าบิทคอยน์ Hardware Wallet ปลอดภัย และน่าเชื่อสุดในปี 2023

3 เว็บเทรดคริปโต ต่างประเทศ มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2023

เจาะลึกพื้นฐาน บิทคอยน์ พร้อมแนวโน้มปี 2024 ยังน่าซื้ออยู่ไหม ?

9 เรื่อง ที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนซื้อ คริปโต


“การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้นั้นมีความเสี่ยงมากที่สุด ก่อนลงทุนใน บิทคอยน์ Bitcoin, Altcoin หรือ เหรียญตัวไหน ควรศึกษาให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง สุดท้ายนี้ พวกเรา GoalBitcoin ขอให้ทุกคนโชคดี ร่ำรวย มั่งคั่ง มีความสุขกับการลงทุนใน Cryptocurrency นี้ ด้วยกันทุกคน”

— GoalBitcoin Team

รีวิว Binance (BNB) เว็บเทรด bitcoin ดาวรุ่ง มุ่งสู่ Top 5

เว็บเทรดบิทคอยน์เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรหรือ ขาดทุนในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้  ในออนไลน์มีเว็บไซต์สำหรับเทรดบิทคอยน์จำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี??

วันนี้เราจะมาขอรีวิว Binance (BNB) เว็บเทรด ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนชอบเทรด และชอบสะสมเหรียญดี อนาคตไกล ไว้ระยะยาว และมีสมนาคุณสำหรับนักลงทุนผู้ถือเหรียญ Binance ที่หลากหลายด้วย ไปดูกันเลยยยย>>>>

 

Binance Coin (BNB) คือ   

เป็นเว็บเทรดเหรียญดิจิตอลชื่อดัง  สัญชาติฮ่องกง ก่อตั้งขึ้นโดย Changpeng Zhao, ซึ่งเคยทำงานตำแหน่ง CTO เว็บไซต์เทรดดังในจีนชื่อ OKCoin  Binance นอกจากจะเป็นเว็บเทรด เหรียญดิจิตอลแล้ว ยังเปิดขาย ICO เหรียญของตัวเองในนาม Binance Coin (BNB) อีกทั้งยังเป็นเว็บซื้อขายที่มีเหรียญ NEO มากที่สุด

เว็บเทรด Binance มีเหรียญดิจิตอลในกระแสให้เทรดจำนวนมากกว่า130 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $686,917,201

เป็นเว็บที่มีการตลาดที่ดี สามารถขึ้นไปทำอันดับเว็บเทรด 1 ใน 10  ของโลกได้อย่างรวดเร็ว  ส่วนเหรียญ Binance Coin (BNB) อยู่อันดับที่ 51 (อ้างอิง Coinmarketcap.com Nov 29,2017 ในราคา $ 1.90)

เมื่อเช็คจากกราฟ  Binance (ราคาปัจจุบันอยู่ที่ $1.90) มีโอกาสสูงมากที่ราคาจะดีดขึ้นไป เมื่อทีมพัฒนา Burn เหรียญ BNB ในระบบ เมื่อเหรียญบางส่วนถูกทำลาย เหรียญในระบบเหลือน้อย ราคาจะสูงขึ้น ตามหลัก Demand Supply 

เว็บเทรด Binance มีเหรียญอะไรบ้าง ที่น่าสนใจ

ในเว็บเทรด Binance มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆในกระแสให้เทรดจำนวนมากกว่า 130 คู่ แต่ที่เป็นกระแสและซื้อขายในปริมาณมากมีดังนี้

IOTA, Etherium , TRON, Cardano, Bitcoin Cash, Etherium Classic, NEO , GAS , Bitshares, Power Ladger ,EOS, Walton, Stellar, Cindicator, Vechain, ICON เป็นต้น 

 

ปัจจัยที่ทำให้ราคาของเหรียญ Binance Coin (BNB) มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

  • ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังเว็บเทรด Binance นั้น เป็นทีมที่มีความชำนาญและประสบการณ์อย่างมาก นาย Changpeng Zhao ซึ่งเป็น CEO ของ Binance เคยเป็น CTO จากเว็บเทรด OkCoin (เว็บซื้อขาย Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง)
  • ผู้ที่ถือเหรียญ Binance Coin (BNB) จะได้รับส่วนลด 50% สำหรับค่าธรรมเนียมการซื้อขายในเว็บเทรด Binance ซึ่งก็หมายถึงเสียค่าธรรมเนียมถูกมาก จากปกติ 10% เป็น 0.05% เท่านั้น
  • ทุกๆไตรมาส ทีมงานจะนำกำไร 20% มาซื้อเหรียญ Binance Coin (BNB) ของตัวเอง ไปเพื่อทำลายทิ้งเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนเหรียญในระบบจะลดลงเหลือ 50% ซึ่งจะทำให้อนาคตเหรียญ Binance Coin (BNB) จะมีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเมื่อความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่จำนวนเหรียญมีน้อยลง อนาคตราคา Binance Coin (BNB)  ย่อมมีราคาสูงขึ้น
  • สำหรับใครที่เก็บเหรียญ NEO ไว้ที่เว็บ Binance ทุกวันที่ 2 ของเดือนจะได้รับเหรียญ Gas เป็นปันผล ดูการคำนวณค่า Gas ได้จาก https://neotogas.com/
  • เว็บเทรด Binance ได้เพิ่มตลาดซื้อขายสำหรับเหรียญ Binance Coin (BNB)   โดยเฉพาะ ทำให้นอกจากเราจะได้เกร็งกำไรจากการเพิ่มมูลค่าของ Binance Coin (BNB)   แล้ว เรายังสามารถเลือกเก็บเหรียญ BNB เป็นเสมือนเหรียญ Flat (คือ สกุลเงินจริงเช่น usd , หยวน , บาท) แล้วนำมาเล่นรอบเทรดสั้นกับเหรียญตัวอื่นๆได้ด้วย
  • มี Application ให้ใช้เทรดได้ทุกเหรียญบนสมาร์ทโฟน Binance สามารถใช้เทรดเหรียญได้ทุกสกุลเงิน ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ Bitcoin หรือ Altcoins ใหม่ๆที่พึ่งเปิดให้เทรด เว็บ Binance ก็จะเปิดให้ซื้อขายผ่านมือถือได้ทันที เป็นอะไรสะดวกสบายมากสำหรับนักเทรด

                                               iOS – https://itunes.apple.com/th/app/binance-crypto/

Android – https://play.google.com/store/apps/details?id=com.binance.dev

  • มีการโปรโมทที่ดีทุกเดือน จูงใจนักเทรด เช่น ร่วม Vote เหรียญ,แจกเหรียญฟรี หรือ ให้รางวัลในการเทรดเหรียญ ยกตัวอย่าง เดือนนี้มี โปรโมทชั่น แข่งเทรด เหรียญ HSR โดยที่ 1 จะได้รับรถ Jaquar และ top 3000 user ที่เทรดก็จะได้รับเหรียญ HSR เช่นกัน



จุดเด่น – จุดด้อยของเหรียญ Binance Coin (BNB)  

จุดเด่นของเหรียญ Binance Coin (BNB)  

จุดด้อยของเหรียญ Binance Coin (BNB)  

1.สมัครสมาชิกง่ายมาก

2.การใช้งานเว็บไซต์ไม่ยุ่งยาก โอนรวดเร็ว

3.เนื่องจากเป็นเหรียญที่มี volume ดังนั้นโอกาสที่ราคาเหรียญที่นี่จะเติบโตในอนาคตมีสูงมาก

4 มีการโปรโมทที่ดี จูงใจนักเทรด เช่น ร่วม Vote เหรียญ,แจกเหรียญ หรือ ให้รางวัลในการเทรดเหรียญ

5  ผู้ถือเหรียญ NEO สามารถ นำมาฝากไว้ที่นี่ เพื่อจะได้ปันผลเป็นเหรียญ Gas

6. ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10%

ถ้าถือเหรียญ BNB ค่าธรรมเนียม อยู่ที่ 0.05%

7. มี App สามารถเทรดผ่านมือถือได้ง่าย

  1. เว็บเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติฮ่องกง ความน่าเชื่อถืออาจไม่มากเท่า เว็บเทรดอื่นๆ
  2. อาจจะได้รับผลกระทบกับนโยบายของรัฐบาลจีน
  3. ไม่อนุญาติ คนจีน ซื้อขายที่เว็บนี้

 

พาไปดูที่ทำงานของ CEO และทีมงานของ Binance

ขั้นตอนการสมัคร เว็บเทรด Binance

1. เข้าไปที่เว็บไซต์ Binance.com  คลิกที่ Register 

 

2. กรอกข้อมูลตามภาพ 

 

3. เข้าไปทำการยืนยัน Email 

 

4. เข้าไปเช็คใน Email ที่ได้ลงทะเบียนไว้ และเข้าไปคลิกยืนยันตัวตน

 

5. การสมัครเสร็จสมบรูณ์แล้ว เข้าไปที่ Log in

 

6. กรอก Log in ตามภาพ

 

7. เข้ามาสู่หน้าจอ Dashboard. 

อย่าลืมตั้งค่า Google Auth เพื่อความปลอดภัย ไกลจากการโจรกรรม

8. สำหรับใครที่ต้องการซื้อขายในปริมาณมากกว่า 2 BTC แนะนำให้ยืนยันตัวตน 

 

 

9. กรอกข้อมูลตามภาพ

 

10. เมื่อยืนยันเอกสารครบถ้วนแล้ว คราวนี้มาถึงหน้าตาเว็บเทรด Binance กัน 

>>>หาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Binance.com<<<

เพียงเท่านี้เราก็พร้อมแล้วสำหรับการลงทุน หรือ เทรดเหรียญดิจิตอล ผ่านทาง binance ได้แล้ว



10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!

จะขอนำเสนอ 10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณสามารถทำกำไรได้!! เว็บเทรดบิทคอยน์เหล่านี้ คุณสามารถเลือกนำมาเป็นต้นแบบ เพื่อฝึกเทรดจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยต่อยอดไปใช้บริการเว็บเทรดเจ้าอื่นๆได้

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<




6 กลโกงการลงทุนบิทคอยน์ มือใหม่ทุกคนต้องระวัง!

ลงทุนบิทคอยน์กระแสความนิยมของ Bitcoin และ Alcoin เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ราคาบิทคอยน์นับวันจะยิ่งสูงขึ้นทะลุดาวอังคาร ทำ New high ทุกวัน ล่าสุด 1 บิทคอยน์ มีค่าเท่ากับ 320,000 บาท ($9953) ข้อมูลจาก Coinmarketcap.com วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560

การลงทุนบิทคอยน์ หรือ Cryptocurrency ตัวอื่นๆ จึงเริ่มเป็นอะไรที่คนทั่วโลกสนใจ ทำให้เกิดการดึงดูดให้คนที่ไม่ได้ศึกษา และไม่ได้มีความรู้ ความเข้าใจที่แท้จริงเข้ามาลงทุน ลงเงินในแวดวงสกุลเงินดิจิตอลนี้  คนเหล่านี้อาจจะโดนหลอกลวงโดยนำบิทคอยน์ มาบังหน้าได้ และเมื่อเกิดการโกงที่มากขึ้น ข่าวแย่ๆเหล่านี้จะส่งผลร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของ บิทคอยน์ ในสายตาของคนส่วนมาก ยิ่งทำให้คนต่อต้านการลงทุนบิทคอยน์ มากขึ้น

ในบทความนี้ Goalbitcoin จะมาสร้างภูมิคุ้มกันให้มือใหม่ทุกๆท่าน ปลอดภัยจากภัยหลอกลวงอันตรายจากการลงทุนในบิทคอยน์ และเหรียญ Cryptocurrency อื่นๆกัน  รูปแบบกลโกงแฝงจากการนำบิทคอยน์ และ Cryptocurrency มาใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ฉ้อโกงนั้น หลักๆแล้วมักจะมีอยู่ 6 ประเภทด้วยกัน คือ

 

1.เว็บเทรดบิทคอยน์ หลอกลวง (Fake Bitcoin Exchange)

การเทรดบิทคอยน์ หรือ Cryptocurrency อื่นๆ เป็นช่องทางการลงทุนที่ง่ายที่สุด แต่เสี่ยงมากเช่นกัน เมื่อเจอภาวะผันผวนของตลาด ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin  เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ยังไม่ได้ศึกษาให้ดี ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหน อาจจะทำให้เลือกเว็บเทรดปลอม ที่หลอกลวงนักลงทุน เกิดปัญหาในการโอนเหรียญออกไม่ได้ ไม่มี Support ช่วยเหลือ หรือไม่ยอมจ่ายเหรียญได้

 ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

วิธีป้องกันตัวเองเว็บเทรดบิทคอยน์ หลอกลวง

  • ศึกษาที่มาที่ไปของบริษัทเว็บเทรด และดูประวัติเจ้าของบริษัท CEO ว่าเคยมีข่าวเสียหายหรือไม่ และจดทะเบียนมานานแค่ไหน ผลประกอบการเป็นอย่างไร ได้รับการรับรองอนุมัติจากประเทศนั้นๆหรือไม่
  • ศึกษาข้อมูลความโปร่งใสของบริษัท ว่ามีการแจกแจงชัดเจน เช่น https://bx.in.th/info/transparency/ แบบนี้หรือไม่ และถ้ามีแล้ว ให้เข้าไปตรวจสอบด้วยว่าข้อมูลเหล่านี้จริงเท็จแค่ไหน เราอาจจะเจอกรณีแปลกๆที่ปริมาณเหรียญที่เทรดๆกันอยู่ อาจจะมากกว่าปริมาณที่เว็บเทรดถือไว้ ณ ปัจจุบันก็ได้
  • ดูระบบความปลอดภัยที่เว็บเทรดนั้นๆมีให้ ถ้ามีระบบอย่าง 2 Factor Authentication หรือ SMS Verification และมาตรการความปลอดภัยที่ดูมีมาตรฐานเป็นสากล ก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ถ้าไม่มี หรือมีแค่ไม่กี่อย่างและทำงานได้ไม่ดีด้วย ก็ให้เพิ่มความระมัดระวัง
  • นำเหรียญที่อยู่ในเว็บเทรดออกไปเก็บใน Wallet ที่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ เพราะถึงแม้เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือแค่ไหนก็ตาม ก็มีโอกาสถูกขโมยเหรียญจากเว็บเทรดได้  อย่างเช่น MTGOX บริษัทใหญ่ที่เคยเป็นอันดับหนึ่งในการเทรดบิทคอยน์ ถูกขโมยเหรียญ ทำให้บริษัทต้องถูกฟ้องล้มละลาย

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่


2.กระเป๋าบิทคอยน์ปลอม (Fake Bitcoin Wallets)

ในช่วงหลังๆมานี้ การใช้กระเป๋าอิเล็กทรอนิคสำหรับเงินดิจิตอลต่างๆ หรือที่เรียกว่า วอลเล็ท (wallet ) มีความนิยมเพิ่มมากขึ้นมาก จึงทำให้พวกแฮกค์เกอร์ต่างๆจ้องที่จะฉกข้อมูลการเข้า wallet ของเหรียญชนิดต่างๆของเรา โดยส่วนมากพวกนี้จะส่งข้อความเข้ามาในอีเมล์เรา หลอกให้เราคลิ๊กลิงค์ โดยการส่งข้อความประมาณว่า บัญชี wallet ของเราจะถูกปิดถ้าเราไม่เข้าไปยืนยันตัวเอง ทั้งที่เรายืนยันตัวตนแล้ว หรือประมาณว่าเว็บไซต์มีการอัพเดท อะไรประมาณนี้ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านโปรดตรวจสอบ ที่อยู่ผู้ส่งอีเมลล์ที่ส่งมาให้เรา ว่าเป็นของทางเว็บจริงหรือไม่ บางทีแค่ชื่ออีเมลล์ที่ส่งมา ตัวอักษรขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็ทำให้เปลี่ยนเป็นคนละเว็บไซต์แล้ว

ดังตัวอย่างเช่น  จากตัวอย่าง blogchain.Info อันที่จริงควรจะเป็น blockchain.info

 

วิธีป้องกันตัวจากกระเป๋าบิทคอยน์ปลอม

  • ศึกษาข้อมูลของบริษัทกระเป๋าบิทคอยน์ให้ดี ว่ามีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย สามารถเข้าไปเช็ครายชื่อกระเป๋าที่น่าเชื่อถือที่ Bitcoin.org
  • ตรวจสอบลิงค์ให้แน่ใจ ว่าใช้ลิงค์จากบริษัทกระเป๋าจริงๆ
  • กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์มีความปลอดภัยและสะดวกสบาย ถึงแม้ว่าตัวเครื่องอุปกรณ์จะหาย ถูกขโมย หรือชำรุด หากเรามีการสร้างรหัสแบคอัพสำรองไว้ บิทคอยน์ก็จะไม่หายไปไหน กระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์เปรียบเสมือนห้องนิรภัยใต้ดินของเรา ถ้าใครมีบิทคอยน์มาก ๆ ก็ควรที่จะเลือกเก็บบิทคอยน์ ในกระเป๋าแบบฮาร์ดแวร์ แทนกระเป๋าแบบออนไลน์

รวบรวม กระเป๋าบิทคอยน์ ประเภทต่าง ๆที่คุณควรรู้

ในการใช้งานจริง สิ่งที่ต้องเก็บรักษาอย่างปลอดภัยไม่ใช่ตัวบิทคอยน์โดยตรง แต่เป็นกุญแจส่วนตัวของแต่ละคนที่ใช้อนุมัติการทำธุรกรรมบิทคอยน์ แต่ละกระเป๋าสตางค์จะมีโค๊ดยาวๆเป็นตัวอักษรสลับตัวเลข เรียกว่า Address เป็นบัญชี แบบฝาก และถอน เวลาใครจะส่งบิทคอยน์มาให้เรา เราก็ให้ Address แบบฝากได้เลยค่ะ ในทางกลับกัน ถ้าเราจะส่งเงิน เราก็ต้องมี Address แบบถอน การฝากถอนทำได้ง่าย และรวดเร็วมาก

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<


3.โจรกรรมข้อมูลทางเว็บไซต์ หรือ อินเตอร์เน็ต (Phishing Scams)

เว็บไซต์หลอกลวงเป็นภัยทางอินเตอร์เน็ตที่จะแอบอ้างเป็นธนาคาร เว็บไซต์บริการด้านธุรกรรม หรือบริการชำระเงินออนไลน์ที่คุณใช้บริการอยู่ เพื่อหลอกเอาข้อมูล Password หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆในการเข้าถึงบัญชีกระเป๋าของคุณ

วิธีป้องกันตัวจากโจรกรรมข้อมูลทางเว็บไซต์

ต่อไปนี้เป็นวิธีการง่ายๆและรวดเร็วที่จะทำให้บัญชีของคุณปลอดภัยจากมิจฉาชีพ

1) ตรวจสอบ URL หรือลิงค์โดยละเอียดก่อนกดเข้าไป

พวกเว็บไซต์หลอกลวงต่างๆมักจะสร้างลิ้งค์เว็บไซต์ปลอมที่ดูคล้ายคลึงกับเว็บไซต์ที่คุณใช้บริการอยู่ ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนกดเข้าไปว่าเป็นลิ้งค์เว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่จริงและสังเกตว่าหน้าเว็บไซต์ที่ปรากฏแตกต่างจากเว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่ปกติหรือไม่ หากเข้าไปในเว็บนั้นแล้ว อย่ากรอกข้อมูลใดๆลงไป

2) กรอกข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น

HTTPS เป็นกระบวนการที่ใช้ในเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เพื่อการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัย เมื่อใดก็ตามที่กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือทำธุรกรรม ต้องแน่ใจว่ามีสัญลักษญ์รูปแม่กุญแจปรากฏอยู่ที่สเตตัสบาร์ร่วมกับ “https:” เสมอ โดยตัว s นั้นย่อมาจาก secure

3) ตั้งพาสเวิร์ดที่คาดเดาได้ยาก

โดยปกติเรามักใช้ username และพาสเวิร์ดเดิมซ้ำๆกันในหลายบัญชีที่เราสมัคร และนี่คือช่องโหว่ที่ก่อให้เกิดการโจรกรรมข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้ ดังนั้น เวลาตั้งพาสเวิร์ดควรกำหนดให้มีความซับซ้อนและคาดเดาได้ยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบัญชีที่มีข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลทางการเงิน

4) เปิดการใช้งานเครื่องมือ two-factor authentication (2FA) กับบัญชีของคุณ

Two-factor authentication (2FA) หรือเครื่องมือยืนยัน 2 ขั้นตอน เพิ่มความปลอดภัยให้บัญชีของคุณมากยิ่งขึ้น ด้วยการยืนยันเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นอีกขั้น บัญชีของคุณจะถูกโจรกรรมข้อมูลได้ยากยิ่งขึ้น คุณสามารถเปิดการใช้งาน 2FA สำหรับบัญชี coins.co.th ได้ เพียงแค่เข้าไปที่ Account Settings(การจัดการบัญชี)แล้วเปิดใช้ด้วยแอพพลิเคชั่น Google Authenticator

5) หลีกเลี่ยงการติดตั้งโปรแกรมหรือโปรแกรมเสริมที่ไม่น่าเชื่อถือลงในคอมพิวเตอร์

ติดตั้งและอัพเดทโปรแกรมแอนตี้ไวรัส, ไฟร์วอลล์(Firewall-เครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันเน็ตเวิร์กจากการสื่อสารทั่วไปที่ไม่ได้รับ อนุญาต)รุ่นล่าสุดลงในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวหรือคอมพิวเตอร์สำนักงาน เปิดใช้งานโปรแกรมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ




4.การลงทุนแชร์ลูกโซ่โดยใช้ Cryptocurrency (Ponzi Scams)

หลาย ๆ ครั้งเราคงได้พบกับเพื่อนสนิท หรือคนรู้จัก สักคนที่ชอบมาแนะนำการลงทุนที่ดีให้กับเรา ทั้งการบอกว่านี่เป็นโอกาสที่จะสร้างอนาคตให้ตัวเอง หรือแม้แต่บอกว่าต้องการแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับเรา และหลายครั้งอีกเช่นกันที่เรามักจะเผลอเชื่อใจคนสนิทและลงทุนไปกับการลงทุนที่ “ดูท่าทาง” จะไปได้สวย บางธุรกิจนั้นดูดีและน่าเชื่อถือจริง ๆ แถมยังมีคนดังๆ ผู้เชี่ยวชาญร่วมลงทุนในโครงการนี้ไปอีกตั้งเยอะ ในเมื่อคนที่มีความรู้มากกว่าเรายังลงทุนไปกับโครงการนี้ แล้วทำไมเราถึงไม่ลงทุนตามเขาไป ดูยังไงโอกาสกำไรก็เห็นอยู่ชัด ๆ

ซึ่งทุกครั้งการต้มตุ๋นทางการเงินเองก็มีจุดประสงค์ให้เราเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ เพื่อจะทำการหลอกลวงเงินจากผู้ลงทุนจำนวนมากมาย ก่อนที่จะเชิดเงินหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงคราบน้ำตา (กับความซวยและหนี้) ของนักลงทุนที่ไม่ใส่ใจกับการลงทุนของตนเอง โดยการต้มตุ๋นเหล่านี้หลายครั้งสามารถลอยนวลอยู่ได้นับสิบปี และกวาดเงินไปได้หลายพันล้านเลยทีเดียว

 

วิธีป้องกันตัวจากการลงทุนแชร์ลูกโซ่โดยใช้ Cryptocurrency

  • อยากให้ทุกท่านฉุกคิด และทำความเข้าใจว่า การลงทุนไม่ว่าอะไรก็ตาม แม้แต่สุดยอดนักลงทุน ก็ต้องมีจังหวะขาลงที่ขาดทุนบ้าง การที่เราเจอกับโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่มีแต่ได้กับได้ ด้วยกำไรที่สูงและสม่ำเสมอนั้น แทบเป็นไปไม่ได้จริง
  • การลงทุนที่สำเร็จไม่ใช่การที่เราชนะตลอด ไม่ใช่การที่เราหยั่งรู้ได้ล่วงหน้าอย่างถูกต้องแม่นยำว่าควรจะลงทุนกับอะไรในจังหวะไหน แต่การกระจายและจัดการกับความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดและรอบคอบต่างหากที่สร้างความสำเร็จให้กับการลงทุน เพราะเราไม่สามารถตอบได้เลยว่าเราจะได้หรือเราจะเสียกันแน่

3 คดีดังแชร์ลูกโซ่ ล่าเหยื่อ“คนอยากรวย” (รู้ทันการต้มตุ๋นทางการลงทุน)

วันนี้จะขอเล่าถึงการต้มตุ๋นทางการลงทุน รูปแบบที่เคยส่งผลกระทบต่อผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือ กลยุทธ์ต้มตุ๋นแบบพอนซี (Ponzi’s Scheme) และ แบบปิรามิด (Pyramid Scheme) นั่นเอง พร้อมทั้ง 3 คดีดัง ที่ยังคงเป็นที่กล่าวถึงในปัจจุบัน

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<


5.Cloud Mining ปลอม (Fake Cloud mining)

Cloud Mining ถือเป็นสิ่งที่สร้างความสะดวกสบายให้กับนักลงทุน Cryptocurrency ระดับเริ่มต้นที่สนใจการขุดเหรียญได้เป็นอย่างดี โดยการที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลา และทรัพยากรในการดูแลเหมืองขุดของเราเอง แต่เราจะทำการซื้อหรือเช่ากำลังขุดจากเหมือง Cloud Mining นี้ สำหรับบางที่ มีการเปิดเผยชัดเจนว่าเหมืองอยู่ที่ไหน มีการถ่ายวีดีโอทัวร์รอบโรงงาน แต่สำหรับบางเจ้าก็ไม่ได้มีการเปิดเผยที่ภาพถ่าย โดยที่ Cloud Mining บางเจ้าก็อาจจะไม่ได้เป็นเจ้าของกำลังขุดที่ปล่อยขายอยู่ 100% บางส่วนอาจจะทำการซื้อกำลังขุดมาจาก Cloud Mining เจ้าอื่นก็ได้ แต่ยังไงก็ตาม Cloud Mining ก็เป็นการลงทุนที่เสี่ยง ถึงแม้เจ้าที่เราลงเงินไปจะมีชื่อเสียงก็ตาม แต่ไม่ได้แปลว่าเขาพลาดไม่ได้ หรืออย่างล่าสุด Cloud mining สายเสี่ยง ที่ชื่อ bitpetite ก็ปิดเว็บหนี พร้อมกับเหรียญที่นักลงทุนทั่วโลก นำมาฝากขุดที่เว็บนี่

 

วิธีป้องกันตัวจาก Cloud Mining ปลอม

  • เลือกผู้ให้บริการที่โปร่งใส จัดการอย่างมีระบบ น่าเชื่อถือ ไม่มีข่าวเสียหายในอดีต หรือถ้ามีก็ต้องพิจารณาจากการแก้ปัญหานั้นๆว่าทำได้อย่างถูกต้องและยุติธรรมต่อลูกค้าหรือไม่
  • หมั่นนำเงินที่ได้จากการขุด Cloud Mining ออกมาเก็บในที่ที่ปลอดภัยอยู่เป็นประจำ

รีวิว Cloud mining คืออะไร สร้างรายได้จริง? ไม่หลอกลวง?

บริษัท Cloud mining ส่วนใหญ่นั้นตั้งอยู่ในฐานต่างประเทศมันจึงมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร ซึ่งในอดีตมีบริษัท Cloud mining ที่ตั้งขึ้นหลอกๆ ที่ปิดตัวลงไป เราจึงต้องระมัดระวังกับเรื่องนี้ ดังนั้นแนะนำผู้ที่ลงทุนใน Cloud mining ไม่ควรลงเงินกับที่เดียวควรจะกระจายความเสี่ยงออกไปหลายๆแห่ง

>>>อ่านต่อ ที่นี่<<<


6.เหรียญปลอม (Fake Cryptocurrency)

เงินดิจิตอลสกุลใหม่ ICO ปรากฏตัวขึ้นมาแทบทุกๆวัน แต่ละเหรียญนั้นก็มีข้อแตกต่างและจุดประสงค์ของตัวเองในการสร้างมันขึ้นมา เหรียญเหล่านี้มักมีอะไรที่เหมือนๆกัน อย่างเช่น ใช้ Blockchain เหมือนกัน ใช้ Proof of Work สำหรับการขุดเหมือนกัน หรือถูกใช้งานเหมือนเป็นสกุลเงินได้เหมือนกัน แต่ภัยร้ายที่มักแอบแฝงเข้ามาได้คือ Cryptocurrency ปลอมที่อาจจะสร้างโดยองค์กรแชร์ลูกโซ่ที่จะล่อลวงให้คนมาเข้าร่วมกลุ่มและลงทุนในสิ่งนี้ อีกทั้งอาจจะยังมีการแบ่งลำดับขั้นให้สำหรับผู้ที่ชักชวนคนมาลงทุนเพิ่มพร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมาย

ถึงแม้เหรียญจอมปลอมบางเจ้าจะทำการบ้านมาดี อ้างว่าตนเองนั้นตั้งอยู่บน Blockchain อันสุดแสนจะน่าเชื่อถือก็ตาม พร้อมทั้งมี Blockexplorer ของตัวเองด้วย ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะพูดจริงตามที่ว่ามา มันอาจจะเป็นเว็บที่ทำหลอกๆให้ดูเหมือนว่ามี Block และ Transaction เกิดขึ้นเรื่อยๆก็ได้ อย่างล่าสุด เหรียญปลอมที่ชื่อ Confido ปิดเว็บหนี ทำให้ราคาเหรียญล่วงลงมาถึงจุดต่ำสุด

 

วิธีป้องกันตัวจากเหรียญปลอม

  • ศึกษาหลักการทำงานของเหรียญแต่ละเหรียญที่จะลงทุนให้เข้าใจ
  • สิ่งที่ควรเน้นคือการศึกษาว่าเหรียญนี้มีความโดดเด่นต่างจากเหรียญอื่นๆยังไง ถ้าเหรียญนี้ไม่ได้นำเสนออะไรที่ใหม่ๆ ให้โยนทิ้งได้เลย เพราะในเมื่อในตลาดมันมีอยู่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ของซ้ำๆเดิมๆจะมาทำรายได้หรือมีอนาคต
  • อย่าหลงเชื่อคำกล่าวอ้างว่ามีคนดัง ที่น่าเชื่อถือเป็นผู้พัฒนาและเป็นเจ้าของ หรือใช้เทคโนโลยี Blockchain เหมือนเหรียญอื่นๆ ให้ศึกษาและพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนว่าคนดังเหล่านี้น่าเชื่อถือจริงแน่ๆนะ และ Blockchain นี้มันย้อมแมวหรือเหล่า
  • ถ้าเข้าเว็บไซต์ Coinmarketcap.com  แล้วไม่เจอชื่อเหรียญนี้ ก็ควรจะคิดทบทวนซ้ำๆก่อนลงทุนแล้วล่ะครับว่าจะเสี่ยงกับเหรียญนี้หรือไม่ เพราะเว็บนี้คือเว็บที่รวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้ง Market Cap และ Daily Trade Volume ของแต่ละเหรียญ ถ้ามาอยู่ในเว็บนี้แล้ว แปลว่าต้องมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง



เว็บ BadBitcoin.org เป็นที่รวมเว็บไซต์หรือเหรียญที่หลอกลวงชาวบ้านไว้โดยเป็นฝีมือของผู้ใช้งานทั่วไปในวงการ Cryptocurrency ที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ถ้ามีชื่ออยู่ในเว็บนี้ก็ให้ระวังตัวไว้ให้มากยิ่งขึ้น

 

ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวไปไกลมากขึ้น เมื่อมีทั้งการเกิดขึ้นมาของ Bitcoin, Blockchain หรือ Cryptocurrency ตัวอื่นๆมากมาย ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ทำเงินได้อย่างมหาศาล ทำให้เป็นสิ่งที่ดึงดูดคนที่ชอบฉวยโอกาสจากความไม่รู้ ความประมาท และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคน เพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเอง หลังจากอ่านบทความนี้จบ ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่าน จะสามารถตื่นตัวในการระมัดระวังแชร์ลูกโซ่และการหลอกลวงที่ใช้การลงทุนบิทคอยน์ หรือ Cryptocurrency มาบังหน้าได้มากขึ้น เพื่อลดโอกาสการโดนหลอกและทำให้สังคมของ Cryptocurrency เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และสังคมแห่งความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ สืบต่อไป



Credit: https://australianfintech.com.au , https://siamblockchain.com

 

10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!

ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin  เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้  ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า (เราสามารถเช็คปริมาณการซื้อขายต่อวันได้ที่ Coinmarketcap.com)

 

ดังนั้น  ผู้เขียนอยาก จะขอนำเสนอ 10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณสามารถทำกำไรได้!! เว็บเทรดบิทคอยน์เหล่านี้ คุณสามารถเลือกนำมาเป็นต้นแบบ เพื่อฝึกเทรดจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยต่อยอดไปใช้บริการเว็บเทรดเจ้าอื่นๆได้

 

3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง

อ่านต่อได้ที่นี่

 

1. Bitfinex.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่ใหญ่ที่สุด สัญชาติไต้หวัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 เว็บนี้ยังมีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 64 คู่ อนุญาติให้เทรดแบบ margin ด้วย ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $1,765,985,568 นับว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.20 เปอร์เซ็นต์  เหรียญที่ได้รับความนิยมที่เว็บนี้ได้แก่  IOTA , BTC , ETH

 

2. Bittrex.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย สัญชาติอเมริกัน  มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 268 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $840,352,881 เป็นอีกหนึ่งเว็บที่คนไทย มาซื้อ ขายแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิตอล ทำกำไร กันที่เว็บนี้ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์

 

3. Poloniex.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอเมริกัน  เคยเป็นเว็บเทรดที่มีการซื้อขายจำนวนมาก แต่มีปัญหาด้านเทคนิคและการบริการลูกค้าทำให้ ลูกค้าหลายรายหันไปเทรดที่อื่น มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 102 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $648,763,251 เป็นอีกหนึ่งเว็บที่คนไทย มาซื้อ ขายแลกเปลี่ยนที่นี้ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์

 

4. Hitbtc.com

เป็นกระดานเทรดเจ้าใหญ่ของยุโรป ปัจจุบันมี Market Cap อยู่ที่ $401,226,170 มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 300 คู่ ได้รับการร้องเรียนจากนักเทรดหลายราย เรื่อง ราคาและVolume บางเหรียญมีราคาสูงผิดปกติเมื่อเทียบกับเว็บเทรดที่อื่นๆๆ ดังนั้นนักเทรดต้องสังเกตและระวังไว้ด้วย ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์

 

5. GDAX.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอเมริกัน สำนักงานใหญ่อยู่ที่ ซานฟรานซิสโก เป็นเว็บในเครือของ Coinbase ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซื้อขายบิทคอยน์และเหรียญดิจิตอล ที่มีความน่าเชื่อถือในอเมริกา  มีเหรียญดิจิตอลหลักให้ซื้อขายพียง Bitcoin, Litecoin, Etheruim   แต่ปริมาณการซื้อขายต่อวันจำนวนมากอยู่ที่ $376,763,600  ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์ แต่เว็บนี้ยังไม่อนุญาติให้นักเทรดต่างชาติ เทรดที่นี่

 

6. Binance.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติ ฮ่องกง มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆในกระแสให้เทรดจำนวนมากกว่า 130 คู่ ที่มีเหรียญชื่อดังที่อยู่ในกระแสมากมาย เพิ่มเข้ามาตลอด ได้แก่ IOTA, Power Ledger, HshareOmise Go, Kyber network และอื่นๆ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $278,822,343 เป็นเว็บที่มีการตลาดที่ดี จูงใจนักเทรด เช่น ร่วม Vote เหรียญ,แจกเหรียญฟรี หรือ ให้รางวัลในการเทรดเหรียญ และผู้ถือเหรียญ NEO สามารถ นำมาฝากไว้ที่นี่ เพื่อจะได้ปันผลเป็นเหรียญ Gas ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์ 

Note: นักเทรดไทยหลายคนนำเหรียญ OMG และ เหรียญ Zcoin (เหรียญดังในไทย) มาเทรดทำกำไรที่เว็บเทรดนี้ รวมถึง Binance มีการจัดแข่งขันเทรดเหรียญเพื่อชิงรถและเหรียญฟรี ตลอดทั้งเดือนอีกด้วย ลองเข้าไปดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Binance.com

>>>รีวิว Binance (BNB) เว็บเทรด bitcoin ดาวรุ่ง มุ่งสู่ Top 5<<<

 

7. CEX.IO

เป็นเว็บซื้อขายเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอังกฤษ  ที่มีความน่าเชื่อถือ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013  มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวน 15 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $45,186,810 ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.20 เปอร์เซ็นต์

 

8. Yobit.net

เป็นเว็บเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติรัฐเซีย ที่รองรับ 3 ภาษาคือ อังกฤษ รัซเซีย และจีน ก่อตั้งในปี 2015 มีลูกเล่นในเว็บมากมาย มีเหรียญแจกฟรี และมีให้ร่วมเล่นเกมส์เพื่อรับเหรียญ มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 600 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $29,234,118  ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.20 เปอร์เซ็นต์

 

9. BX.in.th

เว็บไซต์นี้เป็น เว็บ ชื้อขาย บิทคอยน์ และเหรียญดิจิตอล อันดับ 1 ของไทย  เปิดซื้อขายในรูปแบบของกระดานหุ้น มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 23 คู่ ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่  $11,727,678 ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่มือใหม่หัดเทรดในไทยจะเริ่มต้นที่เว็บ BX นี้

>>>รีวิว และ ขั้นตอนการสมัคร BX เว็บซื้อ ขาย บิทคอยน์ แห่งแรกของไทย<<<

 

10. Kucoin.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอลน้องใหม่  สัญชาติฮ่องกง ที่มีเหรียญชื่อดังที่อยู่ในกระแสมากมาย ถูกเพิ่มเข้ามาตลอด ได้แก่ NEO, Omise Go, Kyber network ,CIVIC , MTH , Red Pulse เป็นต้น ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $5,502,249 ความพิเศษของเว็บไซต์ Kucoin นี้คือ นโยบายการจ่ายปันผลให้กับผู้ที่ถือเหรียญ Kucoin บนเว็บ ซึ่งรายได้ที่นำมาจ่ายปันผลจะมาจากเงินค่าธรรมเนียม  ของการซื้อขายเหรียญทุกเหรียญในเว็บไซต์ ดังนั้นผู้ถือเหรียญจะมีรายได้แบบ Passive income ด้วย ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์

>>>รีวิว 2 เหรียญมีปันผล Neo และ Kucoin รายได้แบบ Passive income<<<

การที่เราจะเลือกเว็บเทรด Bitcoin ต้องดูจากหลายองค์ประกอบ เช่น

  1. เป็นเว็บเทรดที่มีมาตรฐาน และมีปริมาณการซื้อขายสูง
  2. มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย
  3. การโอนหรือถอนเหรียญทำได้รวดเร็ว
  4. ความหลากหลายของบริการ และมีเหรียญให้เทรดหลายเหรียญ
  5. มีระบบ Support ทีม คอยบริการตลอด 24 ชั่วโมง
  6. ค่าธรรมเนียมไม่สูงมาก



ตารางเปรียบเทียบ 10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง เหมาะสำหรับทำกำไร หรือ ลงทุน

เว็บเทรด
บิทคอยน์
ข้อมูลเว็บไซต์
ข้อดี – ข้อเสีย
ปริมาณการ
ซื้อขาย
(Volume)
ค่า
ธรรมเนียม

    Bitfinex.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่ใหญ่ที่สุด สัญชาติไต้หวัน ข้อดี

*มีปริมาณซื้อขายสูงมากที่สุด

*มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในระดับสูง

ข้อเสีย

*ไม่อนุญาติ US Citizen

$1,765,985,568

0.20%

Bittrex.com

 

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล ที่มีความน่าเชื่อถือ สัญชาติอเมริกัน

ข้อดี

*จดทะเบียนบริษัทในอเมริกา

*มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในระดับสูง

* ไม่มีประวัติการ Hack

*มีเหรียญให้เทรดจำนวนมาก

ข้อเสีย

*ค่าธรรมเนียมสูง

$840,352,881 0.25%

Poloniex.com

กระดานเทรดเหรียญดิจิตอล เคยเป็นที่ 1  สัญชาติอเมริกัน ข้อดี

*จดทะเบียนบริษัทในอเมริกา

*มีเหรียญเก่าให้เทรดจำนวนมาก

ข้อเสีย

*Support ทำงานล่าช้า

*ไม่มีเหรียญใหม่เพิ่มในระบบมากนัก

*ค่าธรรมเนียมสูง

$648,763,251 0.25%

Hitbtc.com

เว็บกระดานเทรดเจ้าใหญ่ของยุโรป ข้อดี

*มีเหรียญให้เทรดจำนวนมาก

*ค่าธรรมเนียมถูก

ข้อเสีย

*เคยถูก Hack เมื่อปี 2016

*ข้อมูลบริษัทมีน้อย ความน่าเชื่อถือน้อย

*บางเหรียญ มีราคาและ Volume ผิดปกติ

$401,226,170 0.10%

GDAX.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอเมริกัน ข้อดี

*จดทะเบียนบริษัทในอเมริกา

*อยู่ในเครือ Coinbase น่าเชื่อถือ

ข้อเสีย

*มีเหรียญให้เทรดน้อย

*ค่าธรรมเนียมสูง

*ไม่อนุญาติ Thai Citizen

$376,763,600 0.25%

Binance.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอลเจ้าใหญ่  สัญชาติ ฮ่องกง ข้อดี

*ถือ NEO ในเว็บ ได้ปันผล GAS

*รองรับภาษาจีน เกาหลี อังกฤษ

*มีเหรียญที่เป็นกระแสจำนวนมาก

*มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียมถูก

ข้อเสีย

*ไม่อนุญาติ คนจีน เทรดที่เว็บนี้

$278,822,343 0.10%

CEX.IO

เป็นเว็บซื้อขายเหรียญดิจิตอล  สัญชาติอังกฤษ ข้อดี

*รองรับ Credit Card และโอนผ่านทางธนาคารได้

ข้อเสีย

*ดีไซน์ และ ชาร์ท ดูล้าสมัย

*มีเหรียญให้เทรดน้อย

$45,186,810 0.20%

Yobit.net

เว็บเทรดเหรียญฟังชั่นเยอะ สัญชาติรัฐเซีย ข้อดี

*มีเหรียญใหม่แจกฟรี

*Function เยอะ

*ลงทุนในเหรียญอื่นๆได้

ข้อเสีย

*มีระบบเดิมพันเหรียญ

$29,234,118 0.20%

BX.in.th

เว็บชื้อขายเหรียญแบบกระดานเทรด No. 1 ของไทย ข้อดี

*มีความน่าเชื่อถือสูง

*มีปริมาณซื้อขายสูงสุดในไทย

*ซื้อขายไม่จำกัด

ข้อเสีย

*ดีไซน์ที่ดูค่อนข้างล้าสมัย

$11,727,678

0.25%

Kucoin.com

กระดานเทรดเหรียญดิจิตอล น้องใหม่  สัญชาติฮ่องกง ข้อดี

*ถือเหรียญ Kucoin และ NEO ได้รับปันผล  จ่ายให้ทุกวัน

*มีเหรียญชื่อดังมีกระแสมากมาย

*อัตราการเติบโตสูงมาก

ข้อเสีย

* มีปริมาณการซื้อขายยังน้อย

$5,502,249

0.10%

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่


3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่





 

8 วิธีเล่น บิทคอยน์ Bitcoin ให้ได้กําไร 100 % ใช้ได้จริง

วิธีเล่น บิทคอยน์ Bitcoin ให้ได้กําไร 100 % (ใช้งานได้จริง) สำหรับมือใหม่ที่ต้องการแนวทางในการเล่น บิทคอยน์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร ผู้เขียนจึงได้เขียนบทความ 8 วิธีเล่น บิทคอยน์ Bitcoin ให้ได้กําไร 100 % ซึ่งเกิดขึ้นมาจากประสบการณ์ตรงในการลงทุน บิทคอยน์ ของผู้เขียนเอง คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่กำลังเข้ามาในแวดวง Cryptocurrency นี้

ดังนั้นลองนำ 8 เทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในการเริ่มต้นเล่นบิทคอยน์กันเลย

 

1.ปรับเปลี่ยน Mindset ของเราให้เป็น Growth Mindset

ก่อนอื่น มือใหม่ทุกคนต้องปรับ Mindset กันก่อน เราต้องเชื่อในศักยภาพและการพัฒนาของตัวเราเองว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงความเฉลียวฉลาดและความสามารถของตัวเองได้ ด้วยการเรียนรู้และฝึกฝน เปิดใจและเปิดรับความคิดเห็นใหม่ๆ มองความผิดพลาดและความล้มเหลวคือการเรียนรู้ และเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เราได้พัฒนาตนเอง

 

หลายครั้งที่เห็นนักลงทุนมือใหม่ โทษคนอื่นว่าทำให้ตนต้องขาดทุนในการลงทุน และหลายครั้งที่ไม่ได้กลับมามองตนเองว่า ในความขาดทุนนั้น ตัวเราเองได้ศึกษาอย่างดีแล้วหรือยัง?

คุณควรเริ่มจากศึกษาตนเอง ว่าตนเองมีลักษณะแบบใด และเหมาะกับการลงทุนแบบไหน ดังคำกล่าวของซุนวูที่ว่า ‘รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง’ ดังนั้นก่อนจะลงทุนใดๆ ‘รู้เขา’ อย่าลืม ‘รู้เรา’

 

2 . เลือกวิธีการได้ Bitcoin มาครอบครอง  และตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าเราอยู่สายไหน   

การได้มาของ bitcoin นั้นสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 3 แบบดังนี้คือ

1.ได้มาโดยการขุด 2.ได้มาโดยการเทรด 3.ได้มาโดยรูปแบบอื่นๆเช่น เล่นเกมส์

ซึ่งทั้ง 3 วิธีนั้นมีความคุ้มค่าแตกต่างกันออกไป

หาข้อมูล วิธีการได้บิทคอยน์มาครอบครอง และ การขุดบิทคอยน์ ให้มีรายได้ ได้ที่นี่

แต่ในบทความนี้เราจะเน้นการได้บิทคอยน์ มาโดยการเทรด เป็นหลัก

การเล่นบิทคอยน์ ให้ได้กำไร 100% คือ คุณต้องตัดสินใจลงไปอย่างแน่ชัดเลยว่า คุณอยู่สายไหน โดยสายของการเล่นบิทคอยน์  นั้นมีอยู่ 2 สายหลักๆ นั้นก็ คือ

1.สายเทคนิค ทำกำไรระยะสั้น

2.สายพื้นฐาน ลงทุนระยะยาว

โดยในบทความชิ้นนี้จะเป็นการพูดถึงสายเทคนิคเท่านั้น เพราะเป็นสายที่สามารถทำกำไรได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วมากที่สุดกว่าทุกๆสาย คำว่า สายเทคนิค ก็หมายถึงการใช้กราฟต่างๆเข้ามาช่วยในการทำนายราคาที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตและทำกำไรจากมันนั่นเอง

 

3. โบรกเกอร์เทรดบิทคอยน์มีส่วนสำคัญมาก

ลำดับต่อไปคือ การซื้อบิทคอยน์และเก็บบิทคอยน์กับโบรกเกอร์เทรดบิทคอยน์ ตรงนี้ต้องเลือกให้ดีนะ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจไปเจอโบรกเกอร์ที่ คิดค่าธรรมเนียมสูง ไม่มีทีม support ช่วยเหลือ หรือ แม้กระทั่ง เจอเว็บหลอกลวง ปิดเว็บหนี ดังนั้นตรงนี้ต้องมีหลักการเลือกที่ดี โดยสรุปหลักๆมาให้มีดังนี้

1.เลือกโบรกเกอร์ที่รองรับภาษาไทย

2.เลือกโบรกเกอร์ที่มี Support เป็นคนไทย บริการดี แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

3.เลือกโบรกเกอร์ที่สามารถฝาก ถอนเงินผ่าน ธนาคารไทยได้

4.เลือกโบรกเกอร์ที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยบัญชีลูกค้า และ น่าเชื่อถือ

หาข้อมูล 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ได้ที่นี่

จากประสบการณ์ของผู้เขียนซื้อบิทคอยน์ ในเว็บ BX.in.th แล้วโอนไปยัง BinanceBitfinex , Bittrex  เพื่อเทรดทำกำไรในตลาดที่มีการซื้อขาย ปริมาณที่สูงกว่า เมื่อได้กำไรมา จะนำมาแลกเงินบาทที่ BX.in.th แล้วโอนเข้าบัญชีธนาคารในไทย

10 เว็บเทรด Bitcoin ที่มีการซื้อขายสูง ที่อาจทำให้คุณรวย!!

ปัจจุบันมี เว็บเทรด Bitcoin เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญผุดขึ้นมามากมายทั่วโลก สำหรับมือใหม่หลายคน ไม่รู้จะเลือกเทรดบิทคอยน์ที่ไหนดี?? การเลือกเว็บเทรดบิทคอยน์ที่ดีนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไรในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้ มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บเทรดที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงมีอยู่ไม่กี่เจ้า

>>>อ่านต่อ ที่มี่<<<

 

4.เตรียมเงินลงทุนของคุณให้พร้อม (เงินเย็น)

ให้มั่นใจว่าเงินของคุณนั้นพร้อมและเป็นเงินเย็นๆ ความหมายของมันคือ เป็นเงินที่ถ้าคุณต้องเสียไปหมด คุณจะต้องไม่เสียดาย คุณต้องพร้อมรับความเสี่ยงทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้เสมอ

 

5.มีกลยุทธ์ในการเทรดบิทคอยน์

การแบ่งกลยุทธ์ในการเทรดบิทคอยน์  มีหลักการง่ายๆ 3 ประการดังต่อไปนี้

5.1 มีเครื่องมือช่วยตัดสินใจที่ดี

5.2 มีการบริหารจัดการเงินหน้าตักที่ดี

5.3 มีหลักจิตวิทยาที่ดี

ผู้เขียนจะขออธิบายที่ละข้อก่อน ดังนี้

 

5.1  มีเครื่องมือช่วยตัดสินใจที่ดี

จากประสบการณ์การเทรดบิทคอยน์ ผู้เขียนใช้ Indicator ในการช่วยตัดสินใจ เช่น Stochastic, MACD , RSI

Indicator หรือ ที่เรียกกัน ว่า อินดี้  เป็น เครื่องมือที่จะช่วยในการชี้วัดนั้นไม่ควรใช้เกิน 3 ตัว เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องรอสัญญาณนานเกินไป และก็ไม่น้อยเกินไปจนทำให้การอ่านค่าสัญญาณนั้นไม่แม่น โดยดูกราฟ 1 Day เป็นหลักในการตัดสินใจ และเข้าไปเลือกซื้อในช่วงกราฟ ชั่วโมง

แนะนำนักลงทุนมือใหม่ ศึกษากราฟ ให้มากๆ เพื่อดูแนวโน้มขึ้น ลง โดยสามารถเข้าไปทดลองใช้กราฟฟรีได้ที่ Coinigy หรือ Tradingview 

 

โดยวิธีการเลือกหลักๆ มีดังนี้ 

1.ตัดสินใจเลือกคู่สกุลเงินดิจิตอลที่ตนเองถนัดก่อน หรือ เหรียญที่ดีมีอนาคต – เช่น  BTC/USD , BTC/USDT , BTC/ Altcoin ,THB/OMG , THB/ETH

2.ตอบให้ได้ก่อนว่ามันมีเทรนด์ใน 1 Day อย่างไร – ขึ้น หรือลง มีข่าวอะไรมาประกอบมั้ย สามารถเช็คได้ทาง Bitcointalk  หรือ Twitter  

3.เลือกใช้ Indicator  เข้ามาช่วยประกอบการตัดสินใจ เช่น Stochastic, MACD , RSI

ผู้เขียน ชอบใช้เส้น RSI เพื่อดูค่า 80/20 ประกอบการตัดสินใจ เช่น ช่วงที่คนขายกันเยอะ Oversold อาจจะเป็นช่วงจังหวะดี ที่ทยอยเก็บเหรียญที่ชอบ ถ้าเกิด Overbought คนซื้อกันเยอะ ก็อาจจะทยอยขายทำกำไรบางส่วน 

 

5.2 มีหลักการบริหารจัดการเงินที่ดี (Money Management)

ข้อนี้หมายความว่า คุณต้องมีเงินทุนพอที่จะลงทุน ถ้าคุณยังมีเงินไม่มากนัก ก็อาจเริ่มต้นเก็บเล็กผสมน้อยไปก่อน

โดย Money Management หลักๆคือ  เป็นวิธีที่บริหารเงินที่จะทำให้เสียน้อยๆ ไม่ให้เจ็บตัวมาก เป็นวิธีที่ช่วยเรื่องความเสี่ยง ให้ลดความเสี่ยงลงไป เพราะ เงินทุนหรือกระสุนที่เรามีสำคัญมากๆถ้ามันลดลงมากแสดงว่า เราต้องหาให้มันกลับมาเท่าเดิมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ยิ่งสูงเข้าไปใหญ่

“ดังนั้นในการเลือก ลงทุนหรือเทรดสกุลดิติตอลคู่ไหน  ไม่ควร All in One หรือ วางเงินทั้งหมดลงไป แต่ควรที่จะกระจายความเสี่ยงไว้ด้วย” 



5.3มีหลักจิตวิทยาที่ดี

ข้อที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นข้อสุดท้ายและมีความสำคัญมากๆคือ คุณต้องมีหลักจิตวิทยาที่ดีในการเทรดบิทคอยน์ และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ คำว่าหลักจิตวิทยาที่ดีคือคือ ใจที่จะต้องนิ่ง และอย่าปล่อยให้อารมณ์โกรธ หรือความโลภเข้ามาครอบงำคุณ ในทุกขั้นตอนที่คุณเทรดแน่นอนว่ามันอาจยากตอนคุณเริ่มต้น แต่ผู้เขียนมั่นใจว่าคุณทำได้แน่นอน

 

6.หมั่นเข้าอบรมสัมมนาการเทรดบ่อยๆ

การอบรมสัมมนาที่เกี่ยวข้องการเทรด  คุณจะเข้าที่ไหนก็ได้ อาจจะเป็นในกลุ่ม Facebook, YouTube เพราะการที่คุณได้เข้าร่วมสัมมนา มีส่วนช่วยหลายอย่าง ดังต่อไปนี้คือ

6.1 ช่วยให้เราอยู่ในบรรยากาศของการเทรดบิทคอยน์

6.2 ได้พบปะเพื่อนในวงการเทรดบิทคอยน์

6.3 ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆในการเทรด ให้ชนะตลาด 100 %

สำหรับใครที่ยังไม่ถนัดในการเทรด สามารถเข้าไปดูสไตล์ การเทรดของนักลงทุนจากต่างชาติ หรือเข้าไป copy trade นักลงทุนที่สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ได้ที่ Etoro และ 1broker โดย 2 เว็บไซต์นี้อนุญาติให้เราทำการ copy การเล่นของนักลงทุนได้

ผู้เขียนแนะนำว่า ควร เข้าไปดูประวัติการเทรดของนักลงทุนว่าได้กำไรเป็นอย่างไร? น่าเชื่อถือมั้ย? แล้วลองวางเงินลงทุนจำนวนน้อยๆ เพื่อทดสอบการเล่นของนักลงทุนก่อน เมื่อมั่นใจแล้ว ก็อาจจะเพิ่มจำนวนเงินภายหลัง แต่อย่าลืมว่าเราควรดูสไตล์การเล่น และนำเทคนิคเหล่านั้นมาปรับใช้ เพราะไม่มีใครดูแลเงินเราได้ดี กว่าตัวเราเอง

 

7.จดบันทึกผลของการเทรดรายวัน

เมื่อคุณเริ่มเล่นบิทคอยน์ หรือ เทรดสกุลดิจิตอลอื่นๆ ผู้เขียนอยากให้คุณหาสมุดมา 1 เล่ม และทำการจดบันทึกผลของการเทรด ทุกๆวัน การที่เราบันทึกผลของการเทรด ทุกๆวันและทุกๆตา มันช่วยให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางบวกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยลบข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

 

8 .หากผิดพลาดอย่าท้อ

ผู้เขียนเคยเทรดผิดพลาด ติดดอยบ้าง ซื้อแพงขายถูกบ้าง  บางครั้งเชื่อข่าวลวงบ้าง โทษตัวเอง โทษคนอื่นบ้าง แต่เมื่อไหร่ที่ เกิดความผิดพลาดจงหันกลับมาทบทวนตัวเองว่าเราทำผิดที่ตรงไหน เรียนรู้จากความผิดพลาด และหาแนวทางปรับปรุงเพื่อทำให้การลงทุนครั้งใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม  เชื่อว่าหากเราหมั่นทบทวนตัวเอง และทบทวนการลงทุนของเราอย่างสม่ำเสมอ เราจะประสบความสำเร็จจากการลงทุนอย่างแน่นอน

เป็นกำลังใจให้ทุกคน และขอให้ทุกคนโชคดี ร่ำรวย และทำกำไรจากตลาด Cryptocurrency ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ 

4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต ประจำปี 2563

วันนี้เราได้รวบรวม 4 เว็บเทรดบิทคอยน์ในไทย ที่ได้รับการรับรอง จาก ก.ล.ต โดยเว็บเทรดทั้ง 4 นี้ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามบทเฉพาะกาลตามคำสั่งของ ก.ล.ต. หรือ ได้รับ License แล้วนั่นเอง

อ่านต่อที่นี่


3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีการซื้อขายสูงสุดปี 2020

ใครที่อยากลองเทรดในตลาดต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง บทความนี้ เรามาดูกันว่า 3 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในปี 2020 มีเจ้าไหนบ้าง ไปดูกัน

อ่านต่อที่นี่