5 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่มีการซื้อขายสูงสุด 2018

ในปัจจุบันนี้ มี เว็บเทรด Bitcoin นอก ผุดขึ้นมามากมาย สำหรับมือใหม่หลายคน การเลือกเว็บเทรด Bitcoin ที่ดี น่าเชื่อถือนั้น จะมีผลต่อการเทรดของคุณอย่างมาก มันอาจจะเป็นตัวชี้วัดในการทำกำไร ขาดทุน ในอนาคตของคุณเลยก็ว่าได้  ในโลกออนไลน์มีเว็บเทรดจำนวนมากก็จริง แต่เว็บไหนที่น่าเชื่อถือ และมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดมีอยู่ไม่กี่เจ้า

วันนี้  ผู้เขียนจึงอยากมานำเสนอ 5 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่มีการซื้อขายสูงสุด ในปี 2018  เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการตัดสินใจสำหรับมือใหม่ หรือ ใครที่อยากลองเทรดในต่างประเทศดูเพื่อกระจายความเสี่ยง ในช่วงที่ตลาดซื้อขายบิทคอยน์ในประเทศที่กำลังซบเซา ไม่แน่คุณอาจสามารถทำกำไรได้ที่นี่!!

 

1. Binance.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติฮ่องกง ที่มีปริมาณการซื้อขาย มากเป็นอันดับ 1    ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $1,505,326,474  มีเหรียญดิจิตอลให้เทรดจำนวนมากกว่า 300 คู่  โดยเหรียญที่นิยมเทรดมากสุด 10 อันดับตามรูปด้านล่าง

Binance เป็นเว็บที่ผู้ถือเหรียญ NEO สามารถ นำมาฝากไว้ที่นี่ เพื่อจะได้ปันผลเป็นเหรียญ Gas

ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญดิจิตอล อยู่ที่ 0.10 เปอร์เซ็นต์  หรือดูค่าธรรมเนียมแต่ละเหรียญได้ที่นี่

หาข้อมูลเพิ่มเติม binance.com ที่นี่

2. Huobipro.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดของจีน ที่มีปริมาณการซื้อขาย  มาเป็นอันดับ 2   ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $1,221,045,262    มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 207 คู่  เว็บนี้ ได้รับความนิยมในการเทรด Margin อย่างมาก

หาข้อมูลเพิ่มเติม Huobipro.com ที่นี่

3. UPbit.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติเกาหลี  ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่  $1,097,787,014

มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 242 คู่ แต่อนุญาติให้คนเกาหลีใต้เทรด เท่านั้น

หาข้อมูลเพิ่มเติม upbit.com ที่นี่

4. OKex.com

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติจีน ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $1,010,886,158

มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 464 คู่ สามารถเทรด BTC LTC Future ได้ที่นี่

หาข้อมูลเพิ่มเติม okex.com ที่นี่

 

5. Bitfinex.com 

เป็นเว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  สัญชาติฮ่องกง ปริมาณการซื้อขายต่อวันอยู่ที่ $768,300,235

มีเหรียญดิจิตอลอื่นๆให้เทรดจำนวนมากกว่า 50 คู่ เคยเป็นเว็บเทรดอันดับ 1 ในปี 2017 

หาข้อมูลเพิ่มเติม bitfinex.com ที่นี่

 

การที่เราจะเลือก เว็บเทรด Bitcoin ควรจะต้องดูจากหลายองค์ประกอบ ดังนี้

  1. เป็นเว็บเทรดที่มีมาตรฐาน และมีปริมาณการซื้อขายสูง
  2. มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย 
  3. การโอนหรือถอนเหรียญทำได้รวดเร็ว
  4. มีเหรียญใหม่ๆให้เทรดหลายเหรียญ 
  5. ค่าธรรมเนียมไม่สูงมาก
  6. มีระบบ Support คอยบริการตลอด 24 ชั่วโมง

 

ตารางสรุป  5 เว็บเทรด Bitcoin ต่างประเทศ ที่มีการซื้อขายสูงสุด ในปี 2018

เว็บเทรด

บิทคอยน์

ข้อมูลเว็บไซต์

ข้อดี – ข้อเสีย

ปริมาณการซื้อขาย

(Volume)

ค่า

ธรรมเนียม

Binance.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอลอันดับ 1 สัญชาติฮ่องกง ข้อดี

* ระบบเทรดมีมาตฐาน และรวดเร็ว

* ถือ NEO ในเว็บ ได้ปันผล GAS

* รองรับภาษาจีน เกาหลี อังกฤษ

* มีเหรียญใหม่เป็นกระแสจำนวนมาก

 

ข้อเสีย

* ไม่อนุญาติคนจีน เทรดที่เว็บนี้

* มีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาเว็บล่มในบางช่วง

$1,505,326,474

0.10%

 

Huobipro.com

 

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติจีน ข้อดี

* ถือเป็นเว็บเทรดที่ใหญ่สุดในจีน

* มีส่วนลดสำหรับ Membership

* รองรับ 12 ภาษา รวมทั้งไทย

* มี Margin เทรด

* มีเหรียญที่เป็นกระแสจำนวนมาก

 

ข้อเสีย

* เคยมีการรายงานปริมาณการซื้อขายมากผิดปกติ

$1,221,045,262  0.20%

UPbit.com 

 

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติเกาหลี ข้อดี

* เจาะตลาดนักเทรดเกาหลีใต้

*เป็น Partner กับเว็บเทรด Bittrex

* มีเหรียญที่เป็นจำนวนมาก

 

ข้อเสีย

* รองรับเฉพาะนักเทรดเกาหลีใต้เท่านั้น

 $1,097,787,014  0.25%

Okex.com

 

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล สัญชาติจีน ข้อดี

* มี BTC LTC Future

*มีเหรียญที่เป็นกระแสจำนวนมาก

 

ข้อเสีย

* มีความเสี่ยงในด้านกฎหมายในจีน

$1,010,886,158  0.20%

Bitfinex.com

เว็บกระดานเทรดเหรียญดิจิตอล  ที่ใหญ่ที่สุด สัญชาติไต้หวัน ข้อดี

* เคยเป็นเว็บเทรดที่มีปริมาณซื้อขายสูงมากที่สุดปี 2017

* สามารถเทรดแบบ Margin ที่นี่

 

ข้อเสีย

* เคยมีการรายงานปริมาณการซื้อขายมากผิดปกติ

$768,300,235

0.20%



รีวิว epayments บัตรกดเงินบิทคอยน์ ทำให้การถอนเงินสดเป็นเรื่องง่าย

วันนี้ผู้เขียนจึงอยากมานำเสนอ อีกช่องทางหนึ่ง สำหรับนักลงทุนดิจิตอล ในการถอนเงินบาทออกจากเหรียญ Crypto Currency ที่เราครอบครองอยู่ นั่นก็คือ การถอนเงินบาทผ่านทางบัตร epayments ซึ่งเป็น บัตรเดบิตบิทคอยน์ แบบ MasterCard นั่นเอง

อ่านต่อที่นี่